ภายหลังการปิดภาคฤดูร้อนผ่านไป ข้าพเจ้าก็ไปยังไคโร และพักร่วมกับเพื่อนๆ ที่บ้านเลขที่ 18 ถนนมะรอสีนะฮฺ หมู่บ้านสัยยิดะฮฺซัยนับ นับเป็นบ้านหลังแรกของเรา
ในวันเปิดภาคเรียนวันแรก ข้าพเจ้าไปตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยความรู้สึกพิศมัยในในวิชาการ อัลลอฮฺให้ข้าพเจ้าใฝ่ใจในความรู้ ข้าพเจ้ายังไม่ลืมการเรียนคาบแรกในวันนั้น เรายังไม่ได้รับหนังสือหรืออุปกรณ์การเรียนใดๆ ทั้งสิ้น ชัยค์มุฮัมมัด อับดุลมุตตอลิบ อาจารย์นักกวียืนบนแท่นโปรเดี้ยมหน้ากระดานดำ แสดงความยินดีกับนิสิตใหม่ พร้อมอวยพรให้ประสบความสำเร็จ ท่านเขียนกวีบทหนึ่งบนกระดานดำ ว่า
قال عبيد بن الأبرص:
ولنا دار ورثنا مجدها الـ أقدم القدموس عن عم وخال
منـزل منه آباؤنا الــ مورثونا المجد في أولي الليالي
อะบีด บิน อัลอับรอศ กล่าวว่า
“ เรามีบ้านที่สืบทอดศักดิ์ศรี อันคงมั่นจากรุ่นลุงและรุ่นน้า
บ้านที่บรรพบุรุษของเรา สืบทอดศักดิ์ศรีมาตั้งแต่วันแรกเริ่ม ”
( บ้านในที่นี้ ชัยค์น่าจะหมายถึง ดารุลอุลูม – ผู้แปล)
ท่านจับคอเสื้อโต๊บแล้วอ่านด้วยเสียงที่แสดงออกถึงความภาคภูมิใจ และให้เราเอี๊ยะร๊อบ( บอกไวยากรณ์ของแต่ละคำในประโยค - ผู้แปล) ข้าพเจ้าคิดในใจว่า “ นี่เราต้องจริงจังตั้งแต่วันแรกเลยหรือ ? ” เราได้เอี๊ยะร๊อบบทกวีนั้น แล้วกล่าวเลยไปถึงเรื่องราวของอะบีด บิน อัลอับร๊อศ สภาพการเป็นอยู่ของชาวอาหรับยุคนั้น ทั้งในยามสงบและยามศึกสงคราม พูดถึงเรื่องหอก ดาบ ธนูประเภทต่างๆ กล่าวถึงคันธนูที่มีขนและที่ไม่มีขน อาจารย์กล่าวถึงบทกวีดังที่ว่า
ومتى بسهم ريشه الكحل لم يضر ظواهر جلدي وهو للقلب جارح
" เมื่อไหร่กันที่คันธนูมีขนดำขับ
ไม่ระคายต่อผิวกายภายนอก
แต่กลับบาดจิตใจทำให้เป็นแผล "
ข้าพเจ้าสดับฟังสิ่งเหล่านี้ด้วยใจจดจ่อ ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งรักดารุลอุลูมและคณาจารย์ที่นี่มากยิ่งขึ้น
ไม่มีความเห็น