คุ้มครองแรงงานชุมพร
สสค.ชุมพร สสค.ชุมพร สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชุมพร สสค.ชุมพร

การบริหารงานบุคคล


ทรัพยากรบุคคล คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดขององค์กรจัดการฝ่ายบุคคล ซึ่งอยู่ในฐานะของผู้บริหารงานด้านทรัพยากรบุคคลต้องเป็นผู้ให้คำปรึกษาทั้งด้านหน้าที่ การงานและด้านธุรกิจกับพนักงานในองค์กรชักจูงใจให้พนักงานร่วมเป็นหุ้นส่วน และร่วมมือกับองค์กรในการดำเนินงานให้บรรลุนโยบายและเป้าหมายขององค์กรให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับงานขององค์กรหน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงาน รวมทั้ง ค่าตอบแทนการทำงานและผลประโยชน์อื่นๆ ที่จะได้รับพัฒนาบุคลากรให้มี ประสิทธิภาพในการทำงานโดยใช้กระบวนการบริหารงานบุคคลซึ่งมีหน้าที่หลัก

วางแผน กำกับดูแล และประสานงานด้านนโยบายเกี่ยวกับงานบุคลากรขององค์กร : กำหนดขั้นตอนและดำเนินการในเรื่องสรรหา การฝึกอบรม การเลื่อนขั้น การโยกย้าย งานสวัสดิการ โครงการเงินเดือนและค่าตอบแทน รวมทั้งกำหนด มาตรฐานตำแหน่งงาน ควบคุม ดูแลผู้ปฏิบัติงาน

 ลักษณะของงานที่ทำ ดังต่อไปนี้

1. สรรหาและจัดจ้างบุคลากรที่มีประสิทธิภาพมากเข้ามา ทำงานโดยวิธีประกาศโฆษณาตำแหน่งว่างรับสมัคร และทำการสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือก ผู้สมัครงานที่มีคุณสมบัติดีที่สุดเพื่อการจ้างงานโดยตรงหรือจัดส่งให้ เจ้าหน้าที่ ผู้อื่นต่อไป

2. พัฒนา ประเมินผล และปรับปรุงคุณภาพของบุคลากรให้มี ประสิทธิภาพ และส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้ในเรื่องนโยบายและ เป้าหมายขององค์กร ตลอดจนหน้าที่ความรับผิดชอบของพนักงาน

3. กำหนดค่าตอบแทนในการทำงานโดยตรงและจัดสรรผลประโยชน์โดยอ้อมให้กับบุคลากรอย่างได้มาตรฐาน เช่น การให้สิทธิ์ในการถือหุ้น

4. สร้างแรงจูงใจให้พนักงานมีจิตสำนึกของการเป็นหุ้นส่วนกับองค์กรเพื่อให้พนักงานอุทิศเวลาและความสามารถในการทำงานให้กับองค์กร อย่างเต็มที่

5. สงวนรักษาบุคลากรทุกคนที่มีความสามารถให้อยู่กับองค์กรตลอดไป โดยการส่งเสริมเลื่อนตำแหน่ง เลื่อนขั้น ดูแลความปลอดภัย และ สุขภาพอนามัยของพนักงาน

6. สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับพนักงานหรือลูกจ้าง และเมื่อ มีปัญหาข้อขัดแย้งหรือข้อพิพาทเกิดขึ้นต้องเข้าไปหาทางระงับข้อขัดแย้ง หรือข้อพิพาทให้ยุติลงโดยเร็วที่สุดตามหลักของการแรงงานสัมพันธ์

7. จัดสวัสดิการ ดำเนินการจ่ายเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนและกองทุนประกันสังคม และจัดบริการด้านสันทนาการ ตลอดจนอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้แก่พนักงาน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่พนักงานอาจดำเนินงานด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงาน

8. ดำเนินการให้พนักงานออกจากงาน โดยการเกษียณอายุ หมดสัญญาจ้าง หรือเลิกจ้างเมื่อองค์กรเผชิญสภาวะธุรกิจซบเซา หรือด้วยเหตุผลอื่นโดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแรงงาน และหาวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยพนักงานเหล่านั้นซึ่งอาจเสนอให้กลับเข้าทำงานใหม่เมื่อองค์กรพ้นสภาวะดังกล่าวแล้ว

สภาพการจ้างงาน

ผู้จัดการฝ่ายบุคคลในรัฐวิสาหกิจจะได้รับเงินเดือนตามวุฒิ และประสบการณ์สำหรับองค์กรเอกชนขนาดเล็กต้องเป็นผู้มีประสบการณ์จากเจ้าหน้าที่บุคคลอย่างน้อยประมาณ 3 - 5 ปีจะได้รับเงินเดือนขั้นต้นตามความสามารถ ประสบการณ์ประมาณเดือนละ 35,000 - 45,000 บาท ใน องค์กรขนาดกลางอาจมีประสบการณ์การทำงานประมาณ 5-10 ปีจะได้รับเงินเดือนประมาณ 70,000 - 90,000 บาท และใน องค์กรขนาดใหญ่ต้องการผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่มีประสบการณ์ 10 ปีขึ้นไปจะได้รับเงินเดือนประมาณ 90,000 -150,000 บาท

ผู้จัดการฝ่ายบุคคลโดยปกติทำงานวันละ 8 - 9 ชั่วโมง หรือสัปดาห์ละ 40 - 48 ชั่วโมง แต่อาจจะต้องทำงานมากกว่าเวลาทำงานปกติ เมื่อมีงานหรือปัญหาที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน และได้รับผลตอบแทนอย่างอื่นตามกฎระเบียบขององค์กร

สภาพการทำงาน

ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้ปฏิบัติงานในสถานที่ทำงานเป็นส่วนใหญ่ มีระบบข้อมูล และเครือข่ายในการเก็บข้อมูลของพนักงานด้วยเทคโนโลยีที่ ทันสมัย และอาจต้องเดินทางออกไปตรวจเยี่ยมพนักงานในหน่วยงานภายใต้เครือข่ายขององค์กรทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทำงานร่วมกับผู้ใต้บังคับบัญชา คือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล หรือฝ่าย อบรมอาจทำงานร่วมกับคนหลายเชื้อชาติในกรณีที่เป็นองค์กรนานาชาติ และอาจต้องใช้ภาษาต่างประเทศในการสื่อสารภายในองค์กร

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ

คุณสมบัติทั่วไป ของผู้จัดการฝ่ายบุคคลควรมีลักษณะของผู้บริหารที่แตกต่างกว่าผู้บริหารอื่นๆและไม่ควรยึดติดกับการบริหารแบบ"ผู้จัดการ" ในสมัยก่อน เพราะการที่โลกก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจใหม่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลต้องมีทัศนคติให้ทันกับยุคโลกาภิวัตน์ สามารถทำงานร่วมกับบุคคลที่มาจากพื้นฐานและเชื้อชาติต่างกันเป็นผู้นำที่มีส่วนร่วมกับทีมงานทุกชาติ ทุกภาษา ได้มีความสามารถในการมองการณ์ไกลหรือมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความเป็นผู้นำที่สามารถอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลง องค์กร มีลักษณะเป็นผู้ประสานงานที่มีประสิทธิภาพเป็นนักต่อรองและแก้ไขปัญหาแบบร่วมมือ และสร้างสรรค์ เข้าใจวัฒนธรรมขององค์กรของชาติตนเองอย่างลึกซึ้ง และ เข้าใจวัฒนธรรมของชาติอื่นและองค์กรเป็นอย่างดี ส่วนคุณสมบัติทั่วไปที่จำเป็นต้องมีในตัวผู้จัดการฝ่ายบุคคลมีดังนี้

1. เป็นผู้นำและเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เพื่อนร่วมองค์กรสามารถจูงใจพนักงานให้อุทิศและทุ่มเทการทำงานให้กับองค์กรได้

2. มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้ากระจายอำนาจ และวินิจฉัยสั่งการและพร้อมที่จะรับผิดชอบ

3. มีความรอบคอบในการพิจารณาและวินิจฉัยการปฏิบัติงาน

4. ซื่อสัตย์ สุจริต และยุติธรรม

5. มีมนุษยสัมพันธ์ดีเข้ากับคนที่มีพื้นฐานที่มาแตกต่างได้เป็นที่ไว้วางใจและน่าเชื่อถือกับบุคคลทุกฝ่ายทั้งในและนอกองค์กร

6. ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

7. เป็นผู้ที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญในการแก้ไขอุปสรรคปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กรให้มาเป็นการร่วมมือกัน

8. เป็นผู้ที่สามารถทำให้พนักงานเชื่อถือและศรัทธาในปรัชญาองค์กรให้เป็นวัฒนธรรมขององค์กรไม่ว่าจะเป็นองค์กรในภาครัฐบาล องค์กรธุรกิจหรือองค์กรที่ไม่มุ่งหวังผลกำไรจะต้องมีความเชื่อว่างาน และบทบาทของ องค์กรเป็นงานและบทบาทที่สำคัญที่สุดของสังคมเท่าๆ กับรากฐานของสังคมอื่นๆ เพื่อความสำเร็จในการดำเนินงานขององค์กร ( Peter Drucker )

9. มีความเข้าใจภาษาต่างประเทศ เป็นอย่างดี

10. มีประสบการณ์ด้านการบริหารงานบุคคลอย่างน้อยตั้งแต่ 3-5 ปี

ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้  : ควรมีวุฒิการศึกษาตามข้อกำหนดของผู้จัดการฝ่ายบุคคล หรืออาจสำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาตรีถึงปริญญาโทในสาขาการบริหารทรัพยากรบุคคล สาขาวิทยาการ การจัดการ สาขานิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง

โอกาสในการมีงานทำ

ปัจจุบัน งานบริหารทางด้านทรัพยากรบุคคลเป็นงานที่มีกระแสการเปลี่ยนรูปแบบตามการบริหารองค์กรในยุคโลกาภิวัฒน์ หรือยุคเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิตอล หรือเศรษฐกิจใหม่เกือบสิ้นเชิง จึงมีองค์กรธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทางด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย ทำให้มีการสรรหา และจัดจ้างเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารงานบุคคลทุกระดับที่มีความเข้าใจในธุรกิจของการวางแผนกลยุทธ์ด้านการบริหารงานบุคคล ที่มีวิสัยทัศน์ในการวางกลยุทธ์ด้านบุคลากรระดับโลกนำมาผสมผสานกับความสามารถของบุคลากรท้องถิ่นได้ เพื่อให้เกิดความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลอย่างมี ประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้กับองค์กร นอกจากนี้แล้วองค์กรธุรกิจยังต้องการผู้ที่มีความรู้หลากหลาย เป็นนักวิเคราะห์สถานการณ์ และเป็นนักคาดการณ์แนวโน้มการใช้ทรัพยากร เป็นผู้ที่มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมที่จะศึกษาเรียนรู้งานจากหน่วยงานข้ามองค์กร และมีความเข้าใจวัฒนธรรม และธุรกิจขององค์กร ดังนั้นผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่กล่าวมาแล้วจึงเป็นที่ต้องการขององค์กรธุรกิจ

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ

ผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่มีความสามารถ และขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมรวมทั้งมีวิสัยทัศน์กว้างไกลจะเลื่อนให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ กรรมการผู้บริหาร สำหรับผู้ที่มีความสามารถในการบริหารงานด้านนี้ คือผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้องค์กรดำเนินธุรกิจไปได้อย่างราบรื่นและประสบผลสำเร็จ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลจึงเป็นทรัพยาบุคคลที่มีค่าขององค์กรเช่นกันและองค์กรต้องการให้บุคลากรเช่นนี้บริหารงานจนกว่าจะเกษียณงาน อาชีพนี้จึงเป็นอาชีพค่อนข้างมั่นคงและหรืออาจได้รับการเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่าจากองค์กรธุรกิจอื่น

ขอขอบคุณ  สมาคมการบริหารงานบุคคลแห่งประเทศไทย
หมายเลขบันทึก: 189805เขียนเมื่อ 23 มิถุนายน 2008 14:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 พฤษภาคม 2012 12:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท