พลังจิต : สงสัยผมจะหลงทาง


  • เมื่อวาน ผมถามคำถามกับตัวเองว่า ...เรากำลังจะหลงทางหรือปล่าว ?...
  • ผมจำได้แม่นว่า ผมเคยตั้งคำถามทำนองเดียวกันนี้กับตัวเองครั้งหนึ่งตอนที่ ตัดสินใจจะกระโดดเข้าศึกษาธรรมะอย่างเต็มตัว...
  • ในครั้งนั้นผมมีความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส และได้บังเอิญไปพบกับธรรมะ เรื่อง ไตรลักษณ์ ในหนังสือคู่มือมนุษย์ของท่านพุทธทาสภิกขุ  เพราะความทุกข์นั้นแท้ทำให้เราเข้าถึงไตรลักษณ์ และผมก็พิจารณาไตรลักษณ์ประกอบกับการดำเนินชีวิตอยู่เป็นเวลานานพอสมควร
  • แต่...ไม่กล้ากระโดดเข้าไปศึกษาธรรมะอื่น ๆ มากไปกว่านั้น เพราะ ด้วยความไม่รู้ ก็เกรงว่า ตนเองจะไปยึดมั่นถือมั่นกับธรรมะมากจนเกินไปจนละทิ้งทางโลก อะไรทำนองนั้น...
  • เวลาผ่านมาหลายต่อหลายครั้ง ได้สัมผัสผู้รู้กว่า จากที่เคยด่อม ๆ มอง ๆ อยู่นาน สุดท้ายผมก็ตัดสินใจกระโดดเข้าศึกษาธรรมะอย่างเต็มตัวนี่ก็เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว
  • ...มาถึงวันนี้ แม้ภูมิธรรมในตัวจะแค่ระดับประถมหรือมัธยม คือไม่มากนัก แต่ก็มั่นใจว่า...เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต...
  • _______________
  • เหมือนประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย หรือฟ้าลิขิตเอาไว้แล้วก็ไม่ทราบ เมื่อผมได้มาสัมผัส นวัตกรรมการเรียนรู้ใหม่ สำหรับผมก็ว่าได้ นั่นก็คือ สุนทรียสนทนา หรือเจ้าดอกอะไร (Dialouge) และเจ้า Theory U ตัวดีนี่เอง ทำให้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่คล้าย ๆ การเข้าถึงธรรมะในตอนแรกอะไรประมาณนั้นล่ะครับ
  • หลังจากที่ได้เรียนรู้มากขึ้น ผมสรุปเอาเองว่า ก็คือการเข้าถึงธรรมะ ด้วยวิธีการ และทฤษฎีที่แตกต่างออกไป นั่นเอง
  • ใน  Theory U ผมตีความไปว่า Open Mind ก็คือ การเปิดประตูใจที่จะรับรู้สิ่งต่าง ๆ ส่วน Open Hart จะเป็นการเปิดขยายพื้นที่การเรียนรู้นั่นเอง
  • คำถามต่อมา ก็คือ เราจะเปิดประตูใจและเปิดขยายพื้นที่การเรียนรู้อย่างไร ?
  • (ยังมีต่อ)
  • ปัญหา คือ เพื่อตอบคำถามข้างต้น เมื่อศึกษาไประยะหนึ่งนั้นพบว่า เข้าไปเกี่ยวข้องกับจิตไร้สำนึก พลังจิต และการสะกดจิตอะไรทำนองนั้น
  • และด้วยความไม่รู้ คำถามต่อมาก็คือ เราจะกระโดดลงไปศึกษาเรื่องเหล่านั้นดีหรือไม่ ?

 

คำสำคัญ (Tags): #theory u
หมายเลขบันทึก: 195893เขียนเมื่อ 23 กรกฎาคม 2008 09:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ความสงสัยนี้... "เราจะกระโดดลงไปศึกษาเรื่องเหล่านั้นดีหรือไม่ ?"

กิเลสหรือธรรมนำพาให้เกิดความสงสัย...หากพิจารณา (การวิปัสสนา..) ก็จะได้คำตอบของบันทักนี้ค่ะ

(^___^)

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งขึ้นนะคะ

 

  • ขอบคุณ Dr.Ka-Poom มากครับ ที่กรุณามาให้คำแนะนำตามคำเชิญ ถ้าจะกรุณามาให้คำแนะนำบ่อย ๆ คงเป็นการดีไม่น้อยครับ
  • ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ครับ คือ เมื่อได้ทดลองปฏิบัติตามคำแนะนำของบางสำนัก เพื่อทดลองเชื่อมต่อเข้าสู่จิตไร้สำนึก ตัวผมเองพบว่า ทำให้ผม"ฝัน"ตอนนอนทุกคืน อาการประมาณว่า ความรู้ไม่พอ คือ เชื่อมต่อเข้าไปได้แล้วแต่ไม่รู้ว่า ต้องจัดการต่ออย่างไรประมาณนั้นครับ
  • และที่สำคัญ คือ จะเหมือนกับคำแนะนำจาก Dr.Ka-Poom คือ ผมรู้สึกว่า การศึกษาตรงนี้มันเริ่มห่างออกจากความเข้าใจแต่เดิม ที่มีแก่นพุทธศาสนาเป็นหลักครับ
  • แต่ก็ด้วยกิเลส และความไม่รู้ จึงอยากเข้าไปให้รู้ เพราะผมสงสัยว่า อาจจะเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ต่างมรรควิธี ...หมายความว่า ก่อนที่จะปิดประตูตรงนี้ ก็ขอเข้าไปให้รู้ก่อนประมาณนั้นครับ
  • ... อีกประการหนึ่ง ผมได้ทดลองหาวิธีการให้คนรอบข้างเข้าถึงธรรมะ ส่วนใหญ่จะไม่เป็นผล เข้าใจว่า อาจจะเป็นเพราะผลบุญผลกรรมของแต่ละคนแตกต่างกัน
  • แต่เมื่อมาได้สัมผัสวิธีการที่แตกต่างออกไปอย่าง Theory U ทำให้ผมคิดว่า นี่อาจจะเป็นเครื่องมือ ที่จะนำพาผู้คนเข้าถึงธรรมะได้ง่ายกว่าก็ได้ ประมาณนั้นครับ
  • จึงเลยทน "ฝัน" ต่อไป
  • ตอนที่ศึกษาธรรมะในช่วงหลัง ๆ จิตใจจะสงบมากทั้งการใช้ชีวิตในประจำวัน และตอนนอนก็หลับลึกไม่ค่อยฝันครับ
  • แต่พอมาทดลองเรียนรู้การเปิดใจ เปิดพื้นที่การเรียนรู้ และเชื่อมต่อเข้าสู่จิตไร้สำนึก ตั้งแต่เริ่มทดลอง พอตอนนอนก็ฝันทุกคืน และที่สำคัญ การใช้ชีวิตในประจำวันจิตใจเริ่มจะไม่สงบนิ่งเหมือนเดิม ประมาณนั้นครับ

>รักษาศีลนะคะ...ห้าข้อก็ได้</p>
<p>ดำเนินชีวิตในแต่วัน...ตามสติปัฎฎฐานสี่...</p>
<p>หมายถึง...การทำสติให้อยู่กับปัจจุบันขณะ...ทุกขณะจิต</p>
<p>ก่อนนอนอาจจะทำสมาธิ...อาณาปานสติก็ได้... จะได้รับสบาย เมื่อจิตเข้าสู่สภาวะสงบจะไม่ฝันนะคะ...งีบเดียว ก็สดชื่นมีพลังมากมาย...</p>
<p>.....................</p>
<p>ดำเนินชีวิตตาม มรรคแปด.... (ศีล สมาธิ ปัญญา)... เท่านั้นไม่ต้องมีอะไรซับซ้อน...</p>
<ul>
<li>ทำสติอยู่กับการเคลื่อนไหว... อยู่กับลมหายใจ</li>
<li>เมื่อมีความคิดปรากฏขึ้น อันเป็นความลังเลสงสัย อย่างที่เป็นอยู่นี้ คือ นิวรณ์ (อันเป็นอุปสรรคต่อความเจริญและเข้าใจในธรรม)ไม่ต้องไปค้นไปหาคำตอบ หรือคำอธิบายใดใดเลยค่ะ</li>
<li>กลับมาที่ลมหายใจ แล้ววางความคิดเหล่านี้ซะ ไม่คิดต่อ..</li>
<li>สิ่งที่เคยเป็น...มันผ่านมาแล้ว วางมัน ทำสติอยู่กับตอนนี้ รู้ตัวว่าคิดเรื่องอะไร ก็พบ จบ วางไว้ไม่ต้องคิดปรุงต่อ... รู้สึกอย่างไร โกรธ สงสัย ดีใจ พอใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ รู้พอจบ ไม่ต้องไปทำความรู้สึกนั้นต่อ..</li>
<li>ส่วนที่เล่ามาทั้งหมดนั้น คือ ความยึดของเรา ความสงสัยของเรา... วางมันลงนะคะทำสติกับมาที่ลมหายใจ หายใจเข้ารู้ตัวว่าหายใจเข้า หายใจออกรู้ตัวว่าหายใจออก... </li>
<li>ตอนนี้ทำงานอะไร ก็จดจ่อกับงานที่ทำ ณ ตรงหน้าเรานะคะ</li>
</ul>
<p>(^___^)</p>

  • ขอบคุณมากครับสำหรับธรรมะดี ๆ

แนะนำ อ่านบันทึกของท่านสุญญาตานะคะ... ท่านเป็นพระสุปฎิปัญโนค่ะ...

  • ท่านเขียนธรรมะได้ร่วมสมัยมากครับ อย่างบทความที่ Dr.Ka-Poom แนะนำนั้นอ่านง่าย เข้าใจง่าย เพราะท่านเขียนจากสิ่งที่ท่านประสบมาสด ๆ ร้อน ๆ อ่านแล้วเห็นภาพและจิตใจเบิกบานขึ้นมากเลยครับ
  • ขอบคุณอีกครั้งครับสำหรับธรรมะดี ๆ จะพยายามแวะไปอ่านธรรมะท่านสุญญตาให้บ่อย ๆ ขึ้นครับ

เวลาต่อมา..

  • ผมตัดสินใจเข้าห้องสมุดไปยืมหนังสือเกี่ยวกับ พลังจิต + การสะกดจิต มา 3 เล่ม เพื่อสะสางความสงสัย หาข้อเท็จจริง
  • ตรวจ 3 เส้า จากตำรา 3 ผู้แต่ง หาความเหมือน ความต่าง จนได้คำตอบในใจระดับหนึ่งแล้ว ผมตัดสินใจเดินเข้าพบ รองศาสตราจารย์ ดร. ด้านจิตวิทยาท่านหนึ่ง...
  • ท่านยืนยันว่า พลังจิตมีจริง และสามารถฝึกได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์...

มิติจิตใจของตัวผมเอง

  • ต้องใช้คำว่า "แกว่ง" ขึ้นลงระหว่างศาสตร์เดิมที่เป็นธรรมแท้ ๆ กับศาสตร์ใหม่ที่ผมใช้คำว่า กึ่งธรรม กึ่งโลก...จิตตก ก็ยกขึ้น ตกลงอีก ก็ยกขึ้นใหม่ ยกไป ยกมา อยู่ประมาณนี้

องค์ความรู้ใหม่ที่ผมสรุปเอาเอง

  • ก่อนอื่นต้องทำใจก่อนนะครับ ถ้าในอดีตก่อนที่ท่านจะเข้าถึงธรรม ท่านอาจเคยคิดว่า ธรรมะ เป็นนามธรรม แต่...เรื่อง ของพลังจิต ยิ่งเป็นนามธรรมมากกว่า (ในความเข้าใจของผมตอนนี้)
  • จากหนังสือ 3 เล่มที่เกี่ยวข้อง + องค์ความรู้ของผู้เชี่ยวชาญ (ท่านเดียว) ผมเข้าใจแนวคิดของ "พลังจิต" ว่า...
  • ผู้คนจำนวนหนึ่ง เชื่อว่า จิต แบ่งเป็นอย่างน้อย 2 ส่วน หลัก คือ จิตสำนึก กับ จิตใต้สำนึก เปรียบได้กับ ภูเขาน้ำแข็ง จิตสำนึก คือ ส่วนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาหรือที่เราเห็นได้ ควบคุมสัมผัสได้อย่างชัดเจน ส่วนนี้มี 7%
  • ส่วนจิตใต้สำนึกนั้น คล้ายกับภูเขาน้ำแข็งส่วนที่อยู่ใต้น้ำมีพื้นที่มหาศาลถึง 93%
  • (ยังมีต่อ)
  • จิตสำนึกเราสามารถสัมผัสและควบคุมได้บางส่วน
  • จิตใต้สำนึกเราส่วนใหญ่จะควบคุมไม่ได้ แต่อาจสัมผัสได้ในบางครั้งอย่างไม่ได้ตั้งใจ
  • กลุ่มที่ฝึกพลังจิต ก็คือ กลุ่มที่พยายามเข้าถึงจิตใต้สำนึก เอาพลังจิตใต้สำนึกออกมาใช้ ซึ่งลึกซื้งมีอานุภาพสูงกว่าจิตสำนึกมากมายนัก
  • จิตสำนึกจะเปรียบเหมือนห้องรับแขก ส่วนจิตใต้สำนึกจะเปรียบเหมือนใต้ถุนบ้าน คือ หลายสิ่ง หลายอย่าง จากห้องรับแขกจะหล่นลงไปยังสะสมเป็นเมล็ดพันธุ์ทั้งดีและไม่ดีที่จิตใต้สำนึก
  • จาก ฝึก ‘สติ’ ในชีวิตประจำวัน โดย ติช นัท ฮันห์ ท่านเชื่อว่า ...ในจิตใจของเราซับซ้อน ซึ่งแบ่งได้คร่าวๆ เป็น 2 ชั้นคือ จิตสำนึก และ จิตใต้
    สำนึก จิตสำนึกเป็นดั่งห้องรับแขก จิตใต้สำนึกเป็นดั่งใต้ถุนบ้าน ภายในใต้ถุน
    บ้านหรือจิตใต้สำนึกมีเมล็ดพันธุ์ของอารมณ์มากมาย ทั้งในแง่ดีและไม่ดี เติบโต
    ผ่านประสบการณ์ การเลี้ยงดู และส่งทอดผ่านบรรพบุรุษ

    อารมณ์นั้นเกิดจากการประกอบของจิต หรือ จิตสังขาร จิตใต้สำนึกจะจดจำสิ่งที่เกิด
    บนจิตสำนึกได้ เราควรฝึกสติอยู่เสมอเพื่อที่เมล็ดพันธุ์แห่งสติเข้มแข็ง เมื่อ
    อารมณ์ในแง่ลบเกิดขึ้น เราก็จะเชื้อเชิญให้เมล็ดพันธุ์แห่งสติขึ้นมาโอบอุ้ม
    เสมือนแม่ที่อุ้มลูก

    คนที่ไม่เคยฝึกปฏิบัติย่อมไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร และพยายามที่จะกั้นเมล็ด
    พันธุ์ที่ไม่พึงพอใจให้ขึ้นมาจากจิตใต้สำนึก โดยทำสิ่งต่างๆ เช่น หาหนังสือ
    พิมพ์มาอ่าน ฟังเพลง ดูโทรทัศน์หรือขับรถไปข้างนอก การบริโภคสิ่งต่างๆ ด้วยความ
    ไม่มีสติเช่นนี้ รดน้ำเมล็ดพันธุ์แห่งความอยาก ความโกรธ ความรุนแรง การบริโภค
    เช่นนี้ยิ่งทำให้จิตใจของเราแย่ขึ้นไปอีก 
       
  • คนอีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่า... เราสามารถสร้างโลกใบใหม่ในใจเราได้โดยการเข้าไปแก้ไขในจิตใต้สำนึก...

ยูเรก้า!

  • ผมเห็นโศลก นี้ผมถึงกับร้อง ยูเรก้า! เลยครับ ท่านลองอ่านดูท่านอาจจะเห็นมากกว่าสิ่งที่ผมเห็นก็ได้...

"ไม่มีต้นโพธิ์

ทั้งไม่มีกระจกเงาอันใสสะอาด

เมื่อทุกสิ่งว่างเปล่า

แล้วฝุ่นจะลงจับอะไร"

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท