สวัสดีครับ
เป็นบันทึกที่เป็นประโยชน์มากครับ ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน
สำหรับเรื่องการ "ตีเด็ก" ตามความคิดของผมเอง ผมว่าคงจะ "ตีได้บ้าง" ครับ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องตีด้วย "ความรัก" หรือ ตีด้วย "เหตุผล" นั่นคือ ก่อนตี ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจเสียก่อนว่าตีเพราะสาเหตุใด และ ที่สำคัญต้องให้เขายอมรับด้วยว่า "เขาผิดจริง" และเมื่อตีเสร็จแล้ว ก็ไม่ต้องไปดุด่าว่ากล่าวซ้ำเติมอีก
จากประสบการณ์ของผมเอง ผมพบว่าในการตีเด็ก ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน ส่วนใหญ่ก็มักจะตีกันด้วย "อารมณ์" นั่นคือ เมื่อเด็กทำอะไรไม่ถูกใจ ไม่ได้ดังใจตามที่ตัวเองต้องการ ก็จะต้อง "ตี" เอาไว้ก่อน เพื่อเป็นการแสดง "อำนาจ" ให้เด็กกลัวเกรง
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
- เห็นด้วยค่ะ กับการตีด้วยเหตุผล และความรัก มากกว่าอารมณ์
สวัสดีค่ะ
- เป็นคุณแม่ working woman คนเก่ง จังเลยค่ะ
work ม๊ากกกก
สวัสดีครับ
แวะมาเยี่ยมครับ
อย่างแรกที่ผมทำกับลูกๆ คือ คุย ให้เค้าแสดงความคิดเห็น ทำไมถึงทำอย่างนั้น อย่างนี้แล้วเราก็สรุปกัน เตือนด้วยเหตุผลก่อน บอกข้อดี ข้อเสีย
หากยังมีเหตุการณืทำผิดซ้ำหรือสิ่งที่เค้าทำเป็นอันตราย หากคุยยังไม่ได้ผล อาจใช้วิธีการทำโทษ เช่น ตัดการดูหนังการณืตูน การเล่นเกมส์หรือสิ่งที่ชอบ
การตีเป็นเรื่องสุดท้าย
บางครั้งผู้ปกครอง แต่ละคนอาจมีเวลาจำกัด การให้การดูแล ด้วยสันติวิธี อาจทำได้และไม่ได้
ดีใจที่ผู้ปกครองให้เวลากับลูก ผมเคยเจอหลายคน และอีกหลายๆคนก็ใช้เงิน คอมพิวเตอร์ วิดีโอ ดูแลลูกๆแทน
ผมว่าความรัก ความเอาใจใส่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
สวัสดีค่ะอาจารย์
- ขอบคุณค่ะ ปลูกต้นดอกรักในใจ ไม่จำเป็นต้องตี แต่ควรใช้เหตุผล เมื่อเขาฟัง แต่ถ้าเด็กเกินไป จะทำอย่างไร ก็ต้องตีเบา ๆ หน่อยนะค่ะ
เป็นคุณแม่ที่มีความอดทนน้อยมากค่ะ และโมโหแรงมากด้วย มักจะตีลูกแรง ๆ และด่า บ่นลูกด้วยคำแรง ๆ มาก รู้สึกผิดทุกครั้งและต้องมานั่งร้องไห้ทีหลังทุกครั้ง ลูกเป็นโรค ADHD ค่ะ หรือ โรคซนสมาธิสั้น นั่นเอง ซึ่ง พ่อ แม่ ที่มีลูกแบบนี้ต้องมีความอดทนสูงมาก แต่ดิฉัน ไม่สามารถ ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เลย เมื่อลูกเป็นแบบนีั้ ยิ่งตอนสอนการบ้านเค้าจะมีปัญหาทางด้านการรับรู้ และการเรียนมากกว่าเด็กปกติ พอสอนไม่จำหรือ ทำไม่ได้ ต้องได้ตีและร้องไห้กันทั้งแม่และลูก เป็นแบบนี้ทุกวัน จนต้องไปพบแพทย์ทั้งแม่ และลูกเลยค่ะ รู้สึกแย่มาก ๆ เลย