อังคารที่แล้วว่าจะไปพบปะนักศึกษาฝึกสอนเอกภาษาอังกฤษ 3 คนที่รร.มัธยมวัดบึงทองหลาง แต่ร่างกายไม่อำนวย สุขภาพยังแย่อยู่ก็เลยเบี้ยวไม่ได้ไป
พูดถึงเรื่องการนิเทศนักศึกษาแล้วมีหลายเรื่องที่พบและเป็นภาพสะท้อนอะไรอีกหลายๆอย่างที่เป็นปัจจัยหนุน ให้เกิดสิ่งเหล่านั้น เรื่องดีที่ควรชื่นชมก็มีครับเช่นการที่นักศึกษารักษาเวลาในการมาทำหน้าที่ ไม่ขาด ไม่สาย ความมีน้ำใจต่อครูอาจารย์ในโรงเรียน แต่การมองแต่ซีกบวกและมัวแต่ชื่นชมกันไม่น่าจะถูกต้อง ตรงกันข้าม หากเราเปิดใจยอมฟังเรื่องที่ไม่เป็นไปในทางที่พึงปรารถนา และหันมาค้นหาสาเหตุ และช่วยกันปรับแก้ที่เหตุ น่าจะช่วยให้อะไรๆดีขึ้น
เรื่องแรกขอย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ไปส่งตัวนักศึกษาทั้ง 3-4 เอก จำนวน 12 คน ตั้งแต่วันที่ 26 พค. 51 ในการประชุมร่วมกับท่านผู้อำนวยการ รองฯฝ่ายวิชาการ และอาจารย์พี่เลี้ยงที่มาต้อนรับนักศึกษาในวันนั้น ท่านผู้บริหารได้ให้แง่คิดที่เป็นประโยชน์ และมีหลายประเด็นที่น่าจะบันทึก จดจำเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง ผมนั่งฟังไปก็จดบันทึกย่อๆได้เกือบ 3 หน้าของสมุดบันทึก แต่ที่เหลือเชื่อคือไม่มีนักศึกษาแม้แต่คนเดียวที่จดบันทึกเรื่องควรรู้เหล่านั้น จะว่าเขาทำ Deep Listening กันอยู่ก็ไม่น่าจะใช่ สรุปความก็คือนิสัยการจดบันทึกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต น่าจะได้รับการฟื้นฟู หรือปฏิวัติกันได้แล้ว ด้วยกระบวนการอย่างไร โดยมีใครเกี่ยวของบ้าง ก็ลองคิดกันดูเถิดครับ
ครูพันธุ์ใหม่ต้องเป็นนักวิจัยอยู่ในตัว แล้วนักวิจัยที่ไม่ใส่ใจการเก็บข้อมูล จะทำงานที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้อย่างไรกันเล่าครับ
เรื่องที่สอง คือเรื่องหลักที่สอดคล้องกับชื่อบันทึกนี้ครับ นั่นคือการปฏิบัติการสอนที่เหมือนหุ่นยนต์ ฟังจากครูพี่เลี้ยง และการพูดคุยกับนักศึกษาแล้วก็ให้เหนื่อยใจ สรุปความก็คือนักศึกษาเรียนทฤษฎี หลักการสอนอะไร ก็นำไปปฏิบัติ แต่ทำไปแบบไม่ปรับตัว ไม่ยืดหยุ่น เหมือนท่องสูตรไปว่าจะต้องทำอะไรบ้างให้ครบถ้วน แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำไปโดยไม่ใส่ใจบรรยากาศว่าเกิดอะไรขึ้นในกระบวนการ ผลก็คือยิ่งสอนยิ่งขาดความเชื่อมั่น เพราะทำตามที่เรียน แต่นักเรียนก็ไม่สนใจ ออกอาการต่อต้านให้เห็นก็มีด้วยพฤติกรรมต่างที่ไม่น่าจะมีให้เห็น แน่นอนครับคำแนะนำที่ง่ายๆ แต่ทำยากก็คือ บอกให้นักศึกษาใช้หลักการสอนที่เรียนมาโดยต้องประยุกต์และปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ทำอย่างมีความหมายและมีชีวิตชีวา แต่พอคุยลึกลงไปก็พบว่าในการเรียนหรือฝึกฝนมาในชั้นเรียนนั้น นักศึกษาให้ข้อมูล สอดคล้องกับอย่างที่ผมเคยเห็น นั่นคืออาจารผู้สอนในสถาบันผลิตครู ที่สอนหลักการสอนหรือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ บางคน ยึดทฤษฏีมากเกินไป และใช้ในการประเมินนักศึกษา เช่นการสอนที่ดีต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ มีกี่ขั้นตอน พอไม่ครบถ้วนก็ถือว่าไม่ถูก หักคะแนนทันที ผลสุดท้าย นักศึกษาก็ยึดกรอบ หรือรูบแบบเป็นสรณะ ไปแสดงอาการที่โรงเรียนตอนออกฝึกสอน คอยแต่กลัวว่าจะไม่ครบขั้นตอน ไม่สมบูรณ์ โดยมิได้สนใจบริบท หรือสถานการณ์เฉพาะหน้า ไม่สามารถยืดหยุ่น หรือประยุกต์ความรู้สู่การปฎิบัติอย่างเหมาะสมได้ ...
ขอเถอะครับ หากท่านทำดีอยู่แล้วก็จงทำต่อไป แต่หากทบทวนแล้วได้เผลอไปชี้เป็นชี้ตายว่าที่ถูกต้องคืออย่างนั้นอย่างนี้ล่ะก็ ได้โปรด ลด ละ เลิกเสียเถอะครับ .. เด็ก คือนักศึกษาครู จะได้มีโอกาสเป็นตัวของตัวเอง มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลง ปรับความรู้สู่การปฎิบัติที่เหมาะสมได้บ้าง .. ผมอยากเห็นครูพันธ์ใหม่เป็นครูมนุษย์ ไม่ใช่หุ่นยนต์สอนหนังสือครับ
สวัสดีครับ อาจารย์
สวัสดีครับอาจารย์
สวัสดีค่ะ แอบเข้ามาดูค่ะ คิดว่าอาจจะเนื่องมาจากว่านักศึกษายังขาดประสบการณ์อยู่น่ะค่ะ ถ้าตัวนักศึกษาได้มีโอกาสฝึกประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น ก็จะสามารถประยุกต์ ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงได้นะคะ อีกอย่างหนึ่งสำหรับการฝึกสอนนะคะ หนูมะขามคิดว่า คนที่สำคัญมากสำหรับนักศึกษา คือ อาจารย์พี่เลี้ยง ถ้าอาจารย์พี่เลี้ยงสามารถให้คำแนะนำนักศึกษาได้เป็นอย่างดี หรือสามารถชี้ให้นักศึกษาเห็นจุดบกพร่องได้ ก็จะทำให้นักศึกษาสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้นค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
สนใจเรื่องนี้อยู่มากขอให้ความเห็นหน่อยนะคะ คิดว่าผลผลิตออกมาจากมหาวิทยาลัยนะแหล่ะค่ะ ฝึกเขาน้อยไปหรือเปล่า !!! หรือเป็นเพราะตัวเด็กเอง !!
ซึ่งอาจารย์คงต้องพิจารณาเหมือนกันเพราะทำไมเดี๋ยวนี้ออกมาเป็นแบบนี้กันหมด ที่ขอคุยด้วยเพราะตัวเองก็เป็นผลผลิตจากวิทยาลัยครูที่ภาคภูมิใจในสถาบันของตนเองเสมอมาค่ะ จากวิทยาลัยครูเราจึงได้เป็นครูที่ดีมาจนถึงทุกวันนี้ แต่เดี๋ยวนี้คงมีตัวแปลแซกซ้อนมากกระมังคะอะไรๆจึงเปลี่ยนไป
การนิเทศครูในโรงเรียนก็มีปัญหาเช่นกันค่ะ ในบทบาทหัวหน้ากลุ่มสาระ ได้นิเทศครูอัตราจ้าง ซึ่งค่อนข้างผิดหวังตอนเราคัดเลือกเข้ามาดูดี แต่พอเผลอหน่อยเดียวมานิเทศอีกรอบ ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ พอเข้าไปจะสังเกตการสอนเพื่อการนิเทศ พบว่าคุณครูสอบนักเรียนเสียทุกครั้ง หัวหน้ากลุ่มสาระเลยสุดงง เข้าไปดู 3 คน ตั้งใจสอนเต็มที่ 1 คน อีก 2 คนมีสอบกับ ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด นี่ก็ผลผลิตครูสายพันธุ์ใหม่ที่ต้องปรับปรุงนะคะอาจารย์ขา...อาจารย์คงต้องรับบทหนักกันต่อไปนะคะเพราะนับวันเด็กรุ่นใหม่จะเข้าใจเรื่องอะไรๆแบบง่ายมากขึ้นค่ะ ...ครูมัธยมก็พยายามช่วยสังคมเท่าที่จะช่วยได้ในบริบทของตนเอง
สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์คะ
ในนามตัวแทนของนักศึกษาครูพันธุ์ใหม่ที่กำลังฝึกสอน อยากบอกสังคมนี้เหลือเกินว่า เข้าใจและให้โอกาสพวกเราหน่อย ทุกคนในสังคมอยากเห็นเราเป็นพันธุ์ใหม่ แต่ลองนึกสักนิดไหม เราเรียน ก็เรียนแบบเก่าๆที่ไม่ได้ต่างอะไรกับรุ่นก่อนหน้านี้นัก อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ทำอะไรที่บอกได้ว่า เรียนแบบใหม่จริงๆๆ พูดว่าใหม่แต่ก็ทำแบบเก่า อยากให้เราเป็นแบบใหม่แต่ความคิดของท่านทั้งหลายยังล้าสมัย(บางส่วน)พอเราไปสอนทางโรงเรียนก็อยากได้แบบใหม่ (แบบของโรงเรียนเอง) พออาจารย์ไปนิเทศก็บอกไปอีกอย่าง อยู่กับครูพี่เลี่ยงก็ไปกันอีกอย่าง บอกตรงๆ คำว่าครูพันธุ์ใหม่ที่เรียกกันน่ะคือ ใหม่ตามความต้องการของแต่ละคน แม้แต่ผู้สอน และผู้ถูกสอนยังไม้รู้จริงๆเลยว่า การเป็นครูพันธุ์ทำอย่างไร เน้นทำอย่างไร ไม่ใช่พูดแต่ทำไม่ได้ สุดท้ายอยากบอกความในใจว่า การเป็นครูที่ดีตามความต้องการของสังคมนั้น คงไม่สามารถตัดสินได้ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ การเป็นครู คือเป็นทั้งชีวิต เพราะฉะนั้นเราขอใช้ชีวิตเป็นเดิมพันธุ์ กับเส้นทางฝันอันทรงเกียรติ .."วิชาชีพครู".. รอสักวันที่เมล็ดพันธุ์ใหม่จะได้งอก โดยไร้เฉาวัลย์คาบเกี่ยว วันที่ความคาดหวังของสังคมจะเป็นจริง
+ สวัสดีค่ะอาจารย์...
+ หนูก็เป็นครูพันธุ์กลางใหม่กลางเก่าค่ะ....
+ อ่านแล้วได้ข้อคิดมากมายค่ะ...
+ จะนำไปประยุกต์ใช้ค่ะ....
+ โดยเพาะเด็กใน 3 จังหวัดแดนใต้ค่ะ...ครูผู้สอนต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์มากเป้นพิเศษค่ะ....
+ ขอบคุณอาจารย์มากค่ะที่นำเสนอสิ่งดี ๆ ให้ได้คิดกันค่ะ
+ รักษาสุขภาพกายและใจด้วยค่ะ
สวัสดีครับ
หากเรียนแล้วไม่ง่วง ไม่น่าเบื่อ มีสิ่งที่กระตุ้น ทำให้มีความกระตื้อรือล้นที่อยากจะเรียนก็คงดีนะครับ หนึ่งในนั้นก็คือการเปลี่ยนสถานที่เรียน ไม่ใช่เรียนอยู่แต่ในห้องแล้วก็มีอาจารย์มาพูดๆแล้วก็ถามว่าเข้าใจไหม แล้วก็ไม่ใครถามแล้วครูก็เดินออกไป โดยที่ไม่รู้เลยว่านักเรียนนั้นสนใจหรือเข้าใจมากน้อยแค่ไหน หากเราเปลี่ยนสถานที่บ้างไม่อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมเพียงอย่างเดียว ออกมาเปิดหูเปิดตากับความจริงก็เป็นการกระตุ้นให้นักเรียนอยากที่จะเรียนรู้ สนใจมากยิ่งขึ้นได้เหมือนกันนะครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ ดิฉัน เอกภาษาอังกฤษที่เรียนกับอาจารย์ค่ะ
ดิฉันชอบเทคนิกการสอนของอาจารย์มากค่ะ ถ้าเป็นไปได้อยากสอนให้ได้เหมือนกับอาจารย์ ...
หลังจากที่ได้นั่งฟังอาจารย์สอนในห้องนั้น ตอนแรกดิฉันคิดว่าไม่ได้อะไรแต่พอเรียนไปทำให้รู้อะไรหลายอย่าง ได้แง่คิดมากมาย รู้ในสิ่งที่หลายคนมองข้าม เล็กๆน้อยที่หลายคนมองข้าม แต่สิ่งเหล่านั้น มันไม่ได้เล็กอย่างที่คิด มันทำหั้ยตกม้าตายเหมือนที่อาจารย์พูด ข้าพเจ้าเห็นด้วยค่ะ
ขอหั้ยอาจารย์รักษาสุขภาพค่ะ
นันทกานต์
คุณ นันทกานต์