ไม่ได้แวะมาบ้านหลังนี้เสียนาน กลับมาวันนี้แทบหากุญแจเข้าบ้านไม่เจอ แต่ในที่สุดก็เข้ามาจนได้แหละนะ นำบทกลอนเก่าๆที่เคยเขียนไว้มาฝากกัน เสียดายที่จำได้ไม่หมด แต่ก็เอาเถอะ แค่นี้ก็พอกล้อมแกล้มไปได้ล่ะนะ งานชิ้นนี้เคยตีพิมพ์ในสโมสรสมานมิตร นิตยสารสกุลไทย เมื่อราวๆ 10 ปีที่แล้วครับ
ด้วยความระลึกถึงทุกท่านที่แวะมาเยือน
"เหลืองประดู่ปูพรมเมื่อลมพลิ้ว
แดดทอริ้วทำประกายกับสายฝน
คนอ่อนไหวใจพร้อมยอมจำนน
พ่ายแพ้กับเหตุผลคนหลายใจ
มองฝนแรกแปลกหน้ากว่าจะคุ้น
ความอบอุ่นมากมายหายไปไหน
ฤดูร้อนยาวนานเพิ่งผ่านไป
คนห่วงใยมาห่างเหินหมางเมินกัน
ต้นไม้เริ่มสดใสแตกใบอ่อน
คนรุ่มร้อนดวงใจหมดไฟฝัน
ปลาเริงน้ำฉ่ำชื่นทุกคืนวัน
คนร้างฝันเศร้าสร้อยเหงาหงอยนัก"
+ สวัสดีค่ะท่านพี่ไพโรจน์
+ ขอบคุณมากค่ะที่ไปเยี่ยมเยียน
+ อ่านแล้วเห็นภาพตามเลยค่ะ
+ โชคดีที่ถ่ายทอดไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
+ ถ้าเป็นตอนนี้ ก็อื่อฮือ...
+ กลอน เพราะ พลิ้วไหว ได้จินตนา มากๆ ค่ะ
ชอบสีเหลืองค่ะ เลยขออนุญาตโต้ด้วย
.. เหลืองอร่ามทรามวัยใสบริสุทธิ์
.. ประหนึ่งนุชน้ำคำช่างสรรหา
.. ละเมียดละไมในวิญญา
.. มีคุณค่าแม้อ่อนไหวไม่จำนน ....
... ขอบคุณสำหรับบทกลอนที่มีความหมายค่ะ ...
สวัสดีครับ แอมแปร์
ดีใจที่แวะมาครับ
ถ้าเป็นตอนนี้คงไม้กล้าปั่นไปไหนต่อไหน เหมือนตอนนั้น ตอนนั้นปั่นจักรยานไปทั่ว ไปแถวนาเกลือ ไปสวนสาธารณะ ไปในเมือง ดึกดื่นคืนค่ำ ไม่ยั่นเลย ตอนนี้อย่าว่าแต่จะปั่นจักรยานเที่ยวเลย ไปเยี่ยมเพื่อนที่ปัตตานียังไม่แน่ว่าจะกล้าไป
ว่างๆแวะมาเยือนกันอีกนะครับ
คุณ poo ครับ
ขอบคุณที่แวะมาพร้อมกับนำภาพสวยๆมาฝากด้วย
พระอาทิตย์ตกหรือขึ้นกันนะ แต่ก็ให้อารมณ์เหงาได้พอๆกัน
สีเหลืองสวยงามเสมอครับ โดยเฉพาะดอกประดู่ ร่วงพลิ้วปูลานไปเต็มถนน
และสระน้ำ สรน้ำสีทองเหมือนในฝันครับ
แวะมาเยี่ยม บ่อยๆได้เลยครับ