(ร่างบทความสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซท์ของนรทุนรัฐบาล)
--------- ----------------------
บทความต่อไปนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับนักเรียนทุนรัฐบาล แต่เป็นความคิดเห็นของนักเรียนทุนคนหนึ่งต่อการยกสถานะทางวิชาการของประเทศเป็นสังคมแห่งองค์ความรู้ ผมนำเสนอบทความนี้ต่อนักเรียนทุนเป็นกลุ่มแรกเพราะผมเห็นว่าสังคมนักเรียนทุนนี้เป็นสังคมวิชาการที่เข้มแข็งที่สุดสังคมหนึ่งของประเทศ เป็นกลุ่มคนที่มีความสนใจ ความรู้ ประสบการณ์ และพันธมิตรที่หลากหลาย ท้ายสุดแล้วผมเชื่อว่าพวกเราต่างมีอุดมการณ์ลึกๆร่วมกันที่จะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เพื่อประเทศของพวกเรา
--------- --- -- - - - --- ---- --- -- --- ------ - --
ความจริงข้อที่หนึ่ง…
ประเทศไทยเป็นประเทศขนาดกลางถึงค่อนข้างเล็กครับ “ขนาด “
ในที่นี่หมายถึง ทรัพยากร มวลรวมที่สามารถใช้ขับเคลื่อนประเทศ ได้แก่
พื้นที่ ขนาดเศรษฐกิจ จำนวน และคุณภาพของประชากร
ผมยกความจริงข้อนี้ขึ้นมาเตือนความจำกันก่อน เพราะว่า
บ่อยครั้งเหลือเกินเวลาเราพูดถึงเรื่อง “ปฎิรูป และพัฒนา”
เรามักจะเอาประเทศไทยไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นที่ “ขนาด”
ต่างเรามากๆ
หลายต่อหลายครั้งที่เราพูดถึง “งบวิจัยและพัฒนา(R&D)”
“จำนวนนักวิจัยต่อประชากร” “จำนวนผู้สำเร็จการศึกษา”ระดับนั้นระดับนี้
เราเอาตาราง เอาแผนภาพออกมากางดูกัน แล้วบ่นว่า โอ้โห เห็นมั๊ย
เรามีไอ้นี้น้อยกว่าไต้หวัน ไอ้โน่นน้อยกว่าเกาหลี
ไอ้นั่นไม่เท่าสิงคโปร์ (ไม่ต้องพูดถึงญี่ปุ่น อเมริกา
อะไรพรรค์นี้นะครับ) ดูเหมือนว่าเราจะไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง
การเปรียบเทียบและวิเคราะห์ลักษณะนี้มีประโยชน์อยู่บ้าง
คือเตือนให้เรารู้ว่าเราขาดอะไรหลายๆนะ
แต่น่าเสียดายว่าคนจำนวนมากหยุดอยู่แค่ตรงนั้น
…คนจำนวนมากเหลือเกินที่ผมรู้จักหยุดอยู่ตรงความคิดที่ว่า ..
“ก็เรามันยังไม่พร้อม..จะทำอะไรได้สักเท่าไหร่”
คนจำนวนมากเหลือเกินโดยเฉพาะนักเรียนทุนผู้มีโอกาสเห็นโลกสองใบพร้อมๆกัน..โลกหนึ่งดูจะมีทุกอย่างพร้อมหมด
งบเยอะ คนมีคุณภาพ ตลาดเปิด ระบบการศึกษาแข็งแรง ทุกอย่างเป็นระบบ
….อีกโลกหนึ่งโลกที่ตัวเองจากมา…ตอนก่อนมาก็ไม่เห็นมันมีปัญหาอะไรเท่าไหร่
แต่ยิ่งนานวันยิ่งเมื่อมองกลับไปเห็นว่ามันผุพรุนไปหมด
…คนส่วนมากเห็นทางออกอยู่สองทาง
หนึ่ง หนี…ออกไปทำอย่างอื่น ออกไปอยู่ที่อื่น ที่ดูจะพร้อมกว่า
สอง ทนๆไป ก้มหน้าก้มตาทำงานไป…ทำตัวเป็นคนดีที่โลกลืม
มันคงจะดีขึ้นเองสักวัน
น่าแปลกนะครับที่ไม่เห็นมีใครตั้งใจวางแผนจัดการกับสำหรับปัญหาที่เห็นๆอยู่แล้วว่าต้องเจอตรงหน้า
ความจริงข้อที่หนึ่ง ที่ผมอยากจะย้ำคือ เราเป็นประเทศ “ขนาดเล็ก”
ที่ทรัพยากรค่อนข้างจำกัด
เราเพิ่มขนาดได้…เพิ่มทรัพยากรได้..แต่ต้องใช้เวลา…..นาน
อีกอย่างคือทรัพยากรเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องมหัพภาค
การจะเพิ่มงบR&Dขึ้นมาเยอะๆ การจะเพิ่มจำนวนนักวิจัยมากๆ
การจะยกระดับการศึกษาทั่วประเทศ เป็นเรื่องที่ต้องการอำนาจ
เป็นเรื่องที่ขึ้นกับ พวก
“ยอดพีระมิด”(ซึ่งเอาแน่เอานอนไม่ได้ซักเท่าไหร่) มากเกินไป
…คนส่วนมากไม่ค่อยคิดถึงเรื่องการจัดการทรัพยากร
..คนส่วนมากพูดถึงมันบ้างแบบผิวเผิน
…คนส่วนมากไม่ตั้งโจทย์ว่า
…เอาหล่ะสมมติว่าทรัพยากรเรามีเเค่นี้ อาจจะเพิ่มได้แต่คงเป็นชาติหน้า
เราจะทำยังไงกับมันดี
…เอาหล่ะเรามีขีดจำกัดเยอะแยะ
ภายใต้ขีดจำกัดนี้เราจะยืนขึ้นอย่างไร
…เอาหล่ะเราจะออกไปตามค้นตามหาทุกซอกทุกมุมว่าไอ้ทรัพยากรอันมีค่าเนี่ยมันอยู่ที่ไหน
เราจะขุดจะเจาะ เอามากลั่น เอามาแปรรูป เอามาใช้
คำถามสำคัญมีอยู่ว่า การบริหารทรัพยากร ก็เป็นเรื่องพวก “ยอดพีระมิด”
มิใช่หรือ?
โดยทั่วไปเราคิดกันว่าการจัดการทรัพยากรคนเป็นหน้าที่ของผู้บริหารองค์กร
และหน่วยงานรัฐที่มีตัวย่อคล้ายๆกันและจำยากๆ
ซึ่งพวกเรามักจะบ่นกันว่าช้าบ้าง ซ้ำซ้อนบ้าง
ไม่เห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง
พวกเราไม่ค่อยคิดกันว่า การจัดการทรัพยากรคน
เป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด ซับซ้อนน้อยกว่าที่คิด
…ทรัพยากรมนุษย์ เป็นอะไรที่แปลกกว่าทรัพยากรทั่วไป อย่างแรก
คือยิ่งใช่ยิ่งเพิ่ม ยิ่งใช้ยิ่งมีพลัง
ที่สำคัญไปกว่านั้น …ทรัพยากรมนุษย์เป็นทรัพยากรที่จัดการตัวเองได้
เราไม่ต้องไปคุ้ยไปเขี่ยไปจุ้นจ้านกับมันมาก(เผลอๆมันอาจพาลอึดอัดรำคาญไม่ทำงานเอาซะอีก)
เราไม่ต้องไปบังคับให้มันโชว์กำลังสำแดงศักยภาพ
เพื่อจะให้มันทำประโยชน์
…แต่ทรัพยากรมนุษย์ต้องการเงื่อนไขที่เหมาะสมบางอย่าง
สภาพแวดล้อมบางอย่างอันเอื้ออำนวยต่อการที่มันจะจัดการตัวของมันเอง
เงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้ทรัพยากรคนที่อยู่กระจัดกระจายเข้ามารวมตัวกันเอง
จัดกลุ่มเอง แบ่งหน้าที่กันตามความถนัด ต่างคนต่างทำสิ่งที่ตัวเองชอบ
แต่ก็ปรับตัวเพื่อทำงานประสานกัน
ต่างคนต่างเห็นภาพตัวเองเป็นจักรเฟืองเล็กๆแต่ทรงประสิทธิภาพ
เห็นเฟืองตัวอื่นๆรอบข้างแข่งกันหมุนไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง
…ที่สำคัญ
ต่างคนต่างรู้ว่าตัวเองไม่ได้หมุนไปข้างหน้าเป็นบ้าเป็นหลังแค่เพื่อความมันส์ส่วนตัวแต่เพื่อขับเคลื่อนกลจักรของกลุ่ม
หน่วยงาน องค์กร และประเทศ
เงื่อนไขพวกนั้นมีอะไรบ้าง? อะไรจำเป็นที่สุด?
เป็นไปได้มากที่สุด?
ไม่มีความเห็น