แม่อายุ 73 ปี แล้วครับ บางคนบอกว่าแม่แก่แล้ว แต่บางคนก็บอกว่าอายุเท่านี้เองยังไม่แก่หรอก เพราะเดี่ยวนี้อายุเฉลี่ยของหญิงไทยมากขึ้น ตัวผมเองมักจะบอกเสมอว่าว่าแม่ยังไม่แก่ แต่แม่อย่าทำงานหนักมากเกินไปนะ เพราะแม่เริ่มแก่แล้ว
แม่ทำงานหนัก เลี้ยงลูก 4 คน ตามลำพังในขณะที่พ่อเสียไปเมื่อ 21 ปีที่แล้ว แม่ต้องส่งลูกเรียนทันต , แพทย์ , วิศวะ และพยาบาล ด้วยการขายของชำ และเล่นแชร์ ถามแม่ว่าแม่ทำได้อย่างไร แม่บอกว่าแม่ใช้วิธีการหมุนเงินไปเรื่อย ๆ แก้ปัญหาไปที่ละเปราะจนได้แหละลูก (แม่จบ ป.1) ความที่แม่ต้องทำงานหนัก (ยกกระสอบข้าว , น้ำตาล หนัก 50 กก. หรือ แบกน้ำตาลปีบ) ทำให้หลังและขาของแม่ไม่ดีนัก แม่บอกว่าตอนอายุน้อย ๆ แม่มีพลังเหลือเพือ งานที่ได้ตังค์ แม่ทำเองหมด ไม่เคยหาลูกจ้างมาช่วยให้เปลืองเงิน เปลืองข้าวสุก แต่.... พออายุมากขึ้นแม่เริ่มมีอาการปวดหลัง ชาไปที่ขาบ้าง แม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง หัวใจโตเล็กน้อย ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม่กินยาเยอะมาก ไม่ต่ำกว่า 20 เม็ดต่อวัน หลัง ๆ แม่มีโรคกระเพาะด้วย เพราะยาแก้ปวดของหมอกระดูกกัดกระเพาะ แม่กินยาแก้โรคกระเพาะเหมือนกินน้ำเปล่า
ในช่วงปีที่ผ่านมาแม่ไม่ชอบเดิน ไม่ชอบไปไหน เดินใกล้ ๆ รู้สึกเหนื่อยหอบ แต่หมอกระดูกก็ยังให้ยาเหมือนเดิม ในช่วง 2-3 เดือนมานี้ แม่เริ่มนอนมากกว่านั่ง (ไม่ต้องพูดถึงยืน) แต่แม่ก็ยังขายของอยู่นะ ลูกค้าที่เป็นเพื่อน ๆ แม่เริ่มมาให้ข้อมูลว่ามีการผ่าตัดที่ทำให้อาการดีขึ้น แม่เริ่มสนใจ เพราะคนที่เคยทำงาน พอทำงานไม่ได้ จะเริ่มมีอาการซึ่มเศร้า คิดมาก แม่เริ่มถามลูก น้องชายเป็นหมอสูติ ฯ เริ่มหาข้อมูล เริ่มจากเพื่อนที่เป็นหมอด้วยกัน ปรากฎว่ามีเพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งเป็นอาจารย์หมอกระดูก และเป็นผู้เชี่ยวชาญกระดูกหลังของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ก็เลยติดต่อไป ซึ่งอาจารย์ก็ให้ส่งผลเอกซเรย์ MRI ไปให้ และให้ข้อมูลว่าแม่เป็นโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทหลัง จะผ่าตัดตอนนี้เลยก็ได้ หรือจะรอจนทนไม่ไหวก่อนก็ได้ ซึ่งแม่ก็ตัดสินใจเองเลยว่าจะผ่าตัดตอนนี้แหละ เพราะถ้ารอไปอีกจะแก่เกินไป ร่างกายจะทนไม่ไหว หมอจึงนัดทำการผ่าตัดหลังให้ในอีก 1 สับดาห์หลังจากนั้นเลย
บันทึกยังมีต่อครับ.......... ผ่าหลังอย่างไร และผลเป็นอย่างไรบ้าง..... ขอบคุณครับ
ไม่มีความเห็น