วิเคราะห์เฮฮาศาสตร์ ตอนที่ 5


แก่นแกนการเกาะกลุ่มของคนแซ่เฮ: เมื่อวิวัฒนาการสังคมสมัยใหม่จะนำทุนนิยมเข้ามาเป็นกระแสหลักของสังคม ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ วิถีชีวิตในแต่ละคนต้องเร่งรีบและเดินตามกฎเกณฑ์ใหม่ของสังคม อย่างที่พ่อผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม ปราชญ์แห่งแควระบบสียัด เปรียบว่านี่คือ สายพานชีวิต แต่ส่วนลึกของห้วงคำนึงของประชาชนไทยเรายังมิได้ตัดขาดอย่างสิ้นเชิงจากฐานหลักของพุทธปฏิบัติ แม้จะฉาบฉวยมากขึ้น ติดเปลือกติดกะพี้มากขึ้น ไม่ได้ดื่มด่ำกับวิถีปฏิบัติอย่างแต่ก่อน  แต่ท้ายที่สุดของชีวิตก็วิ่งเข้าหาหลักของพุทธ  แม้จะเป็นเพียงพิธีกรรมก็ตาม

 

แม้ผมเองจะบ่น ถึงเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ว่า ห่างไกลพุทธเหลือเกิน ประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่แตกต่างจากสังคมเดิมๆมากมาย  แต่ก็ยอมรับในความเปลี่ยนแปลงนั้น แต่ไม่ยอมรับสาระในการเปลี่ยนแปลงบางประการ  แม้ว่าสังคมเมืองจะหลุดลุ่ยจากค่านิยมในหลักธรรมมากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีนักปฏิบัติธรรมกระจายอยู่ทั่วไป เพียงแต่อาจจะรวมกลุ่มกันบ้าง และจำนวนไม่น้อยที่นิยมความเป็นปัจเจก

 

องค์พระผู้เป็นที่สุดของแผ่นดินก็ยังประกอบพิธีทางพุทธอย่างต่อเนื่องมิได้ขาด ให้ทุกคนได้เห็นแม้ว่าหลายคน เพียงแต่เห็น  แต่ไม่อาจสัมผัส  แต่ก็มีหลายคนที่ เห็นด้านในของพิธีกรรมนั้นๆ ผู้เฒ่าผู้แก่ยังพนมมือโมทนาสาธุทางจอทีวีด้วยซ้ำไป เพราะแท้ที่สุดนั้นก็คือ สำนึกอันเป็นด้านลึกของจิตใจ

 

ผมขออนุญาตฉายซ้ำ เรื่องการทำบุญในวันพระที่วัดของสังคมเดิมในชนบท ทุกวันพระพ่อแม่จะเตรียมอาหาร ขนม ตื่นแต่เช้ามืดมาปรุงแต่งเต็มฝีมือ พอสว่างก็ปลุกลูกหลานตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าค่อนข้างดีที่สุด แล้วจัดสำรับกับข้าวใส่ตะกร้าสวยๆ ภาชนะดีดี จูงลูกหลานไปร่วมทำบุญที่วัด

 

ผู้คนมากมายจากทุกหลังคาเรือนต่างมาร่วมทำบุญ เสียงทักทายถามสารทุกข์สุกดิบกันเซ็งแซ่ ผู้ใหญ่เห็นเด็กก็ทักทาย เองลูกใคร เรียนที่ไหน มากับใคร พ่อแม่ก็แนะนำให้ลูกกราบไหว้ญาติพี่น้องคนนั้นเป็นลุง เป็นอา ฯ  แม้เพื่อนบ้านที่มีบ้านห่างออกไปก็แนะนำให้กราบไหว้ความเป็นอาวุโส

 

ผู้เฒ่าจะไปรวมตัวกันที่หน้ากุฏิเจ้าอาวาส กินน้ำร้อนน้ำชาและตั้งวงคุยกันสารพัดเรื่อง การทำมาหากิน โรคภัยไข้เจ็บ การบ้านการเมือง ข่าวคราวต่างๆ ฯลฯ แม่บ้านหรือผู้หญิงก็จะจัดการเรื่องตักข้าวใส่บาตร ตักกับข้าวใส่ถาด เมื่อถึงเวลาพระก็เดินตามลำดับพรรษามานั่งบนอาสนะแล้วสวดตามประเพณีปฏิบัติ

 

เมื่อพระฉันท์ข้าว ก็เกิดการแลกกับข้าวแลกขนมส่วนที่เหลือจากการถวายพระกันระหว่างบ้าน ระหว่างครอบครัว ระหว่างญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน  นี่คือการแลกเปลี่ยนรสชาติอาหาร ในชุมชน เพราะเมื่อกลับบ้านก็จะติจะชมกันว่า แกงบ้านนั้นเค็มไป เปรี้ยวไป บ้านนี้อร่อย ก็จะถามไถ่สูตรทำอาหารกัน คนในบ้านก็จะปรับปรุงฝีมือกัน

 

ระหว่างการทำบุญนั้น ก็มักจะมีเด็กๆเดินเล่น วิ่งเล่น ส่งเสียงดังบ้างตามธรรมชาติเด็ก ผู้ใหญ่ก็จะสอน แนะนำ ไอ้หนูควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ การเดินผ่านผู้ใหญ่ต้องน้อมกาย ขอโทษ เดินให้ระมัดระวังอย่าไปใกล้มากนักจะไปเตะเท้าคุณลุงคุณป้าเข้า ต่อหน้าพระก็ให้เดินเข่าไปพบไปกราบ  และคนในหมู่บ้านทุกคนก็สามารถว่ากล่าวตักเตือนลูกหลานทุกครอบครัวในหมู่บ้านด้วยกันได้ เป็นที่ยอมรับกัน  เลยเถิดไปถึงหากทำผิดสามารถเรียกมาทำโทษตีก้นได้เลยด้วย ผู้ใหญ่เขาอนุญาตให้แก่กัน เพราะต่างคือลูกหลานในหมู่บ้านเดียวกัน  นี่คือความเป็นญาติพี่น้องในชุมชน  นี่คือการอบรมสั่งสอนมารยาทสังคม ประเพณี เคารพในอาวุโส

 

แม้อยู่บ้านเดียวกันแต่หัวบ้านท้ายบ้านอาจจะไม่ได้พบกันเลย  การทำบุญที่วัดจะเป็นโอกาสที่มาพบกัน ทักทายถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เรื่องราวต่างๆในครอบครัว การประกอบอาชีพ สุขภาพ ฯลฯ จะเล่าสู่กันฟัง ต่างถามไถ่คนที่ไม่ได้มาร่วมทำบุญ ไม่ได้ถือสาชั้นวรรณะ ความรวยความจน บ้านเล็กบ้านใหญ่ ที่วัดนั้นเท่าเทียมกันหมด ต่างเอาศาสนาเป็นที่ตั้ง เอาหลักยึดเหนี่ยวจิตใจเป็นที่ตั้ง 

 

การไปทำบุญที่วัดเป็นกิจกรรมสังคมเดิมที่มีความหมายที่เราสามารถถอดรหัสได้ดังนี้

 

  • เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่มีความศรัทธาในหลักธรรม และมีจิตใจเป็นอันเดียวกัน ไปรับการตอกย้ำหลักการอยู่ร่วมกัน และวิถีปฏิบัติร่วมกันในหมู่บ้าน ในสังคมอย่างสันติสุข

  • การไปทำบุญกับพระ การไปพบปะกันยังเป็นสถานที่เชื่อมร้อยความผูกพันซึ่งกันและกันซึ่งเป็นด้านลึกของจิตใจ ที่สะท้อนจากคำกล่าวที่ว่า ทำบุญร่วมวัด ตักบาตรร่วมขัน ซึ่งมีความหมายมากสำหรับคนในหมู่บ้าน ในชนบทที่ผูกใจเข้าด้วยกัน

  • การแลกเปลี่ยนกับข้าว ขนม และอื่นๆ นี่คือสื่อ และยังเป็นการแลกเปลี่ยนทักษะการประกอบอาหาร การกินในชุมชนผ่านพิธีกรรมทางศาสนาแบบนี้โดยไม่รู้ตัว

  • เป็นการรวมกลุ่มของผู้เฒ่าในชุมชนให้มาพบปะกัน ทักทาย ถามไถ่ พูดจากัน เป็นกิจกรรมร้อยรัดความสนิทสนมกลมเกรียว สามัคคี ระหว่างคนในหมู่บ้านระหว่างตระกูล ระหว่างฐานะ บนฐานของบรรยากาศของวันบุญ ความแตกต่างทางความคิดเห็นหากจะมีก็จะไม่มีทางที่จะรุนแรงแตกแยก

  • เป็นการแลกเปลี่ยนข่าวสารความรู้ สารพัดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ในสังคม ในประเทศชาติ บนเวทีที่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นทางการและไม่อึดอัด อยู่บนสิ่งแวดล้อมที่ทุกคนมีใจเข้ามารวมกันเป็นฐานอยู่แล้ว

  • เป็นสถานที่ แนะนำ สั่งสอน ส่งต่อวัฒนธรรมประเพณี ระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก แห่งการอยู่ร่วมกัน การปฏิบัติต่อกัน โดยที่ไม่ต้องไปจัดหลักสูตรฝึกอบรมแต่อย่างใด

  • เป็นพิธีกรรมที่ควบคู่กับสาระทางจิตสำนึก และหลักการอยู่ร่วมกัน โดยมีคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกฐานะมาสานเข้าเป็นเนื้อเดียวกันโดยไม่แบ่งแยก

  • เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ซึ่งกันและกันในสาระต่างๆ เมื่อวัดเป็นสถานที่มาพบปะกัน เปรียบเหมือนวัดเป็น Central Node รูปแบบหนึ่ง

  • การเชื่อมร้อยกันในสาระต่างๆดังกล่าว เปรียบดัง แรงเกาะเกี่ยวทางสังคม ที่เป็นสาระของ Internodes

  • ฯลฯ

 

น่าเสียดายที่วิถีชีวิตของเราห่างการทำบุญที่วัดมานานแล้ว Nature Bond หรือ Social bond ซึ่งเป็น Local traditional bond นั้นเจือจางลงไปตามการเปลี่ยนแปลงสังคม

 

ขณะที่เราโหยหา เรียกร้อง และมีส่วนเสริมสร้างบ้างนั้น เฮฮาศาสตร์ ของกลุ่มคนแซ่เฮก็ถือกำเนิดขึ้น แม้ว่ามันจะมิใช่มาทดแทนสิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมด

 

แต่มันเป็นหน่ออ่อน หรือการแตกรากเหง้าใหม่ของ Bond ในสังคมไทยเราก็ได้ เพราะรูปแบบมันแตกต่างจากกลุ่ม องค์กรอื่นๆในสังคม

 

ก็เพราะเราเอาใจมารวมกันน่ะซีครับ 

 

หรือตาหวานว่าอย่างไร (เลียนแบบท่านครูบา อิอิ..)   

หมายเลขบันทึก: 181207เขียนเมื่อ 8 พฤษภาคม 2008 10:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • สวัสดีค่ะท่านบางทราย
  • แวะมาทานข้าวกลางวันด้วยค่ะ
  •  บันทึกของอาจารย์ มีน้ำหนักดีมากตามที่พ่อครูบาบอกไว้
  • ข้อมูลแน่น วิชาการหนาปึก .....หุ่นคนบันทึก
  • การดำเนินการทุกอย่าง หากเราเอาใจมารวมกันได้
  • ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม

อ่านะ   พี่เอื้อง  วิชาการหนาปึก .....หุ่นคนบันทึก

แบบนี้โดนหลายคนนะค้า...

อิอิ ( : อิ่ม  ตามนิยามของพี่หมอรูปหล่อใช้เพาะหนิงคนสวย แซ่เฮ)

น้องเอื้องP 1. เอื้องแซะ

 

ห้า ห้า ห้า....เอิ๊ก.... ชอบใจน้ำหนัก  คนที่บ้านเลี้ยงดีไปหน่อย อิอิ ก็ทั้งคู่แหละ 

เอื้องแซะ ไม่เชื่อถามน้องหนิงดูซิ

เวลาเฮฮาศาสตร์ทำเสื้อขึ้นมาต้องสั่งพิเศษ ขนาดที่เขาทำมาไม่มี ไม่มี อิอิ แต่ท่านอัยการก็จัดให้จนได้...เอิ๊ก...

สวัสดีเจ้าค่ะ ลุงจ๋า

คิดถึงงงงงงงงงงงงงง กอดดดดดดดดดดดดดดดดด รักษาสุขภาพด้วยเด้อจ้า เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ---> น้องจิ ^_^

หลานจิ P 6. โก๊ะจิจัง แซ่เฮ ^๐^!

 

หลานจิ ลุงบอกสักอย่างนะ  ห้ามหลานจิไปอยู่ใกล้น้ำมันนะ ไม่ดี อันตราย  เพราะหลานจิเป็นคนไฟแรง  อิอิ..เอิ๊ก... เดี๋ยวไฟไหม้เอา

  • หนิงจ๊ะ   หนิงและพี่บางทรายเป็นคนสูงระหง 
  •  ยังไงๆ ก็ไม่น่าเกลียดหรอกค่ะ
  • แซวไปด้วยความนับถือจ๊ะ อิ อิ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท