วันแรกที่โรงเรียนควิชชี่………6 มีนาคม 2551
วันนี้เป็นวันแรกที่เราเดินทางไปโรงเรียน เมื่อวานนัดแนะกับพี่อุไรว่าให้ใส่เสื้อยืดสีแดง กับเสื้อคลุมสีดำที่ทางโรงเรียนแจกให้ เราตื่นแต่เช้ารีบเข้าห้องน้ำ แปรงฟันล้างหน้า วันนี้ไม่ได้ อาบน้ำเช้าเนื่องจากเมื่อวานเย็นกลับจากค่ายเราอาบน้ำแล้ว (ไม่ใช่ขี้เกียจแต่ที่นี่เขาอาบวันละหนเดียว)
เมื่อถึงโรงเรียนโทรหาพี่อุไร ได้ยินเสียงฝรั่งพูดอะไรก็ไม่รู้ ตอนแรกคิดว่าโทรศัพท์เสีย แต่นึกไปนึกมาก็นึกออกว่าสงสัยพี่อุไรไม่ได้เปิดโทรศัพท์ รอสักประเดี๋ยวพี่อุไรก็เดินทางมาถึง วันนี้มีโปรแกรมพบนักเรียนตอนเช้า แล้วพานักเรียนไปเรียน วาดเขียน และตอนเที่ยงไปเรียนทำขนม
หลังจากพบนักเรียนแล้ว เก็บสมุดบันทึกประจำวันของนักเรียนมาอ่าน (ยังไม่ทันได้อ่าน) ก็ต้องพานักเรียนแลกเปลี่ยนทั้งหมดไปเรียนวาดเขียน..... ครูแจกกระดาษ(สีน้ำตาลคล้ายกับกระดาษห่อหนังสือ สมัยก่อน)ให้คนละแผ่นพร้อมด้วยดินสอสี แล้วอธิบายให้นักเรียนวาดภาพตามแบบที่วางไว้หน้าห้องซึ่งมีเสื้อทหารที่ใส่กับหุ่น มีหมวก(ขอทาน)สีเขียว มีธงชาติออสเตรเลีย รองเท้าบูต และตะเกียง(คล้ายตะเกียงจุดไส้บ้านเรา) เราเตรียมถ่ายรูปเต็มที่ แต่ปรากฏว่าเมื่อถ่ายไป 4 รูป มันขึ้นว่า เมมเมอรี่เต็ม เราก็นึกแปลกใจ คิดว่าเมมเมอรี่เสียแน่ ๆ หงุดหงิดน่าดู เพราะเรายังต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน จะทำอย่างไรดี วันนี้เลยไม่มีรูปมาใส่ในไดอารี่ นักเรียนของเราทุกคนทำได้ดีทีเดียว หมดชั่วโมงได้ชิ้นงานกลับคนละ 1 แผ่น (อ้อ........เราเจอนักเรียนไทยที่มาเรียนที่ควิชชี่ด้วย เป็นคนภาคอิสาน มาเรียนได้หนึ่งปีแล้ว น่ารักมาก ยกมือไหว้เรียบร้อย และยังช่วยดูแลนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วย)
ต่อจากชั่วโมงวาดเขียน Billet ของนักเรียนจากไทย จะมารับนักเรียนของเราไปเข้าชั้นเรียน เรากับพี่อุไรก็มานั่งที่ห้องพักครูของเขา (Staff Room) นั่งสักประเดี๋ยวมิเชลใช้ให้นักเรียนมาตามไปที่ชั้นเรียนของเขา วิบถามเราว่าจะให้พี่อุไรไปด้วยไหม เรารีบบอกว่า Yes อย่างหนักแน่นทั้งวิบและพี่อุไรหัวเราะกันใหญ่.... เรา พี่อุไร และนักเรียนชาย(คนที่เดินมาตาม) ก็ไปที่ห้องเรียน มิเชลแนะนำให้รู้จักว่าเป็นครูจากประเทศไทย มีอะไรอยากถาม เปิดโอกาสให้นักเรียนถาม ตอนแรก นักเรียนก็ไม่กล้าถาม แต่เมื่อมีคนแรกถาม ก็จะมีนักเรียนกล้าถามกันมากขึ้น เช่น
“มีนักเรียนกี่คนในห้อง” พอเราตอบไปว่า 50-55 คน นักเรียนทั้งห้องทำตาโต ( เพราะที่นี่มีนักเรียนประมาณ 20 คนต่อห้อง)
“แล้วสอนกันได้อย่างไร” เราตอบว่า “ ใช้ไมโครโฟนสอน” นักเรียนหัวเราะกันทั้งห้อง
“นักเรียนแต่งตัวอย่างไร”
“เวลานักเรียนทำผิด ทำโทษอย่างไร”
“มีนักเรียนชายกี่คน” เมื่อเราตอบจำนวนนักเรียนชาย เด็ก ๆ หัวเราะกันใหญ่ มิเชลเลยบอกว่ามีใครจะย้ายไปอยู่ที่สงวนหญิงบ้าง เด็กหัวเราะ
“ครูแต่งตัวอย่างไร” เราตอบว่าวันจันทร์เราใส่ชุดข้าราชการ(Government suit) อังคารแต่งชุดสวยงาม ( Beautiful suit) วันพุธชุดกีฬา (Sport suit) วันพฤหัสใส่ชุดโรงเรียน( School unifort) และวันศุกร์ใส่ชุดไทย (Thai suit) เด็ก ๆ ถามว่าแล้วไม่สับสนหรือ
ก่อนจบชั่วโมงเด็กนักเรียนร้องเพลงของออสเตรเลียให้เราฟัง โดยบังคับให้เราร้องเพลงไทยให้ฟัง เรามองหน้ากับพี่อุไรแล้วเป็นที่ตกลงกันว่า เราร้องเพลงช้างให้ฟัง ก่อนออกจากห้องเราก็แจกของฝากจากโรงเรียน(พวงกุญแจและที่คั้นหนังสือ) ให้กับนักเรียนทุกคน
ออกจากห้องของมิเชล เราก็ออกไปซื้ออาหารกลางวันมานั่งกินกับพี่อุไรรอนักเรียนไปเรียนการทำอาหารในช่วงเวลาเที่ยง
เที่ยงตรงเราก็ไปเรียนทำอาหารกับวิบ วันนี้ทำคุ้กกี้ เรากับพี่อุไรก็ทำด้วย วิธีทำง่ายมากเลย มีส่วนผสมเป็นเนย 30 กรัมผสมกับน้ำผึ้ง นำไปละลายบนไฟอ่อนๆจนเข้ากันดี แล้วใส่แป้ง มะพร้าวขูดแห้งบดละเอียด เมล็ดพืชทุบให้แบน(ไม่รู้เรียกว่าอะไร) ผงฟู ผสมให้เข้ากัน แล้วใช้ช้อนตักวางบนถาดห่างกันเป็นระยะ นำเข้าเตาอบ ทุกอย่างที่กล่าวมาเสร็จภายใน ครึ่งชั่วโมง รออบอีก 15 นาทีก็เสร็จ(อร่อยมากค่ะ) นักเรียนและครูได้ขนมที่ทำกลับบ้านคนละกล่อง
ตอนบ่ายสอง เรากับพี่อุไรไปสังเกตการสอนวิทยาศาสตร์ของเกรด 9 จากการสังเกตการสอนได้ความคิดว่า นักเรียนที่แทสมาเนียเขาเรียนเนื้อหาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ซึ่งก็เรียนเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่แทสมาเนียโดยมีหนังสือที่มีเนื้อหาเฉพาะบ้านของเขา ทำไมประเทศไทยไม่เรียนเฉพาะประเทศไทยไปเรียนของที่อื่นทำไม ทำให้มีเนื้อหาเยอะมากเกินไป เด็กไทยเลยไม่รู้จักระบบนิเวศของเมืองไทย ไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไรถึงจะทำให้ระบบนิเวศของเรายั่งยืน
กลับจากการสังเกตการสอน เรายังกลุ้มเรื่องเมมเมอรี่กล้องถ่ายรูปไม่หาย ขอร้องให้พี่อุไรถามมิเชลว่าจะไปหาซื้อเมมเมอรี่ได้ที่ไหน มิเชลบอกว่าลองให้เดวิทแฟนของมิเชลดูก่อน เราไม่อยากรอก็เลยขอร้องให้มิเชลพาไปซื้อ ใจยังนึกว่ามันแพงหรือเปล่า แต่ยังไงก็จะซื้อ
มิเชลพาเข้าไปในเมือง ได้เมมเมอรี่ขนาด 1 GB มา พอกลับมาบ้านเดวิทก็เตรียมมาดูให้ โดยให้เราเปิดคอม ฯ แล้วใส่เมมเมอรี่เข้าไป เมื่อดูแล้วเขาก็บอกว่ามันมีภาพในเมมเมอรี่มากเกินไปจึงเต็ม เราจะพยายามอธิบายว่าเมื่อเปิดกล้องแล้วมันหารูปไม่เจอ ลบไม่ได้ ก็จนใจเนื่องจากพูดไม่เป็น เลยถามออกไปว่า Can I format it ? เดวิทก็พยักหน้า ยิ้ม เรากล่าวคำขอบคุณ แล้วนั่งงงอยู่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร สักประเดี๋ยวมิเชลมาเรียกว่าต้องไปแล้ว(วันนี้มีงานเลี้ยงที่ร้านอาหารไทยในเมือง Launceston เราก็รีบออกไปที่รถ เดินทางไปร้านอาหารไทย วันนี้ครูทั้งสามโรงเรียนที่เราไปแลกเปลี่ยนด้วย เขาพาครูไทยไปเลี้ยงอาหารไทย โดยสั่งอาหารชุดคิดหัวละ 30 เหรียญ (900 บาท...แพงจริง ๆ) อาหารที่กินจานแรกรสชาติดีมาก แต่กับข้าวไม่อร่อยเลยเพราะรสชาติออกหวานทุกอย่าง และมีอาหารจานพิเศษคือ “Goong Star” จานละ 19 เหรียญ ไม่อร่อยเลย รสชาติเผ็ดและหวาน แถมมีกลิ่นขมิ้นแบบแกงทางใต้อีกด้วยคิดดูเอาแล้วกันว่าจะอร่อยไหม แต่ทั้งเราและพี่อุไรก็กินกันจนหมดเพราะความเสียดาย
ไม่ได้เข้ามาอ่านนาน...วันนี้เหตุการณ์ทั่วไปสงบ...ก่อนจะทำงานเลยมีเวลาเข้ามาอ่าน...อ่านไปอ่านมาเวลาล่วงเลย...งานที่ตั้งใจจะทำยังไม่ได้ทำ...วันนี้เลยพอแค่นี้ก่อนนะคะ...ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ที่ดี...เสียดายทำไมไม่ลงบันทึกก่อนวันเดินทางด้วย (ฮิ...ฮิ...)Thank you very much my teacher..