ตัวอย่างวิธีเขียนตอบข้อสอบเจตนาในการทำนิติกรรม
1.เจตนาซ่อนเร้น ม.154
A แสดงเจตนาออกมาแตกต่างจากความต้องการหรือเจตนาที่อยู่ในใจ โดย B ไม่ได้รู้ ผลของการแสดงเจตนานั้น สมบูรณ์ตาม ป.พ.พ. ม. 154
2.เจตนาลวง ม.155 ว.1
C
A B
D E
AและB เจตนาลวงเจ้าหนี้ของ A โดย A ไม่มีเจตนาที่จะผูกพันตามสัญญา......... ที่ได้ทำกันไว้ สัญญา.........ดังกล่าว จึงเป็นเจตนาลวงโดยสมรู้กันระหว่าง AและB ตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. ม.155 ว.1
เช่น
AและB เจตนาลวงเจ้าหนี้ของ A โดย A ไม่มีเจตนาที่จะผูกพันตามสัญญา..(ซื้อขาย)....... ที่ได้ทำกันไว้ สัญญา....(ซื้อขาย).....ดังกล่าว จึงเป็นเจตนาลวงโดยสมรู้กันระหว่าง AและB ตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. ม.155 ว.1
A ไม่สามารถเรียกทรัพย์คืนจาก D โดยอ้างการซื้อขายเป็นโมฆะ โดย A ยังเป็นเจ้าของอยู่ไม่ได้ เพราะ D เป็นบุคคลภายนอกที่สุจริตและต้องเสียหาย ตาม ป.พ.พ. ม.155 ว.1
หรือ
A ไม่สามารถเรียกทรัพย์คืนจาก E โดยอ้างการซื้อขายเป็นโมฆะ โดย A ยังเป็นเจ้าของอยู่ไม่ได้ เพราะD เป็นบุคคลภายนอกที่สุจริตและต้องเสียหาย ตาม ป.พ.พ. ม.155 ว.1 ดังนั้น D จึงมีสิทธิ์ในตัวทรัพย์เต็มที่แล้วและถึง E จะรู้ถึงเจตนาลวงก็ไม่เป็นไร เพราะ E รับสิทธิ์มาจาก D ซึ่งทำโดยชอบตามกฎหมาย
แต่ถ้าสัญญานั้นเป็นสัญญาให้
A สามารถเรียกทรัพย์คืนจาก D ได้ โดยอ้างการซื้อขายเป็นโมฆะ โดย A ยังเป็นเจ้าของอยู่ ตาม ป.พ.พ. ม.155 ว.1 เพราะ D เป็นบุคคลภายนอกที่สุจริตแต่ไม่เสียหาย เพราะได้ทรัพย์มาโดยการให้ ไม่ได้เสียค่าตอบแทน
3. ม.155 ว.2 นิติกรรมอำพราง (นิติกรรมที่เปิดเผย แต่ไม่ต้องการผูกพัน) = โมฆะ
นิติกรรมที่ถูกอำพราง (นิติกรรมที่ปกปิด แต่ต้องการผูกพัน) = สมบูรณ์
ยกนาฬิกาให้ (ปกปิด) สัญญาให้
นิติกรรมที่ถูกอำพราง A B
นิติกรรมอำพราง A B
ทำเป็นขายนาฬิกาให้ (เปิดเผย) สัญญาซื้อขาย
1.การซื้อขายระหว่าง AและB มีผลเป็นโมฆะ เพราะเกิดจากเจตนาลวงโดยสมรู้กันระหว่างคู่กรณี ตาม ป.พ.พ. ม.155 ว.1 ต้องบังคับตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยนิติกรรมที่ถูกอำพรางตามป.พ.พ. ม.155 ว.2
2.ซึ่งต้องเอาบทบัญญัติของนิติกรรมว่าด้วยการให้มาใช้บังคับ (ซึ่งตามม.523 การให้นั้นสมบูรณ์ต่อเมื่อมอบทรัพย์สินที่ให้) ดังนั้น นิติกรรมการให้ระหว่าง A และ B จึงสมบูรณ์ ตาม ป.พ.พ. ม.155 ว.2
ยกที่ดินให้ (ปกปิด) สัญญาให้
นิติกรรมที่ถูกอำพราง A B
นิติกรรมอำพราง A B
ทำเป็นขายที่ดินให้ โดยจดทะเบียน (เปิดเผย) สัญญาซื้อขาย
ฎ.1871/2549
1.การซื้อขายระหว่าง AและB มีผลเป็นโมฆะ เพราะเกิดจากเจตนาลวงโดยสมรู้กันระหว่างคู่กรณี ตาม ป.พ.พ. ม.155 ว.1 ต้องบังคับตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยนิติกรรมที่ถูกอำพรางตามป.พ.พ. ม.155 ว.2
2.ซึ่งต้องเอาบทบัญญัติของนิติกรรมว่าด้วยการให้มาใช้บังคับ (ซึ่งตามม.523 การให้นั้นสมบูรณ์ต่อเมื่อมอบทรัพย์สินที่ให้ แต่ที่ดินเป็นอสังหาริมทรัพย์ ต้องทำหนังสือและจดทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ด้วยจึงจะสมบูรณ์) จากข้อเท็จจริง มีการจดทะเบียนแล้วตามนิติกรรมอำพราง แต่นิติกรรมที่ถูกอำพรางไม่ได้จดทะเบียน
3.ฎ.1871/2549 …เมื่อ A มีเจตนายกที่ดินให้ B แล้ว การที่ A ได้จดทะเบียนซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเช่นเดียวกัน ต่างกันแต่เพียงว่ามีค่าตอบแทนหรือไม่ ย่อมถือได้ว่าเป็นการทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนสำหรับนิติกรรมการให้ที่ถูกอำพรางด้วยโดยอนุโลม นิติกรรมการให้ที่ดินระหว่าง A และ B จึงไม่เป็นโมฆะ
ผลต่อบุคคลภายนอก
ฝากรถยนต์ไว้ (ปกปิด) สัญญาฝาก
นิติกรรมที่ถูกอำพราง A B
นิติกรรมอำพราง A B
ขายรถยนต์ให้
ทำเป็นขายรถยนต์ให้ (เปิดเผย) สัญญาซื้อขาย
C
1.การซื้อขายระหว่าง AและB มีผลเป็นโมฆะ เพราะเกิดจากเจตนาลวงโดยสมรู้กันระหว่างคู่กรณี ตาม ป.พ.พ. ม.155 ว.1 ต้องบังคับตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยนิติกรรมที่ถูกอำพรางตามป.พ.พ. ม.155 ว.2
2.ซึ่งต้องเอาบทบัญญัติของนิติกรรมว่าด้วยการซื้อขายมาใช้บังคับ C เป็นบุคคลภายนอกที่สุจริตและต้องเสียหาย ตาม ป.พ.พ. ม.155 ว.1 ดังนั้น นิติกรรมการซื้อขายระหว่าง Bและ C จึงสมบูรณ์ ตาม ป.พ.พ. ม.155 ว.2
ตัวอย่าง
ให้รถยนต์ไว้ (ปกปิด) สัญญาให้
นิติกรรมที่ถูกอำพราง A B
นิติกรรมอำพราง A B
ทำเป็นขายรถยนต์ให้ (เปิดเผย) สัญญาซื้อขาย
ยกรถยนต์ให้
C
1.การซื้อขายระหว่าง AและB มีผลเป็นโมฆะ เพราะเกิดจากเจตนาลวงโดยสมรู้กันระหว่างคู่กรณี ตาม ป.พ.พ. ม.155 ว.1 ต้องบังคับตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยนิติกรรมที่ถูกอำพรางตามป.พ.พ. ม.155 ว.2
2.ซึ่งต้องเอาบทบัญญัติของนิติกรรมว่าด้วยการซื้อขายมาใช้บังคับ C เป็นบุคคลภายนอกที่สุจริตแต่ไม่เสียหาย ตาม ป.พ.พ. ม.155 ว.
ตัวอย่างเจตนากรณีซ่อนเร้น lawselfassesment.blogspot.com