เรียนดีแต่ไม่มีตังค์


ไม่รู้จะกล่าวถึง ความรู้สึกรันทดใจใดได้ ในท่ามกลางข่าวคราวอันเจ็บปวด และความตายอันน่ารันทดใจของเด็กไทย ผู้ไร้ทางออกในสิ่งที่เราเรียกกันว่า เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง พร้อมกับสิ่งที่สูญหายในความสิ้นไร้ไม้ตอก สิ้นทางออก จนปัญญา ไร้น้ำใจ และปัญหาของผู้คนในแวดวงอุดมศึกษา การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่กำลังทวีความรุนแรง ทวีความเร็วของสิ่งที่พยายามเรียกว่า ระบบมาตรฐานทางการศึกษา ท่ามกลางสิ่งที่สูญหายไป พร้อมการประเมินผลวัดผล และวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่คับสถาบันการศึกษา วันนี้จึงมีเพียงความรันทดใจ ในน้ำใจไมตรีและความเอื้ออาทรที่สูญหายไป ขออภัยอย่างยิ่ง สำหรับความรันทดใจในครั้งนี้ ขอบคุณครับ

เรียนดีแต่ไม่มีตังค์

 

อ้างอิง - ภาพ http://smcharity.multiply.com/

ไม่รู้ว่าจะกล่าว

ว่ารันทดใจถึงเพียงใด

ต่อข่าวคราวที่เกิดขึ้นกับเด็กไทย

โดยเฉพาะเมื่อเด็กวัยรุ่นสักคน ต้องมาฆ่าตัวตายเพียงเพราะปัญหาไม่มีเงินทอง ที่พอจะเล่าเรียน จนสามารถจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ไม่รู้ว่าจะดูหยาบคายหรือไม่ สำหรับความบัดซบในสังคมไทย ที่เมื่อเราถามถึงโอกาสทางการศึกษา เรามักไม่มีใครเป็นเจ้าภาพหลักในการตอบสนอง โดยเฉพาะแนวนโยบายแห่งรัฐ และความตระหนักของภาครัฐ

อาจจะดูกร้าวร้าวหยาบคายหากต้องตำหนิ

กับสิ่งที่ไร้ความห่วงใยร่วมกันเช่นนี้

นับตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง

นับตั้งแต่ครอบครัวที่รันทดจนไม่มีทางออก จากโรงเรียนมัธยมฯที่ไม่มีครูคนใดช่วยได้ แม้กระทั่งการโทรศัพท์ต่อมหาวิทยาลัย หรือครูแนะแนวที่ไม่สามารถชี้นำความเข้มแข็งในชีวิต ท่ามกลางชีวิตอันยากลำบาก หรือกระทั่งครูใหญ่ในโรงเรียนที่ใหญ่โตมาก จนไม่ได้รู้จักลูกศิษย์

กระทั่งนับเนื่อง

ต่อไปที่สถาบันการศึกษา

มหาวิทยาลัยทั้งหลายแหล่เวลานี้

ที่กำลังอยู่ในยุคประกาศตัวเป็นอิสระ กลายเป็นสถาบันการศึกษาซึ่งบริหารโดยอิสระ ในสังกัดของรัฐซึ่งไม่มีอะไรมากมายไปกว่าตลาดวิชชา ที่จะนำพาสิ่งใดระหว่างการศึกษาขั้นพื้นฐานของเยาวชน กับผลกำไรในการบริหารสถานศึกษา กระทั่งมีหลักสูตรระดมทุน หลักสูตรที่รับประกันว่าจบแน่นอน แต่ต้องจ่ายแพงกว่าเดิม และผู้ที่จะเข้าเรียนต้องมีเงินจ่าย

ไม่นับรวมความสัมพันธ์แบบคนทั่วไป

เมื่อใครสักคนจะเดินเข้ามาร้องขอ

ขอความช่วยเหลือจากสถาบัน

หรือกระทั่งเจ้าหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ของมหาวิทยาลัย ที่สามารถทำจดหมายขอผ่อนผัน ขอยืดระยะเวลาในการจ่ายเงินค่าเทอมให้กับนักศึกษา กระทั่งทำเรื่องร้องขอเพื่อกู้ยืมงบการศึกษา ให้กับนักศึกษาผู้ขาดแคลนยากไร้ หรือเราต้องแก้ปัญหาแบบตากับยายปลูกถั่วปลูกงา

ปล่อยให้หลานเฝ้า

นกกาก็ลงมาจิกกินถั่วงา

ไปขอร้องใครก็ไม่มีใครช่วยเหลือ

กระทั่งมีเพียงแมงหวี่ที่มีน้ำใจ ช่วยตอมตาช้าง ให้ช้างไปไล่หนู ให้หนูไปกัดหน้าไม้นายพราน ให้นายพรานไปยิ่งนกกา ปัญหาทั้งหลายแหล่จึงจะคลี่คลายเช่นนั้นหรือ เอากันแบบเห็นเห็น จะเห็นแก่ตัวหรือเห็นแก่ชีวิตคนที่ตายไปแล้วก็ตาม  วันนี้จึงทำให้เราได้เห็นข่าวน่ารันทดใจ

ในความสิ้นไร้ไม้ตอกของเยาวชนไทย

ซึ่งเดิมเราพูดกันนักพูดกันหนา

ถึงโอกาสที่ไม่เท่าเทียมกัน

กระทั่งวันนี้ มีเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในแต่ละจังหวัดของประเทศไทย ที่สามารถร่ำเรียน จัดระบบชีวิต จัดระบบการเรียนรู้ จนพร้อมจะมีความสามารถในการเล่าเรียนระดับอุดมศึกษา ตามที่นักวิชาการและนักการศึกษาได้วางหลักสูตรแห่งความเหมาะสม

แต่จนแล้วจนรอด

วังวนแห่งความโง่จนเจ็บ

และความยากไร้ในทุกสิ่งอย่างของผู้คน

ก็ยังเป็นม่านและลูกกรงที่ขวางกั้นโอกาสทางการศึกษา ไม่มีอะไรมากมายนัก ในท่ามกลางห้องบรรยาย ห้องทำงานปิดกระจกเครื่องปรับอากาศเย็นช่ำ และห้องประชุมระดับสูง ที่มีพร้อมทั้งไมค์พูดประจำตัว เครื่องฉายภาพ คอมพิวเตอร์ แม้กระทั่งการออนไลน์ให้ประชุมทางไกลได้ทั่วโลก

 

 

แต่การประชุมทางใกล้เพื่อแก้ปัญหาความเป็นคน

กลับไม่มีอยู่จริงในการเตรียมพร้อม

แทบจะกลายเป็นสิ่งไร้สาระ

หากไม่มีเด็กคนใดฆ่าตัวตายขึ้นมา ท่ามกลางความรันทดหดหู่ใจ ที่ยังคงเกิดขึ้นจริงในระดับอุดมศึกษาของประเทศไทย และมาตรฐานทางการศึกษา ที่มั่วแต่สนใจอยู่กับการวัดผลประเมินผลการศึกษา สร้างความเป็นเลิศ และวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ คับอกคับใจผู้บริหารระดับสูง

ที่เหมือนวิสัยทัศน์ยิ่งใหญ่

จะนำสถาบันเข้าตลาดหลักทรัพย์

ให้ได้ประเมินผลในระดับโลกและระดับทุน

ไม่รู้จะกล่าวคำว่า รันทดใจเพียงใด ต่อโอกาสที่ว่าด้อยอยู่แล้ว ของเด็กต่างจังหวัดที่ไม่มีโอกาสได้กวดวิชา ด้วยการร่ำเรียนมุมานะ และสร้างทักษะส่วนตัวในเรื่องการเรียนรู้ จนพอที่จะร่ำเรียนได้บ้าง แต่กลับต้องมาตกม้าตาย ในปมปัญหาเดิมเดิมของชีวิตคนจนเมืองไทย

ปัญหาเดิมที่ยังไม่ได้แก้ไขไปไกล

แต่กลับต้องมาจนตรอก

ที่ความไม่นำพา

ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่มั่วแต่ออกกฎอันเข้มงวด เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยที่ไม่สนใจสิ่งใด ยกเว้นการประเมินผล ต่อสู้ให้ได้รับการรับรองว่าเป็นเจ้าหน้าที่ มากกว่าที่จะเป็นลูกจ้างชั่วคราว กระทั่งต่อสู้กันเองในมหาวิทยาลัยเพื่อให้เลื่อนขั้นปรับวิทยะฐานะ โดยไม่ได้ประเมินเรื่องอื่น

แต่เดิมเราเคยได้ยิน

เด็กนักเรียนที่ไม่มีตังค์ร่ำเรียน

จนต้องเข้าไปร้องขอผู้บริหารระดับสูง

ไม่นับรวมกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราหลายคน ที่แต่ดั้งแต่เดิมก็ยากจนข้นแค้น จนต้องไปกราบกรานขอเรียน จะจ่ายผ่อนส่ง จ่ายเงินทีหลัง หรือได้รับความกรุณาปราณีจากครู ไม่ว่าจะครูใหญ่ ผู้อำนวยการ บราเดอร์ หรือใครก็ตามที่วิญญาณครูติดแน่นในใจ จนบอกเองว่า เมื่อมีความสามารถก็ให้ร่ำเรียนไป เรื่องเงินเป็นเรื่องเล็กน้อย ค่อยมาคุยทีหลัง

แม้กระทั่งเพื่อนผมที่รู้จักหลายคนซึ่งยากจน

จนวันนี้ได้ดิบได้ดีพอจะลืมตาอ้าปาก

วันวานวันนั้นก็ได้ความกรุณา

ได้ความปราณีจากครูบาอาจารย์ให้การช่วยเหลือ จะแค่ลงนามรับรอง ว่าเด็กนักเรียนนักศึกษาจะนำเงินมอบให้ หรือช่วยเหลือสนับสนุนให้ได้ทุนการศึกษา ได้งานเป็นผู้ช่วยอาจารย์ ได้งานพิเศษตามแต่ความสามารถ จนดูแลประคับประคองชีวิต เพื่อวันหนึ่งจะยืนอย่างแข็งแรง

ไม่ใช่เพราะสิ่งเหล่านี้หรือ

ที่ทำให้เราสร้างคนดีที่มีน้ำใจในสังคม

เป็นคนที่พร้อมจะกลับมาช่วยเหลือคนอื่นอีกครั้ง

ไม่ใช่เพราะน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อ โอบอ้อมอารี และความมีสำนึกในความเป็นคนหรอกหรือ ที่ทำให้สังคมไทยยังคงน่าอยู่ และมีเกียรติมีศักดิ์ศรี มากกว่าอาคารที่ทันสมัย ใหญ่โต มีระบบการจัดการทันสมัย มีการประเมินผล มีคุณภาพบุคลากร ที่ไม่พร้อมจะสนใจช่วยเหลือใครเลย

ไม่รู้จะอัดอั้นตันใจอย่างไรกับมายาภาพอันใหญ่โต

ของสถาบันการศึกษาที่ผมเคยคิดว่ายิ่งใหญ่

แต่วันนี้มีความกลวงอยู่ภายใน

และไม่มีคำว่าน้ำใจ ในความเป็นคนเหลืออยู่

ขออภัยอย่างยิ่งครับ ผมแค่รู้สึกรันทดใจหากใครต้องตาย

 

 

 

หมายเหตุ : ภาพถ่ายนี้เป็นผลงานสร้างสรรค์ และร่วมกันสร้างสรรค์ เพื่อสร้างชุมชนแห่งไมตรีจิต รวบรวมความช่วยเหลือ และน้ำใจไมตรี ในการสนับสนุนการทำงานของวัดพระบาทน้ำพุ หากสนใจ ภาพถ่าย ภาพโปสการ์ต

 

สามารถติดต่อ ได้ที่ http://smcharity.multiply.com/

 

หมายเลขบันทึก: 183439เขียนเมื่อ 20 พฤษภาคม 2008 14:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา รู้สึกว่ามีแต่ภาพติดลบด้านการศึกษา

.. ภาพลักษณ์ก็ยิ่งแย่ลง ... จนมีประโยคนี้ อ. คนหนึ่งพูดเอง

... แค่มีตังค์ จ่ายครบ เรียนจบแน่ .. ทำให้รู้สึกว่า เอ อะไรกัน

... ความศรัทธาต่อสถาบันการศึกษา ต่อระบบ เปลี่ยนแปลงไป

.. เห็นด้วยค่ะ ผู้ที่เคยได้รับโอกาส จะหยิบยื่นโอกาสให้ผู้อื่นต่อ ..

แต่เมื่อ ทุกสิ่งเอาเงิน เป็นตัวชี้วัดแล้ว ความล่มสลายกำลังคืบคลานมา

... เราวัดครูที่วิทยฐานะ โดยไม่คำนึงถึง ผลงานและผลการสอน

... เราวัดความสามารถ ที่ใบประกาศ หาใช่ คุณธรรมนำความรู้

... เราวัดความสุข ที่ วัตถุ ความสำเร็จ ตำแหน่ง  ... เช่นนี้แล้วไซร้

ก็ บายค่ะ .. จบเห่ ... หากเราเป็นผู้กำหนดนโยบายคงละอายใจ ...

...  ขออภัยนะคะ บ่นกี่รอบๆ  ก็จบแบบเดิมๆ ปัญหาโลกแตก ...

แต่ก็ยังมีครูอีกกลุ่ม กลุ่มหนึ่ง กลุ่มน้อย ที่ปิดทองหลังพระ ..

น่าชื่นชม .. น่าศรัทธา .. ทำยังไง หัวจึงจะนำไปถูกทางสักที ..

 

สวัสดีครับ คุณ Poo

ปัญหาการศึกษาไทย

โดยเฉพาะปัญหาการอุดมศึกษาของประเทศไทย ในยุคออกนอกระบบ ที่ทุกสิ่งอย่างเป็นตลาดวิชา ในแง่ของตลาดทุน ที่มองผู้เรียน นักเรียน นักศึกษา เป็นลูกค้าที่มิใช่ศิษย์ คือหนึ่งในคำถามสำคัญวันนี้ ที่เป็นคำถามตัวโตโต ให้เราคนไทยทุกคนได้ร่วมกันถามร่วมกันตอบ ว่าจะเอาอย่างไรกับระบบการศึกษาไทยเช่นนี้

สำหรับด้านหนึ่ง

ที่ต้องออกตัวยอมรับ ว่ายังคงกราบไหว้ และนับถือครูบาอาจารย์อีกมากมาย ที่ต่างได้ทุ่มเทความรู้ความสามารถ สติปัญญา และกำลังชีวิต เพื่อสร้างสรรค์การศึกษาของชาติบ้านเมือง

ยังคงเห็นด้วยครับ

ว่าทำอย่างไร เราจะมีทิศทาง และมีผู้กำหนดทิศทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ครับ เป็นหนึ่งในคำถามที่อยากทราบอยากรู้ในยามนี้ครับ

ขอบคุณมากครับ สำหรับความคิดเห็นของ คุณ Poo

ยินดีเสมอครับ

สวัสดีค่ะ

  • แวะมาทักทาย
  • เห็นด้วยค่ะ...
  • กับความอัดอั้นตันใจ
  • ส่วนตัวก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างกัน
  • แต่พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ..ได้แต่มอง และดูข่าวอย่างเศร้าใจ กับระบบการศึกษาไทย รวมถึงครอบครัว สังคม และสิ่งแวดล้อมของเด็ก
  • ครอบครัว สังคม ควรเห็นความสำคัญของ EQ มากกว่า IQ แล้วหละ
  • งูกินหาง ตั้งแต่อนุบาล จนถึงหลังอุดมศึกษา... แค่มีตังค์ จ่ายครบ เรียนจบแน่ ..
  • "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
  • ขอบคุณค่ะ

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท