เมื่อคืนได้มีโอกาสดูหนังอิมซังอ๊ก มีบทเรียนที่น่าสนใจ ดังนี้ครับ
- จะสังเกตุเห็นว่า นายห้างใหญ่ทั้ง 2 ท่าน จะนิยมดื่มน้ำชา โดยเฉพาะนายห้างใหญ่กลุ่มกังซาน ที่ชอบหมุนแก้วน้ำชาไปมาตลอดเวลา แต่ก่อนผมเองก็ไม่ค่อยได้สนใจตรงนี้มากนัก แต่เมื่อคืนนี้ถึงได้เข้าใจว่า
...การหมุนดูลายถ้วยน้ำชานั้น เป็นการฝึกจิตทำสมาธิให้มีสติอยู่ตลอดเวลา หรือถ้าเรียกแบบฝรั่งก็คือ Theory U ดี ๆ นี่เอง
- ถ้าสังเกตุให้ดีในหนัง จะมีหัวหน้าและผู้นำหลายระดับ ตั้งแต่หัวหน้าคณะการแสดง เถ้าแก่ร้าน เลขานายห้าง และนายห้าง
- หนังทำรายละเอียดความแตกต่างตรงนี้ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนมาก
- ยกตัวอย่าง หัวหน้าคณะการแสดง จะผ่านร้อนผ่านหนาว (เก๋า) แบบชาวบ้าน คือ มีความสามารถเพียงพอที่จะนำพาคณะการแสดงในยุคข้าวยากหมากแพงอยู่รอดได้แน่นอน เก๋าเพียงพอที่จะจัดการลูกน้องติดการพนัน ลูกน้องรูปแบบต่าง ๆ ได้ แต่เพราะต้องต่อสู้ดิ้นรนพาคณะให้อยู่รอดบางครั้งเพื่อให้ได้เงินมาก็ต้องถึงกับหลอกลวงบ้าง ขายลูกน้องให้พ่อค้าบ้าง
- เถ้าแก่ร้านต่าง ๆ ทั้งร้านเครื่องโลหะ ร้านผ้าไหม ก็จะมีความสามารถทำการค้าและมีความชำนาญในงานร้านของตนที่สุด สามารถดูบัญชีออก แต่เมื่อเกิดปัญหาหรือมีภัยมาก็จะร้อนรน วิ่งไปหานายห้างใหญ่ทุกครั้งไป
- เลขานายห้าง คนนี้น่าจะเป็นทั้งบู้และบุ๋น แล้วแต่ว่า ปรัชญาและวิสัยทัศน์ของกลุ่มการค้านั้น ๆ เป็นอย่างไร ในหนังช่วงกลาง ก็เปรียบเทียบขุนพลนี้ อย่างถึงพริกถึงขิง สองคน คือ พระเอก กับ ผู้ร้าย และตอนท้าย สองคนนี้ก็ก้าวขึ้นเป็นนายห้างต่อสู้กันเองในยุคต่อมา
- ข้อมูลส่วนใหญ่ทั้ง Bottom up และ Top down จะผ่านเลขาห้างทั้งขาขึ้นและขาลง
- ส่วนนายห้างใหญ่ ซึ่งเป็นคำตอบสุดท้ายของทุกเรื่องของการต่อสู้ หนังได้นำเสนอวิธีคิดที่แตกต่างของทั้งสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งบู้ล้างผลาญ อีกกลุ่มซื้อใจคน แต่ทั้งสองนายห้างมีสิ่งที่เหมือนกัน และแตกต่างจากผู้นำในระดับอื่น ๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว คือ ...เล่นถ้วยน้ำชา...