วันที่ 29 เมษายน 2551 ดิฉันจะได้เป็นวิทยากรสอนน้องพยาบาลเพื่อเตรียมความพร้อมให้เป็นผู้ปฏิบัติการขั้นสูง
ก่อนอื่นขอกล่าวถึงภาระงานของดิฉันในฐานะ APN ก่อนนะคะ เนื่องจากปัจจุบันการทำงานตามภาระงานเป็นสิ่งสำคัญ
ภาระงาน
(Position Description)
1.
Direct care
• ประเมินภาวะสุขภาพและความต้องการการบริการของผู้ป่วยมะเร็งที่รับยาเคมีบำบัดได้อย่างลึกซึ้ง
• ระบุปัญหาที่ซับซ้อนของผู้ป่วยมะเร็งได้
• กำหนดเป้าหมายและเน้นการดูแลเพื่อแก้ปัญหาซับซ้อนให้ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดได้โดยใช้ Advanced skill &Knowledge
• สามารถตัดสินใจในคลินิกได้
• ประเมินผลลัพธ์ที่เกิดจากการดูแล จากการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• ให้การดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด กลุ่ม High risk & Volume& Cost ในช่วงแรก เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการดูแลจะได้รับผลลัพธ์ตามที่คาดไว้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ pathway ปกติได้
• บูรณาการความรู้ทางการพยาบาลและหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-based nursing) มาตัดสินให้การพยาบาลอย่างอิสระ เช่น การให้ข้อมูลเตรียมความพร้อม ดนตรีบำบัด
• มีระบบการดูแลผู้ป่วยให้ได้รับยาเคมีบำบัดตามแผนการรักษาและป้องกันอาการข้างเคียงของยาเคมีบำบัด
2. Expert guidance& coaching
• ประเมินความพร้อมของมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• ใช้กลยุทธ์ในการชี้แนะแนวทาง ให้แก่มะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• จัดการด้านสุขภาพแก่มะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด ทั้งในช่วงของการเจ็บป่วยและในภาวะปกติ
• ใช้กลยุทธ์ในการให้ความรู้และพัฒนาทักษะปฏิบัติทางคลินิก ในการดูแลมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• เป็นแหล่งทรัพยากรของบุคลากรทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน
3. Change agency
• ประเมินความต้องการของมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• วางแผนการให้บริการแก่มะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดโดยใช้กลยุทธ์ใหม่
• วางระบบ กำหนดเป้าหมายและกิจกรรมของโครงการในการดูแลมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• พัฒนาแนวปฏิบัติและแผนการดูแลสำหรับมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด และนำแผนการดูแลไปปฏิบัติและติดตามประเมินผลลัพธ์
4. Consultation
• เป็นที่ปรึกษาของทีม ในกรณีมีผู้ป่วยเฉพาะรายหรือเกี่ยวกับระบบการดูแลและบันทึกข้อมูล
• เป็นแหล่งข้อมูลในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดที่มีความแปรปรวนจากแผนการดูแล
• ให้คำปรึกษากับพยาบาลประจำการในการดูแลมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• เป็นที่ปรึกษาในและนอกหน่วยงาน
5. Collaboration
• พัฒนาแนวปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดร่วมกับสหสาขาวิชาชีพ เช่น Care Map การดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีฯ
• ร่วมทำงานกับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ CoP,KM,R2R
• สร้างระบบ Partnership กับสหสาขาวิชาชีพ ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด กรรมการ PCT เคมี, PCT Breast, PCT Med (Palliative Care)
• ติดตามแผนการให้บริการในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด(Quality, timeliness, Quantity, costs and effective)
• สร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและนอกองค์กร
• มีการจัดการความรู้ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด CoP เคมีบำบัด
6. Ethical decision making
• แสวงหาช่องทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้บริการเฉพาะรายในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• ประเมินความเสี่ยง ประโยชน์ของแต่ละทางเลือกในการแก้ปัญหาในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• รักษาสมดุลระหว่างระบบ งบประมาณและเป้าหมายของในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• สร้างความพึงพอใจให้กับผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด จัดโครงการลดขั้นตอน One stop service และจัดห้อง Waiting room
7. Research Utilization& CQI
• แสวงหาสืบค้น ประเมินหลักฐานความรู้เชิงประจักษ์ ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• ออกแบบการพยาบาลโดยใช้ผลการวิจัย หลักฐานเชิงประจักษ์ ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• ติดตามประเมินผลลัพธ์เชิงกระบวนการและผลลัพธ์ ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• เป็นหลักใน CQI team ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• ทำวิจัยเชิงผลลัพธ์และเผยแพร่ผลงาน จากการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด วิจัยการวางแผนการจำหน่ายในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับยาเคมีบำบัด
8. Data analysis & Information management
• รวบรวม บันทึก วิเคราะห์และจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ
• รวบรวมผลลัพธ์การดูแลอย่างเป็นระบบ
• วิเคราะห์ปัญหาและแนวโน้มการให้บริการสุขภาพสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
• จัดเตรียมและนำเสนอแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
• ประสานความร่วมมือกับหน่วยฐานข้อมูลสุขภาพของหน่วยงาน
• ระบบบันทึก รวบรวม CPGs, Care MAP,CoP
กระบวนการเพื่อนำไปสู่ Best Practice
• จากการดูแลผู้ป่วย Direct Care
• พบประเด็นปัญหา
• แก้ปัญหาโดยลองทำโครงการพัฒนางาน (Routine)
• ยังพบว่ามีปัญหา ทำวิจัย (Research)
• นำผลวิจัยมาใช้ (Research Utilization)
• ติดตามผลลัพธ์ในการดูแลต่อ (Outcome monitoring)
ตัวอย่างการทำงานเพื่อนำไปสู่ Best Practice
การศึกษาวิจัยที่เกิดจากการทำงานประจำให้เป็นงานวิจัยเรื่อง
ผลของการใช้โปรแกรมวางแผนการจำหน่ายต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับยาเคมีบำบัด
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มารักษาในหอผู้ป่วยเคมีบำบัด โรงพยาบาลศรีนครินทร์ พบมากเป็นอันดับ 1 มีจำนวน 496 รายต่อปี การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ทำให้ผู้ป่วยมีภาวะปลอดโรคและการพยากรณ์โรคค่อนข้างดี แต่ผู้ป่วยต้องเผชิญกับปัญหาด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต จากการที่ไม่สามารถในการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง ถึงแม้ว่าพยาบาลจะมีการเตรียมความพร้อมผู้ป่วยโดยสอนการดูแลตนเองเมื่อมารักษาด้วยยาเคมีบำบัด จากการที่มีผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากที่จำเป็นในการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ทำให้ผู้ป่วยถูกจำหน่ายกลับบ้านหลังจากได้รับยาเคมีบำบัดถ้าไม่มีปัญหาใดๆ ทำให้ผู้ป่วยมีเวลาน้อยในการเรียนรู้และการปรับตัว แต่อาการข้างเคียงจากการรับยาเคมีบำบัดส่วนมากจะเกิดขึ้นที่บ้าน ทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก บางคนไม่สามารถกลับมารักษาในครั้งต่อไป พยาบาลจึงร่วมกันหาแนวทางการวางแผนการจำหน่าย (Discharge planning) โดยจัดทำวิดิทัศน์และคู่มือการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลตนเองที่บ้านและการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับยาเคมีบำบัด และทดลองปฏิบัติในระยะหนึ่ง มีการปรับปรุงสื่อการสอนหลายครั้ง และจากการทำงานประจำดังกล่าว พยาบาลจึงเห็นว่าน่าจะทำเป็นงานวิจัย เพื่อศึกษาผลของการใช้โปรแกรมการวางแผนการจำหน่ายต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับยาเคมีบำบัด
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
เพื่อศึกษาผลของการใช้โปรแกรมการวางแผนการจำหน่ายต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับยาเคมีบำบัด
วิธีการศึกษา
หลังจากโครงการวิจัยผ่านการพิจารณาและอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ผู้วิจัยเก็บข้อมูลโดย ผู้ป่วยกลุ่มควบคุม ผู้ช่วยวิจัย จะประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตผู้ป่วยก่อนให้ยาเคมีบำบัด 1 วัน หลังจากนั้นผู้ป่วยจะได้รับการวางแผนการจำหน่ายตามปกติจากพยาบาลประจำการ ก่อนกลับบ้านผู้ป่วยจะได้รับการประเมินการรับรู้ก่อนจำหน่าย และหลังให้ยาเคมีบำบัด 4 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิต จากผู้ช่วยวิจัย
ผู้ป่วยกลุ่มทดลอง ผู้ช่วยวิจัย จะประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตผู้ป่วยก่อนให้ยาเคมีบำบัด 1 วัน หลังจากนั้นผู้วิจัย ให้โปรแกรมการวางแผนการจำหน่ายแก่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับยาเคมีบำบัด ประกอบด้วย การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลตนเองที่บ้านและการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับยาเคมีบำบัด ในรูปแบบ D-M-E-T-H-O-D มีเนื้อหาเกี่ยวกับ โรค ยา สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ การรักษาพยาบาล ภาวะสุขภาพ การมาตรวจตามนัดและอาหาร โดยใช้สื่อในการให้ข้อมูล เป็นวิดิทัศน์และให้คู่มือ เรื่อง การดูแลตนเองที่บ้านและการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้วิจัยจะสัมภาษณ์ผู้ป่วยทางโทรศัพท์และให้คำแนะนำเพิ่มเติมกรณีที่มีปัญหาในการดูแลตนเอง ก่อนกลับบ้านผู้ป่วยจะได้รับการประเมินการรับรู้ก่อนจำหน่ายจากผู้ช่วยวิจัย และหลังให้ยาเคมีบำบัด 4 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตจากผู้ช่วยวิจัย
ผลการศึกษา พบว่า
พฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิต ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม หลังการทดลอง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (F=4.27, P<0.05; F=9.49, P<0.05 ตามลำดับ) นั่นคือ ผู้ป่วยที่ได้รับการวางแผนจำหน่าย มีพฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตดีกว่า ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการวางแผนจำหน่าย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05
ข้อเสนอแนะในด้านการนำไปใช้ประโยชน์ หรือการแก้ปัญหาของคำถามวิจัย
1. ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมจะมีปัญหาจากผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด โดยเฉพาะเมื่อกลับไปที่บ้าน การวางแผนจำหน่ายอย่างเป็นระบบ จะทำให้ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง ทำให้ลดปัญหาที่อาจเกิดจากผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัด สามารถดูแลตนเองได้ต่อเนื่อง จะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
2. การทำวิจัยในครั้งนี้ เป็นการแก้ปัญหาจากการทำงานประจำ(Routine) ให้เป็นงานวิจัย(Research) การวางแผนการจำหน่ายผู้ป่วยมะเร็งเต้านมให้เร็วที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยกลับไปดูแลตนเองที่บ้านได้เป็นสิ่งจำเป็น จะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี
สรุปการพัฒนางานเพื่อนำไปสู่ Best Practice
การทำงานของผู้ปฏิบัติการขั้นสูงเพื่อนำไปสู่ Best Practice นั้น ถ้าเราการทำงานประจำให้เป็นงานวิจัย (R2R) จะเป็นบทบาทที่สำคัญเพื่อหาแนวปฏิบัติการพยาบาลที่ดีที่สุดและจะพัฒนาสู่ Best Practice ได้
เอกสารประกอบคำบรรยายเรื่อง
การพัฒนาสู่ Best Practice: บทบาทของผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง สาขา..การพยาบาลอายุรศาสตร์-ศัลยศาสตร์
ในการประชุม“การจัดการความรู้: การพัฒนาบทบาทผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง (APNs)”
29 เมษายน 2551
สวัสดีค่ะ ท่าน ดร ขจิต
ไม่ไปเฮฮาภูเก็ตกับสมาชิกหรือคะ
เราเลยนั่งอยู่หน้าคอม คุยกัน
พี่แอบเอาข้อมูลที่น้องขจิตตอบน้องบัวเรื่องทำภาพมาทดลองทำดูค่ะ
ลองดูฝีมือพี่นะ
ให้กำลังใจ APN ทุกๆคนค่ะ