การเรียนสัตวแพทย์


สัตวแพทย์

 การเรียนสัตว์แพทย์ 

ผู้สัมภาษณ์ นางสาววิภาวี เทพนาทิม ชั้น ม.5/5 เลขที่ 28
ผู้ให้สัมภาษณ์ -- นางสาวอมรรัตน์   จันทะวัน

การศึกษา -- ปริญญาตรี คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

                 กำลังศึกษาปริญญาโท คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ 

                  มหาวิทยาลัย  

บทสัมภาษณ์

ผู้สัมภาษณ์ - อยากทราบว่าแล้วทำไมพี่ถึงเลือกมาเรียนสัตวแพทย์ค่ะ

ผู้ให้สัมภาษณ์ - จริงแล้วมันเป็นความชอบของพี่อยู่แล้ว พี่เป็นคนชอบสัตว์ไง มันเป็นการเรียนที่ยาก 

               มากๆ และลำบาก หากใครไม่ได้ชอบ ไม่ได้รักจริง แล้วมาเรียน คงไม่มีความสุขมากๆ

               เพื่อน พี่หลายคนก็ไม่จบกันน่ะ

ผู้สัมภาษณ์ - แล้วพี่นี่เลือกเรียนสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ค่ะ

ผู้ให้สัมภาษณ์ - เลือกเรียนสัตว์เล็ก เพราะว่าเราเป็นผู้หญิงด้วย สัตว์ใหญ่นี่มันต้องเหมาะกับผู้ชาย

               เพราะว่าต้องเสี่ยงหลายอย่าง พวกสัตว์ใหญ่มันมาหาเราไม่ได้ไง เราต้องเข้าไปหามันเอง

ผู้สัมภาษณ์ - อยากทราบถึงหลักสูตรคร่าวๆของการเรียนสัตวแพทย์ค่ะว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ผู้ให้สัมภาษณ์ - กลุ่มวิชาพื้นฐาน คือจำพวก ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ อะไรอย่างนั้น กลุ่มวิชา preclinic

               หรือกลุ่มวิชาที่ศึกษาถึงความปกติและผิดปกติของสัตว์ที่จะเป็นพื้นฐานในวิชา clinic

               วิชาพวกนี้เช่น anatomy physiology pathology อะไรอย่างนี้ กลุ่มวิชา clinic เป็นวิชาใน

               กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการรักษา หรือการแก้ไขความผิดปกติ เช่น วิชาอายุรศาสตร์และ

               ศัลยศาสตร์กลุ่มวิชาพื้นฐาน คือจำพวก ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แล้วก็กลุ่มวิชา preclinic หรือกลุ่ม

               วิชาที่ศึกษาถึงความปกติและผิดปกติของสัตว์ที่จะเป็นพื้นฐานในวิชา clinic วิชาพวกนี้เช่น

               anatomy physiology pathology เป็นต้น อีกกลุ่มก็วิชา clinic เป็นวิชาในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ

               การรักษา หรือการแก้ไขความผิดปกติ เช่น วิชาอายุรศาสตร์และศัลยศาสตร์

ผู้สัมภาษณ์ - แล้วปี 1 นี่แยกเรียนอย่างรัยค่ะ

ผู้ให้สัมภาษณ์ - เทอม 1 ก็จะเรียนอังกฤษ มีการแบ่ง section ตามคะแนน Ent ที่ได้

              2. เคมีทั่วไป 3.ฟิสิกส์ทางการแพทย์ 4. Lab เคมี และ lab ฟิสิกส์ 5. วิชาที่เราจะเลือก

              ส่วนเทอม 2 ก็ยังเรียนวิชาพื้นฐานอยู่ ก็อย่างพวก อังกฤษ จะตัดกันทั้งมหาลัย เคมีอินทรีย์ 

              เนื้อหาที่จะเรียนก็เหมือนกับเรื่องสารประกอบคาร์บอนตอน ม.ปลาย แต่ดูจะโหด

              และหินกว่ามาก แล้วก็ วิชา ชีววิทยาทั่วไป จะมี Lab ที่เหมือนกับเนื้อหา ตอนม.ปลาย

              แต่ด้วยเนื้อหาจะยากและเหนือยกว่า

 ผู้สัมภาษณ์ - งั้นก็แสดงว่า ปีหนึ่งจะเป็นเรียนเน้อหาล้วนๆ เหมือน ม.ปลาย แต่จะละเอียด

              และยากกว่ามากใช่มั๊ยค่ะ

ผู้ให้สัมภาษณ์ - ใช่ค่ะ ลืมว่ามีเรียนอีกตัวก็จะเป็นหลักสัตวบาลทั่วไป หรือ Priciple of animal

              husbandry I เรียก สั้นๆว่า Prin Hus l ที่จะเรียนเกี่ยวกับพันธุ์วัวและการเลี้ยงวัว ทั้งวัวเนื้อ

              วัวนม และพวกแพะแกะ ม้า และก็กระบือ

 ผู้สัมภาษณ์ - สรุปแล้ว ปี 1 ภาพรวมเป็นไงค่ะ

ผู้ให้สัมภาษณ์ - สรุปปี1 บรรยากาศการเรียนยังเป็นแบบสบายๆ สไตล์ Freshy

                แต่บางวิชาก็ต้องตัดเกรด กับ หมอ

ผู้สัมภาษณ์ - แล้วปี 2 ล่ะค่ะ เป็นอย่างไรบ้าง

 ผู้ให้สัมภาษณ์ - ปี2 ก็จะเริ่มเรียนวิชา preclinic เป็นส่วนใหญ่แล้ว ก็พวก วิชากายวิภาค

             ที่เรียนเกี่ยวกับโครงสร้างที่มองเห็นด้วยตาเปล่า ในสุนัขทดลองที่ดอง ฟอร์มาลิน ,

             วิชา Histology หรือชื่อภาษาไทยว่า จุลกายวิภาควิทยา ที่เรียนเกี่ยวกับโครงสร้าง 

             โดยกล้องจุลทรรศน์ , วิชา Embryology ที่เรียนเกี่ยวกับพัฒนาการของ ตัวอ่อนในท้องแม่ ,

             วีชาชีวเคมี ที่เรียนเกี่ยวกับโครงสร้างสารเคมี โปรไขมัน

             และตามมาด้วยวิชาหลักสัตวบาล 2 ที่เรียนเกี่ยวกับพันธุ์และการเลี้ยงไก่และหมู

             แล้วก็วิชาพื้นฐาน คือ สถิติ ที่สุดแสนสาหัส

ผู้สัมภาษณ์ - งั้นปี 2 ก็หนักมากๆเลยซิค่ะ

ผู้ให้สัมภาษณ์ - ใช่แล้ว ปี 2 ทั้งปี นิยามกันคร่าวๆว่า นรกชัดๆ เรียนตั้งแต่ 8 โมงยัน 4-5 โมงเย็น

             แทบทุกวันประกอบกับมีการสอบติดกันแทบทุกอาทิตย์ จนซูบซีด และโทรมไปตามๆกัน

ผู้สัมภาษณ์ - แล้วปี 3 นี่ล่ะค่ะ

ผู้ให้สัมภาษณ์ - ปี 3 ปีนี้มหากาพย์ที่เคยเรียนมาส่วนใหญ่จะจบแบบสมบูรณ์ในเทอมนี้

           อาทิเช่น 1. Anatomy III biochem III และPhysioที่มาคราวนี้ ฉายครบ ภาค 2 กับภาค 3

           รวมไว้ในเทอมเดียว 2. วิชา อาหารสัตว์ ที่เรียนเกี่ยวกับวัตถุดิบอาหารสัตว์และคำนวณสูตร

           อาหารในสัตว์แต่ละชนิด   3. วิชาจุลชีววิทยา ที่เรียนเกี่ยวกับเชื้อราและแบคทีเรียต่างๆ

           ที่ก่อโรคในสัตว์ และ Immunology ที่เรียนเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

           ส่วนเทอม 2 ก็จะแบ่งเรียนพวก 1. กลุ่มวิชาที่เรียนเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้สัตว์เป็นโรค

          และกระบวนการก่อโรค  2. วิชาเกี่ยวกับยา เภสัชวิทยา 1,2

          และสุดท้ายวิชา Lab Animal science ที่เรียนเกี่ยวกับสัตว์ทดลองและการใช้สัตว์ทดลอง

           รวมถึงจรรยาบรรณการใช้สัตว์ทดลอง กับวิชาระบาดวิทยาและเภสัชการป้องกันสัตว์ 

 ผู้สัมภาษณ์ - สรุปแล้วปี 3 นี่ ภาพรวมเป็นอย่างไรค่ะ

ผู้ให้สัมภาษณ์ - สรุปปีนี้เป็นปีที่ทุกๆคนยกย่องแล้วว่าโหดจริง นรกจริง ใครผ่านมาได้

            จะเป็นเครื่องพิสูจน์และความแกร่งได้เป็นอย่างดีของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตวแพทย์

ผู้สัมภาษณ์ - แล้วช่วงปิดเทอมนี้พวกพี่ทำอะไรกับค่ะ 

ผู้ให้สัมภาษณ์ - ในช่วงปิดเทอมซัมเมอร์ก่อนจะขึ้นปี4 จะมีการฝึกงานทางด้านสัตวบาลภาคสนาม

          โดยผันตัวเองไปเป็นคนงานในฟาร์ม เป็นเวลาครึ่งเดือน โดยแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆไปฟาร์มอะไร

           ก็แล้วแต่เลือก

ผู้สัมภาษณ์ - งั้นมาพูดถึกปี 4 กัน การเรียนเป็นอย่างไรค่ะ

ผู้ให้สัมภาษณ์ - ปี 4 เป็นปีที่จะเริ่มต้นเรียนวิชา Clinic ซักที เริ่มจากวิชาอายุรศาสตร์ ตามระบบอวัยวะ

           หรือ Internal Med เป็นวิชาว่าด้วยหลักการรักษาโรคต่างๆเช่น โรคหัวใจ โรคตับ

           และวิชาเทคนิคการวินิจฉัยและการรักษาโรคสัตว์ ที่จะพูดถึงการตรวจวินิจฉัยโรค

           และการรักษาคร่าวๆ ในแต่ละระบบ และแต่ละชนิดสัตว์ วิชาหลักการศัลยศาสตร์และวิสัญญี

           จะพูดถึงขั้นการตอน วิธีการผ่าตัดเบื้องต้น จนถึงการวางยาสลบในสัตว์

           วิชา พิษวิทยา ที่พูดถึงสารที่เป็นพิษ ทั้งจาก ธรรมชาติ จากสารเคมี และจากการรักษา

           วิชารังสีวิทยาที่จะพูดถึงหลักการของเครื่อง X-Ray และ Ultrasound และการแปลผล

           และวิชาพยาธิวิทยาเฉพาะระบบ คือจะพูดถึงกระบวนการก่อโรคและรอยโรคในอวัยวะต่างๆ

           โดยละเอียด

            ส่วนเทอม 2 จะเริ่มมีวิชาแปลกๆ เข้ามา อาทิเช่น วิชา Andrology , Gynaecology

           อธิบายง่ายๆเหมือนกับหมอสูติฯในสัตว์แหละ และวิชาเทคโนโลยีชีวภาพทางการสืบพันธุ์

           ของสัตว์ ที่จะพูดถึงเทคโนโลยีอย่างการย้ายฝากตัวอ่อนหรือการทำโคลนนิ่ง  

ผู้สัมภาษณ์ - แล้วปีไหนค่ะที่ต้องมีการผ่าตัดสัตว์

ผู้ให้สัมภาษณ์ - ปี 4 นี้แหละมีการใช้สุนัขทดลองด้วยในวิชา surgery ทั้ง 2 เทอมเลย

           ปีนี้เป็นปีที่เหมือนขึ้นมาสู่ยอดเขาแล้ว พูดง่ายๆก็คือสบายขึ้นเพราะตัวเราชินแล้ว

ผู้สัมภาษณ์ - แล้วปี 5 นี้ฝึกงานแล้วรึเปล่า

ผู้ให้สัมภาษณ์ - ใช่แล้ว ปี 5 เป็นปีที่เริ่มเข้าใกล้กับคำว่าหมอแล้ว เลยเรียนวิชาที่เกี่ยวกับโรค

           และการรักษามากหน่อยวิชาที่เรียนในห้องเริ่มเหลือน้อยลงแล้ว แต่จะมีการฝึกงานเข้ามาแทนที่

           ทั้งในด้านสัตว์เลี้ยงและสัตว์ปศุสัตว์ แล้วก็มีรายงานมากหน่อย

ผู้สัมภาษณ์ - แล้วเรียนพวกไรบ้างค่ะ

ผู้ให้สัมภาษณ์ - ก็จะเรียนวิชาศัลยศาสตร์สัตว์ใหญ่ ที่จะพูดถึงหลักการผ่าตัดใน ม้า วัว และที่ขาดไม่ได้

          คือ โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ที่เรียนเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า โรคแอนแทรกซ์ เป็นต้น

          รวมถึงเรียนวิชากฎหมายและจริยธรรมแห่งวิชาชีพด้วยจะเรียนวิชาศัลยศาสตร์สัตว์ใหญ่

          ที่จะพูดถึงหลักการผ่าตัดใน ม้า วัว ประมาณนี้

ผู้สัมภาษณ์ - แล้วปี 6 ปีสุดท้ายนี้เป็นยังไงบ้าง

ผู้ให้สัมภาษณ์ - ก็จะเหมือนกับว่าทำงานแล้ว เป็นปีที่จะมีการให้เลือกฝึกงาน ใครจะมุ่งมั่นเป็นหมอสัตว์

         อะไรก็จะได้ฝึกงานอย่างเมามันไปเลย โดยแบ่งเป็นฝึกงานทั้งในด้านสัตว์เลี้ยง

         และฝึกงานด้านปศุสัตว์ ทั้ง 2 เทอมเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง

      ขอขอบพระคุณ  พี่อมรรัตน์   จันทะวัน  อย่างสูง  ที่ช่วยให้ความรู้เรื่องการเรียนสัตวแพทย์

      ทำให้ดิชั้นได้รู้ถึงอุปสรรค  แนวนางการเรียน  ที่ช่วยให้ข้อมูลเเละชี้ทางที่จะประกอบการตัดสินใจ

      มุ่งมั่นกับทางเดินชีวิต   ขอขอบพระคุณอย่างสูง ค่ะ

    

 

คำสำคัญ (Tags): #สัตวแพทย์
หมายเลขบันทึก: 187191เขียนเมื่อ 10 มิถุนายน 2008 07:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 20:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

อยากเรียนมากมายไม่รู้จะไหวรึป่าว

มันทรหดขนาดนั้นเลยหรอคะ

(จะดำมั๊ยเนี่ยหุหุ)

แต่ตั้งใจจะเรียนแล้วคงก้อเต็มที่อ่านะ

มีความตั้งใจจะเรียนนะคะ

สัตวแพทย์เนี่ย

แล้วก็จะต้องทำให้ได้ด้วยคะ

อีกไม่นานชั้ลจะก้าวไปให้ถึงจุดนั้น

น้องครับ มหาวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่มีนะครับ มีเเต่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เหอๆๆๆ

โหสู้ๆๆๆๆคร้าบบ

อยู่ม.5แล้วควรใช้ภาษาไทยให้ถูกหน่อยนะคะ

พิมพ์ผิดเยอะมาก ค่ะ คะ ก็ใช้ไม่ถูก แต่ข้อมูลที่สัมภาษณ์ดีค่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท