สอนให้ฟัง (4)
คนที่จะฟังได้เก่ง ต้องพยายามยกระดับการฟังของตนให้ได้ มีผู้คนจำนวนมากจากทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างงดงามจากการฟังเก่ง คนที่ฟังเก่งปรากฏอยู่ในหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพนักร้อง ....นักดนตรี โปรดิวเซอร์ ......ทนายความ อัยการ ผู้พิพากษา ...... นักข่าว.... นักการเมือง ฯลฯ
ไม่ว่าคนเราจะฟังเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารกันในชีวิตประจำวัน ฟังเพื่อให้ได้ความรู้ ฟังเพื่อให้ความเพลิดเพลิน หรือฟังเพื่อให้ คติชีวิตและความจรรโลงใจ เราจำเป็นฝึกฝนเพื่อให้เกิดสมรรถภาพในการฟัง ซึ่งดูเหมือนว่าต้องฝึกฟังตลอดชีวิตด้วยซ้ำ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟัง ก็มีความสลับซับซ้อนจากการได้ทำหน้าที่ที่สำคัญและรับผิดชอบมากขึ้น รายละเอียดที่ต้องฟังก็มากยิ่งขึ้น
การสอนฟังให้เกิดผลสัมฤทธิ์ จึงต้องใช้พื้นบานการฝึก เช่น การคำนึงถึง สาระ ที่จะให้แต่ละช่วงวัยได้ฟัง ต้องเลือกสาระที่เหมาะสม มีเนื้อหามากขึ้นและมีความสลับซับซ้อนเพิ่มขึ้นตามวัย รวมไปถึงการเลือกสื่อในการฝึกฟังให้น่าสนใจและเหมาะสมกับวัยของผู้ฟังอีกด้วย
ในการฝึกการฟังแต่ละครั้ง สถานที่ สภาพแวดล้อม และเวลา เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจจัดให้เหมาะสม ถ้าเวลาจำกัด สภาพแวดล้อมก็น่าอึดอัด มีปัญหาเรื่องแสง เสียง และกลิ่นไม่ดีต่างๆ ย่อมเป็นอุปสรรคที่ทำให้การฟังครั้งนั้นไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่คาดหวังไว้
การสอนการฟังให้ได้ผล สำหรับเด็กเล็ก ควรให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการสร้างจินตนาการ ฝึกให้เด็กมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น หรือให้เด็กช่วยเพิ่มเติมความรู้และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ได้ฟัง นอกจากฟังแล้วยังมีภาระต้องช่วยคิด และเดาสถานการณ์ว่า .... ถ้ามีเหตุที่มาอย่างนี้แล้ว... ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น การฝึกให้เด็กเล็กๆ ฟังเรื่องราวต่างๆ จึงต้องมีการเว้นระยะสักระยะหนึ่ง เพื่อฝึกการฟังไปพร้อมๆกับเปิดโอกาสให้ผู้ฟังมีส่วนร่วม จะทำให้สามารถประเมินสมรรถภาพในการฟังได้ดีพอๆกับเด็กๆ ที่สามารถตอบคำถามจากเรื่องที่ฟังได้
เมื่อฝึกฟังแล้วต้องฝึกบันทึกผลการฟังให้ได้ใจความสำคัญคร่าวๆ ว่าเป็นเรื่องของใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ทำกับใครและเกิดอะไรขึ้น การดำเนินการฝึกให้เป็นลำดับดังที่กล่าวมา ย่อมเกิดการพัฒนาทักษะการฟังได้อย่างแน่นอน เพราะการฟังและการพูด เป็นการสื่อสารที่มนุษย์ใช้ก่อนการเขียนและการอ่าน
เริ่มต้นฝึกการฟังให้สำเร็จ ด้วยข้อมูลการ “สอนให้ฟัง” ทั้ง 4 ตอน ตามที่ได้เขียนมา เพิ่มทักษะการฟังให้เก่งด้วยวิธีการของตัวเอง แล้วบันทึกข้อมูลไว้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันต่อไป...
สวัสดีค่ะผอ.
*เป็นผู้บริหารมานาน ผอ.คงฟังมาเยอะนะคะ..ประสบการณ์คือขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆนะคะ
*ดิฉันเข้าชมเว็บไซต์ของโรงเรียนบางลี่วิทยา..ดูก้าวหน้า..สง่างาม..ขอติดตามต่อไป
*ขอบคูณค่ะ...ที่ผอ.ให้เกียรติแวะมาทักทาย
แด่ กิติยา เพื่อนรัก
จงปลูกฝังการฟังตั้งสมาธิ
ด้วยดำริตริตรองให้พร้อมพรั่ง
จินตนาการกว้างไกลไร้ภวังค์
เพิ่มกำลังคลังสมองของปัญญา
แล้วหมั่นฝึกบันทึกผลจนแน่วแน่
ไม่ปรวนแปรแก่กล้าการศึกษา
ใครทำอะไรที่ไหนใคร่บอกมา
ร่วมพัฒนาอย่างไรให้รู้จริง
จบการฟังทั้งสี่ตอนที่สอนสั่ง ขอ....
เดี๋ยวมาต่อให้...จะไปงานศพคนที่ทำงานของคุณขนบ..มาเขียนให้ที่ทำงานของคุณขนบจ้ะ
สวัสดีครับอาจารย์กิติยา
สวัสดีค่ะครูสุ
ขอบคุณค่ะ..ที่สนใจและติดตาม
****เป็นเทคนิคเล็กๆน้อยๆเท่านั้น....เอาไว้แก้ปัญหา เช่น
****ขณะที่ถอดคำประพันธ์ให้ฟังแล้วนักเรียนไสนใจฟัง...ก็ต้องถอดให้ฟังเป็นภาษาอังกฤษ...ทำให้ดึงความสนใจกลับมาได้ขณะหนึ่ง...นักเรียนบางคนอาจตั้งใจฟังครูภาษาไทยพูดภาษาอังกฤษ...แล้วอาจคิดในใจว่า...จริงหรือมั่ว...ชัวร์หรือไม่...เวลาถูกแซวด้วยภาษาไทยก็ตอบเป็นภาอังกฤษ
****ในณะที่สอนคำพ้องรูป พ้องเสียง ก็ลากภาษาอังกฤษเข้ามาขยายเป็นเครื่องชูรส แต่ต้องไม่มากเกินไปจนนักเรียนรำคาญ...ค่อยๆใส่ให้เรื่องละนิดละหน่อย..เพื่อให้เห็นความสำคัญของการเรียนรู้ภาษาอื่นๆแล้วนำมาใช้ประโยชน์ในการสื่อสารให้เข้าใจง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น
****บางครั้งก็เล่าเรื่องสัมพันธภาพกับชาวต่างประเทศง่ายๆ ...เพื่อจูงใจนักเรียนให้ต่อบทสนทนา..หรือยกตัวอย่างการยืมคำภาษาต่างประเทศมาใช้แล้วสื่อสารง่ายขึ้น
****ทุกสถานการณ์ต้องเตรียมข้อมูลให้ถูกต้องการเชื่อมโยงภาษามาใช้เป็นสื่อจึงจะเกิดผลสัมฤทธิ์...การสร้างความตระหนักให้รักที่จะเรียนรู้ก่อนในเบื้องต้น จะทำให้ใช้สื่อได้ง่ายขึ้น
****เคยจัดนิทรรศการหนังสือแปล...และยกตัวอย่างนักแปลที่มีชื่อเสียงของไทยเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้รักการอ่านและเห็นคุณค่าของการเรียนภาษาอังกฤษ ใช้หนังสือในการจัดนิทรรศการทั้ง หนังสือนิทานอีสป แฮร์รี่ พอตเตอร์ เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะริงส์ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ นักเรียนสนใจยิ่งขึ้นเมื่อครูบรรยายและพูดโน้มน้าวใจประกอบนิทรรศการ...
****นิทรรศการนิทานอีสป...เป็นหนังสือเล่มเล็กที่ดิฉันเคยใช้เป็นสื่อได้อย่างหลากหลาย..รายละเอียดไว้ถ่ายทอดเมือมีโอกาส
**** ช่วงที่ลูกเรียนชั้นประถม.. ซองขนม กล่องนม กล่องน้ำผลไม้ กล่องซีเรียล บรรจุภัณฑ์อื่นๆ ดิฉันเคยเก็บมาเป็นสื่อในการพูดคุยกับลูก เล่นกับลูก สอนภาษาอังกฤษจากคำและข้อความที่มีอยู่บนซอง หรือกล่องเหล่านั้น การพบคำซ้ำๆ บนซองขนมทำให้ลูกจำแม่นและช่างสังเกต จนติดเป็นนิสัยว่าถ้าพบเจอซอง กล่องอาหาร บรรจุภัณฑ์ แผ่นพับโฆษณาใดๆ ก็ต้องอ่านภาอังกฤษควบคู่ไปด้วย บางคำที่ไม่รู้เขาก็จะไปค้นคว้าเพิ่มเติม...
****ช่วงมัธยม..ต่อยอดให้ลูกด้วยการใช้ สื่อไอซีที และ การดูหนัง Sound trackและฟังข่าวภาษาอังกฤษจากเคเบิล ทีวี
****ปัจจุบัน...สนับสนุนให้ลูกเรียน Ellis Program ซึ่งทางมหาวิทยาลัยใช้เป็นสื่อในการส่งเสริมการเรียนรู้
****ข้อมูลทั้งหมดเป็นเพียงบางส่วน...เป็นวิธีการในการในการใช้สื่อบริบท ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เป็นกิจกรรม Homeschool ใช้นำสื่อรอบๆตัวมาสอนลูกแล้วได้ผล
****ต้องขออภัยด้วยนะคะ ถ้าไม่เป็นเรื่องที่ได้สาระตามที่ครูสุคาดหวัง...ดิฉันใช้วิธีการหลากหลายในการปูพื้นฐานภาอังกฤษให้กับลูก เพียงมุ่งหวังให้ลูกใช้สื่อสารกับญาติที่เติบโตในต่างประเทศและพูดภาไทยไม่ได้เท่านั้น...แต่บังเอิญสนุกและใช้สื่อได้ผล..เลยนำมาบอกต่อเพื่อสนับสนุนวิธีคิดของครูสุที่จะใช้สื่อง่ายๆในการสอนภาค่ะ
*ไว้ได้มีโอกาส แลกเปลี่ยนในโอกาสต่อไป
ต่อให้จบนะกิติยา
จบการฟังสี่ตอนที่สอนสั่ง
เป็นพลังคลังขุมทรัพย์นับค่ายิ่ง
จงเร่งปรับสดับถ้อยอย่าอ้อยอิ่ง
ไม่หยุดนิ่งได้ยินยลฝึกฝนฟัง
จบบริบูรณ์
ขอแก้ใหม่นะจ๊ะ
เร่งสดับตรับวาจาอย่าประวิง
มิเฉยนิ่งเมื่อยินยลฝึกฝนฟัง
เปิดพจนานุกรมแล้ว ตรับ แปลว่าเอาใจใส่คอยฟังข่าวคราวทุกข์สุข
หรือความคิดเห็นของผู้อื่น มักใช้คู่กับคำว่าสดับ เป็น สดับตรับฟัง
มาเยี่ยม...
การฟังด้วยดีย่อมก่อเกิดปัญญานะครับ