ป้ายรถเมล์เดียว ....
เมื่อ 2-3 วันก่อนต้องไปประชุมที่นครสวรรค์และต้องไปประชุมต่อที่กรุงเทพฯ ตัดสินใจขับรถส่วนตัวไปกับพี่ที่ร่วมงานด้วยกัน แต่เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับเส้นทางและพฤติกรรมการขับรถของคนเมืองกรุง จึงตัดสินใจจอดรถทิ้งไว้ที่นครสวรรค์และนั้งรถเข้ากรุงเทพ
ขากลับจึงนั่งรถเมล์จากกรุงเทพฯ มาจังหวัดนครสวรรค์เพื่อจะมาเอารถยนต์ที่จอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลแม่และเด็ก ด้วยความที่ไม่ขึ้นรถเมล์จากกรุงเทพฯ มานครสวรรค์ครั้งแรก ประกอบกับไม่รู้เส้นทางในนครสวรรค์ หลังจากที่รถแล่นออกมาจากตัวกรุงเทพสักชั่วโมงได้ ทางพนังงานบนรถถามสถานที่ที่ต้องการลง พอมาถึงตัวเองก็มองหน้ากับพี่ที่มาด้วยกัน และแจ้งกับพนังงานว่า
"ลงที่หน้าโรงพยาบาลแม่และเด็กค่ะ"
พนังงานตอบกลับมาอย่างไม่ลังเล "เราไม่ได้จอดค่ะ แต่ลงที่หน้าค่ายฯ"
อืม...แล้วไอ้ที่หน้าค่ายนี้ไกลไหมน๊า!!! ใบหน้าลังเลและความพยายามที่จะสื่อสารกับพนักงานว่าเราไม่ใช่คนนครสวรรค์หรือเราไม่รู้จักว่าค่ายฯ ที่ว่าอยู่ที่ไหน จึงตัดสินใจถามต่อว่า
" แล้วไกลจากโรงพยาบาลแม่และเด็กไหมคะ"
"แค่ป้ายรถเมล็เดียว เดินก็ถึง" พนังงานตอบอย่างผู้ชำนาญการ
การสนทนาจบลงพร้อมกับภาพของพนังงานที่เดินถามคนอื่น ๆ ต่อ แต่ทิ้งคนสองคนกับใบหน้าที่ออกจะงง
"แล้ว 1 ป้ายรถเมล์ มันไกลแค่ไหนพี่" ฉันถามพี่ที่มาด้วยกัน
"ไม่รู้สิ ถึงก็คงรู้" พี่ร่วมทาง ตอบอย่างสบายอารมณ์ เพราะพี่เค้ายังเพลิดเพลินกับทุ่งนาสองข้างทางที่แสนจะมีระบบการปลูกที่แตกต่างจากน่านบ้านเรา
1 ป้ายรถเมล์ยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของฉันต่อไป....ต่อไป และต่อไป
จนกระทั้ง เวลาผ่านไป พนังงานคนเดิม ยืนขึ้นด้านหน้าของป้ายรถเมล์ และประกาศจุดจอดรถแต่ละจุดที่จะจอดก่อนถึงปลายทาง ตอนนั้นฉันเริ่มมีอารมณ์เครียดขึ้นมาเรื่อย เพราะ 1 ป้ายรถเมล์นั่นเอง สาเหตุที่เครียดเพราะไม่ค่อยนั่งรถเมล์ที่จอดเป็นป้าย เหมือนกรุงเทพฯ อีกอย่างเมืองน่านก็ไม่มีรถเมล์โดยสารรอบเมืองที่บริการจอดตามป้าย จึงกะประมาณไม่ได้ว่า 1 ป้ายรถเมล์ไกลแค่ไหน
หลังจากที่ประกาศเสร็จ คงเดาได้ว่าจะเกิดอะไรต่อ ตามธรรมเนียมพนังงานซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทรถก็ประนมมือขอบคุณผู้โดยสารที่ใช้บริการ.....แต่ ที่ทำให้ความเครียดของฉันหายอย่างปัจจุบันทันด่วนก็เนื่องจากว่า พนังงานคนนั้นไม่เพียงไหว้และเปล่งวาจา "ขอบคุณค่ะ" ครั้งเดียวตอนประกาศเสร็จเท่านั้น เธอยังเดินขอบคุณซ้าย ขวา ซ้าย ขวาและทุกคนจากด้านหน้ารถจนกระทั้งที่นั่งเบาะสุดท้ายของรถ ทำให้ฉันทึ่งและประทับใจในบริการ
"หน้าค่ายค่ะ" เสียงพนังงานดังมาจากทางด้านหลัง
ฉันกับพี่ที่ร่วมทางก็รีบลุกขึ้นเตรียมตัวที่ประตูรถ
"น้อง แล้ว 1 ป้ายรถเมล์ไกลกี่เมตร" ฉันถามอีกครั้ง
"ประมาณ 500 กว่าเมตรพี่" พนังงานยิ้มและตอบกลับมา
อืม..."โอ้ พี่ ครึ่งกิโล" ฉันหันไปบอกพี่ที่มาด้วยกันและยิ้มแห้งๆๆ
พอลงรถ ฉันหันไปทางที่ที่เราจะเดินกันต่ออีก 500 เมตร และแล้ว คนสองคน...ที่คนหนึ่งขาไม่ค่อยดีเพราะเจ็บข้อ กับอีกคนที่ผ่าตัดไส้ติ่งมาเดือนกว่า ก็เริ่มออกเดินทาง ..พอถึงเป้าหมายคือที่รถของเรา
ฉันก็พบว่า "1 ป้ายรถเมล์" มันไม่ได้ไกลอย่างที่คิด