เครื่องมือวัดคุณภาพของมนุษย์ตอนที่2และ3


ความอัศจรรย์แห่งศีล

B

ศีลข้อ 2   หลักประกันทรัพย์สิน   คือ ความมั่นคงในฐานะครอบครัว เกิดจากการปฏิบัติตามหลักของความสุข  4  อย่าง  เพื่อก่อให้เกิดความสุขในการบริหารทรัพย์   เช่น

     1. สุขเกิดจากการมีทรัพย์   คนอินเดียมักจะไม่ยอมใช้ทรัพย์ไปในทางเสื่อมต่ออบายมุขที่ทำให้เกิดความล่มสลายได้

              2.  สุขเกิดจากการจ่ายทรัพย์   คนอินเดียส่วนใหญ่จะเป็นคนเจียมตัว  ไม่มีการลักเล็กขโมยน้อย   และเป็นชาติที่รู้จักคุณค่าของการใช้จ่ายทรัพย์ชนิดที่เรียกว่า

ตัวโยงในการบริหารทรัพย์ชั้นยอด แต่มิได้ตระหนี่ในทรัพย์  อุปนิสัยของพวกเขาจะเอื้ออาทรต่อแขกผู้มาเยือนที่บ้านของเขา 

         

ตัวอย่างการจ่ายทรัพย์

        ช่วงเช้าพวกเขาจะใช้จ่ายเพียงแค่ต่อหัวต่อคน ประมาณ 5 รูปี คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 4 บาท  โดยที่เข้าจะซื้อ  กอลัมจาย กับ จาปาตี รวมแล้วราคา 4 รูปี  และ หมากอีก 1 รูปี ( เพื่อใช้ดับกลิ่นปาก และบริหารฟันให้แข็งแรงคงทน )  รวมแล้วอยู่ที่ในราคาเงินบาทคือ 4 บาท  เท่านี้ก็สามารถทำให้พวกเขาดำรงชีพได้อย่างสบาย    (ถ้าจะเฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อครอบครัวหนึ่งๆ จะอยู่ที่วันละ 30 – 40 รูปี เท่านั้น )  

1.)           บางคนอาจสงสัยในอาหารที่คนอินเดียทานว่ามันเป็นแบบไหนหรือ?

ตอบว่า  เป็นอาหารชนิดแบบแป้ง หรือมังสาวิรัติคล้ายแบบบ้านไทยเราแต่เขาจะเน้นน้ำมันนิดหน่อย  เพื่อให้อิ่มอยู่ได้นาน

/2) และอาหารที่ทานมันมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากน้อยแค่ไหน?

ตอบว่า  สารอาหารของพวกเขาที่ได้รับจากอาหารในแต่ละวันค่อนข้างสมบูรณ์มากตามหลักของสารอาหาร 5 หมู่ที่ทุกท่านเข้าใจกัน

3. สุขเกิดจากการไม่เป็นหนี้    หมายถึง  การไม่ไปกู้หนี้ยืมสินใครเขาใช้แม้จะไม่มีไฟใช้ไม่เพียงพอเขาก็ไม่ยอมเป็นหนี้เป็นสินใคร  เขาหาวิธีการแก้ปัญหาเอาเองโดยไม่ให้เกิดผลกระทบกับกิจการที่ทำ  เช่นจะต้องค้าขายอาหารในเวลากลางคืน  ก็เตรียมหาแบตเตอรีไว้ใช้งาน   เป็นต้น  มีชาวตะวันออกกลางมาเสนอขายพลังงานไฟฟ้าให้ก็ไม่เอา 

สาเหตุที่เขาไม่เอาเพราะว่า   เขาบอกว่าเขาต้องการให้กาลเวลามันเป็นธรรมชาติ   ถ้ามันมืดก็ต้องเข้านอนไม่ใช่ออกมาเดินเพล่นพล่าน    เพราะเวลากลางคืนเป็นเวลาที่น่ากลัวที่คนจะกลายเป็นซาตาล  ทำชั่วอะไรก็ได้   แต่ยามมีพระอาทิตย์ขึ้นความชั่วทั้งหลายก็ไม่เกิด     เพราะคนอินเดียเขาไม่กล้าทำ  ถ้าใครทำจะถูกพระเจ้าลงโทษโดยการถูกสังคมหมู่ประชาทัณฑ์     นี่แหละ!  พวกเขาจะไม่ต้องการซื้อไฟจากต่างชาติมาใช้  ประการสำคัญเขาไม่ต้องการให้ประชากรเป็นหนี้เป็นสินด้วย ขนาดน้ำมันพวกเขายังสกัดใช้เองเลย     เพราะฉะนั้นใครอย่ามาแหย่มทำลายเศรษฐกิจของอินเดียได้อย่างง่ายๆเลยข้อสังเกตจากยอดสถิตินางงามจักรวาล  ของแต่ละประเทศที่ผ่านมาประเทศที่ติดอันดับหนึ่งของโลก คือ ประเทศอินเดีย

4. สุขเกิดจากการประกอบอาชีพที่ปราศโทษ   คนอินเดียเขาจะเน้นอยู่เสมอว่าสิ่งใดที่เป็นทางเสื่อมเขาจะไม่ทำโดยเด็ดขาด   นโยบายของการทำมาหากินของพวกเขาจะวางระบบดังต่อไปนี้    คือ

             1. ถ้าครอบครัวไหนมีไร่มีนาจะขายไม่ได้โดยเด็ดขาด

             2. เมื่อสมาชิกคนใดในครอบครัวเรียนจบการศึกษาแล้วจะต้องกลับมาพัฒนาที่นาที่สวนของตนเองให้ดีขึ้น   ป้องกันมิใช่เอาทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ไปขายกิน แล้วเดินออกไปหาความเป็นขี้ข้าใส่ตัว      

             3. คนอินเดียเขาเน้นให้ประชากรทุกคนได้ฝึกเรียนรู้หลักการเป็นนักบริหารเศรษฐกิจไปในตัว    ซึ่งไม่เหมือนกับบางประเทศพ่อแม่ฝากมรดกที่นาไว้ให้ลูกทำกินก่อนตาย   ลูกกับนำมันไปขายกิน  แล้วตนเองออกไปรับจ้างเขาตามโรงงานบ้าง  ตามสถานที่ประกอบการต่างๆ บ้าง   

               ผลสุดท้ายก็หาไม่พอกิน  จึงไปกู้หนี้ยืมสินมากินจนบานปลาย  กระทั้งเกิดความทุกข์ที่ยากจะปลดออก    จึงมองทางออกได้ทางเดียวคือ  การฆ่าตัวตาย  ครับท่าน !

        ยอดฐานเศรษฐกิจของประเทศอินเดียกำลังจะก้าวเข้าไปสู่ความเป็นหนึ่งในระดับประเทศมหาอำนาจในอนาคตกาลข้างหน้านี้อย่างแน่นอน   ตามการวางหลักนโยบายบริหารประเทศตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า  ของท่าน   ศรีเยาวหลาเนรูห์  (อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกของชาวอินเดีย ) นโยบายทุกหัวข้อที่วางไว้ทั้งหมดเป็นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น  ที่กล่าวว่าเรา จงคิดถึงว่าเราจะต้องตายในวันพรุ่งนี้   เราจะทำอะไรไว้เพื่อประเทศชาติ    มิใช่จะอยู่เพื่อเอาอะไรจากประเทศชาติ    และ  จงใช้ทุกสรรพสิ่งอย่างรู้คุณค่ามากที่สุดตามเท่าที่สิ่งนั้นจะพึงมี    มิควรเรียกร้องให้ใครมาคอยประเคนให้

ซึ่งเอาหลักที่ว่า   อัตตาหิ  อัตตโนนาโถ   ตนแลเป็นที่พึงของตน และ การพิจารณา ปัจจัย 4 อย่างดังนี้ 

             1.ปะฏิสังขา  โยนิโสจีวะรัง           คือ   การพิจารณา เครื่องนุ่งห่มว่าเราจะใช้สำหรับปกปิดร่างกาย  กันร้อน   กันหนาว  มิใช่เพื่อความสวยงามใดๆ 

                  2.ปะฏิสังขา   โยนิโส  ปิณฑปาตังฯ   คือ  การพิจารณาก่อนกินอาหารว่าเราจะกินอาหาร เพื่อการประทังชีวิต  มิใช่เพื่อความสำราญ  และจะเอาเลือดเอาเนื้อไปแปรสภาพให้เกิดพละกำลังในการทำคุณประโยชน์ ต่อไป

                  3. ปะฏิสังขา   โยนิโส  เสนาสะนัง  คือ  การพิจารณาที่อยู่อาศัย   ให้เป็นของที่อยู่ง่ายไม่ติดในความสวยงาม (เราจะเห็นว่าบ้านของคนอินเดียแทบจะหายากที่เป็นบ้านที่สวยงาม ขนาดคอกวัว  พวกเขายังนอนได้เลย )

                   4. ปะฏิสังขา   โยนิโส   คิลานะฯ        คือ  การพิจารณาโอสถในการกินเพื่อรักษาร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรงหายจากโรคนี้เกิดขึ้นต่อร่างกาย

                   นี่แหละ !  หลักการบริหารที่ชาญฉลาดที่สุด    ทั้งๆที่ท่านเป็นคนฮินดู   แต่ท่านก็มาปฏิบัติธรรมตามหลักของพระพุทธเจ้า    ซึ่งจะหาประเทศใดกระทำได้แบบนี้คงยากเสียทีเดียว     เพราะทุกคนต้องยอมร่วมชะตาเดียวกัน  คือการทนร้อน  ทนหนาว  ทนหิว     ปัจจุบันนี้คนประเทศอินเดียจึงเป็นประเทศที่มีฐานเศรษฐกิจที่แน่นหนามาก

             

         ศีลข้อ 3 หลักประกันครอบครัว   คือ การมีความพร้อมเพียงกันไม่ว่าจะทำอะไร  ซึ่งจัดเข้าหลักของวัชชีธรรม   ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ให้ภิกษุทั้งหลายมีความพร้อมเพียงกันในหมู่คณะ 7 ประการ

              คนอินเดียได้นำหลักนี้มาปฏิบัติ   กระทั่งก่อให้เกิดความสุขขึ้น   ไม่มีใครสามารถมาทำให้พวกเขาแตกความสามัคคีกันได้  ตั้งแต่สังคมหลักคือ ครอบครัว  ก่อนอื่นขอกล่าวถึงกุศโลบายพื้นฐานของวัฒนธรรมก่อน    

           ตามโครงสร้างของการเลือกคู่

            คนอินเดียจะวางไว้ให้คนที่จะมาเป็นผัวเป็นเมียกัน  คือ  การให้สิทธิผู้หญิงเลือกก่อน   โดยผู้หญิงจะเป็นฝ่ายไปขอผู้ชาย   เพื่อป้องกันมิให้ชายไปสำส่อน   หรือทำในสิ่งที่เป็นโทษ  ตามหลักของอบายมุข  6 ประการ  เช่น  เที่ยวผู้หญิง  นักเลงการพนัน  เป็นต้น  หลักจากเป็นผัวเป็นเมียแล้ว  ผู้ชายต้องหาเลี้ยงภรรยาตลอดชีวิต    ตรงนี้จึงเป็นจุดประกายก่อให้เกิดความรัก   แบบรักเดียวใจเดียว    หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า   ต้องมีผัวเดียวเมียเดียว

      ตัวอย่าง

             1.) อาตมาจะถามคนงานชาวอินเดียที่มาทำงานที่วัดว่า  วันนี้เอาอะไรมาทาน   ? เขาจะตอบว่า   จาปาตี (แป้งสาลีแผ่นปิ้งมา)  ซับยี(ผัดผัก)   ดาน (ถั่วหลน)  จาวัล (ข้าว)   

              2.)อาตมาถามต่อไปว่า ซื้อตามร้านข้างทางมาหรือทำเอง ?

เขาบอกว่าทำเอง  แต่คนทำอาหารไม่ใช่ตัวเขานะ  คนทำอาหาร  คือ ลูก  กับ เมีย

              3.) อาตมาถามว่าแล้วอาหารขายตามข้างทางไม่อร่อยหรือ ?

เขาตอบว่า  อร่อย  แต่  กับข้าวนี้อร่อยกว่าเพราะในกับข้าวมีทั้งลูกและเมียทำมาให้    เวลาทานไปก็คิดถึงแต่หน้าลูกกับเมียไปด้วย  จึงรู้สึกมีความสุขมากที่สุด

               4.) อาตมาถามว่าเลิกงานแล้วเคยไปแวะที่ไหนไหม ?

เขาบอกว่าไม่ไปเขาอยากกลับบ้านอย่างเดียว  เพราะคิดถึงแต่หน้าลูกเมีย

         นี่แหละ! อานุภาพของศีลข้อสามที่สร้างสวรรค์ให้ครอบครัว

          

หมายเลขบันทึก: 178368เขียนเมื่อ 23 เมษายน 2008 18:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

จากผู้เขียนครับ นี่เป็นตอนที่สองและสามครับท่านผู้อ่านทุกทาน

นะมัสการครับ

ตามมาเรียนรู้ครับ

ท่านเล่าได้อย่างเข้าถึง......

ล้วนเป็นข้อดีและถือเป็นจุดแข็งของสังคมอินเดีย

ที่คนไทยน่าเอาไปทบทวน

ผมคิดว่าเรื่องการที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายไปขอผู้ชายนั้น ชาญฉลาดมาก

ดูเผินๆ เหมือนผู้ชายได้เปรียบ แต่มองให้ลึก เป็นนโยบายที่ฉลาดในการจัดระเบียบสังคมครับ

อีกการอยู่แบบเป็นที่พึ่งตนเองนั้นก็ยิ่งฉลาดและมีแต่ได้เปรียบในโลกยุคนี้

ของไทยนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยุ่หัว ทรงให้แนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาแล้ว ซึ่งดีและเหมาะสมกับสังคมไทยมาก ไม่ต้องเป็นถึงขนาดคนอินเดียที่ท่านเล่า

แต่ก็ปรากฏว่าไม่ค่อยมีใครนำเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้นักเลย

ขอบพระคุณครับ

เป็นบันทึกที่มีคุณค่ามาก

เจริญพร: ท่าน พลเดช วรฉัตร

อาตมาขอขอบคุณท่านในคำติชมทุกครั้งที่ท่านได้เข้ามาอ่านบันทึกการเขียนของอาตมาเสมอมา อาตมารู้สึกมีกำลังใจจากท่านมา

ในชีวิตของอาตมาได้กัลยามิตร 2ท่านแล้ว ตั้งแต่เริ่มเข้ามาเขียนบันทึกในgotoknow แห่งนี้ คนแรกซึ่งเป็นผู้ค่อยเป็นพี่เลี้ยงในการเปิดโลกทัศน์ คือ

1. คุณหมอ บุญรุ่ง ตันติราพันธ์

และคนที่ 2 คือ ท่าน พลเดช วรฉัตร (เป็นผู้คอยให้คำติชมทุกครั้งที่ท่านได้เข้ามาอ่าน) ตรงจุดนี้ทำให้อาตมารู้สึกมีความทราบซึ้งมาก เพราะท่านช่วยให้อาตมาสามารถจุดประกรายความคิดต่อยอดไปได้มา

เจริญพร

นะมัสการครับ

ผมต้องขอบพระคุณท่านจึงจะถูก ที่ท่านนำเอาสิ่งดีๆ ที่น้อยคนจะได้มีโอกาสไปพบเห็นมาเล่าสู่กันฟังในเว้บความรู้นี้

คุณหมอบุญรุ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล คือผู้ร่วมบุญในหนังสือบุญ"หนึ่งคนวาดหนึ่งคนแต่ง" ซึ่งเข้าใจว่าท่านคงได้อ่านแล้ว

คุณหมอแต่งกลอนประกอบภาพเก่งมาก

และด้วยธรรมะจัดสรร บุญจัดสรร จึงมี ณ วันนี้

คือกัลยาณมิตรกัน แม้จะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน

ผมจะติดตามเป็นแฟนพันธ์แท้ต่อไปครับ

สิ่งที่อยากเรียนถามท่านก็คือ

ตรรกะของคนอินเดียคืออะไร

อะไรทำให้คนอินเดียเป้นเช่นที่เป้นอยุ่ในปัจจุบันนี้

คือมีทั้งคนฉลาดที่สุด รวยที่สุด ยากจนที่สุดและอีกหลายที่สุด

นะมัสการครับ

เจริญพร : ท่าน พลเดช  วรฉัตร

     เจริญพรยามบ่ายจากประเทศอินเดีย  ช่วงนี้บรรยากาศร้อนมาก

ขณะนี้อาตมากำลังพิมพ์รวบรวม จากการสอบถามคนอินเดีย ถึงเรื่อราวที่ เกี่ยวข้องกับตรรกะของคนอินเดียว่าทำไมคนที่เกิดในอินเดียจึงมีชั้นวรรณะที่แตกต่างกันมาก   ตามที่ท่านสนใจอยู่  และเรื่องราวของวัวด้วย  ว่าทำไมมันจึงกลายเป็นเสมือนพระเจ้าไปได้

        โปรดคอยติดตามอ่านครับท่าน    เจริญพร 

กราบนมัสการค่ะ

ขอแวะมาบอกกล่าวก่อน ในค่ำคืนนี้ ว่า มาถึงเมืองไทย และถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ช่วยฝากบอก ทุกๆคน ที่วัด และคลินิกด้วย ยังปรับตัวไม่ได้ มันคิดถึงกุสินารามากเลย

ต่อจากนี้ ก็จะเป็น พี่เลี้ยงทางเน็ตแล้วเจ้าค่ะ ไม่ได้ ถวายคำแนะนำอีกแล้ว แต่พระคุณเจ้า เก่งมากๆ เขียนดีมากๆ

ซิมการ์ดที่ถวาย คงใช้งานได้ดี และตามเวลาที่ต้องการ

ไม่ต้องผลัดกันใช้เหมือนก่อนแล้ว

โยมขออนุโมทนาบุญ กัลทุกสิ่งที่ ช่วยกันทำและก่อให้เกิดบุญ แก่พระพุทะศาสนาที่กุสินารา จากนี้ ก็แล้วแต่บุญจัดสรรเจ้าค่ะ

กราบนมัสการและมารับข้อคิดจากคนอินเดียค่ะ

อยากให้คนไทยมาอ่านเยอะๆ จัง

ชอบเรื่องที่นายกคนแรกของเขากล่าวไว้มากเลยค่ะ

ขออนุญาตนำไปประชาสัมพันธ์หรือเอาไว้สอนหนังสือบ้างนะคะ

ขอบพระคุณค่ะ

เจริญพร: คณุหมอ บุญรุ่ง ตันติราพันธ์

                ยินดีด้วยที่กลับถึงบ้านด้วยความสุขสวัสดี หลังจากได้มาปฏิบัติธรรมช่วยงานที่กุสินาราคลินิกของวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ณ ประเทศอินเดียแห่งนี้ ด้วยอำนาจของธรรมะจัดสรรให้คุณหมอได้มีโอกาสมารับใช้งานของพระพุทธเจ้า    ในการช่วยมนุษย์เพื่อนร่วมโลก

              ไม่ต้องเป็นห่วงนะอาตมาจะรายงานให้ทุกคนที่อยู่วัดไทยกุสินาราได้ทราบว่า  คุณหมอกลับถึงเมืองไทยด้วยความสวัสดีภาพแล้ว................

                                            เจริญพร

เจริญพร : คุณกมลวัลย์

อาตมาขออนุโมทนาด้วยนะในอนิสงผลบุญที่ ในเจตจำนงของคุณโยมได้ช่วยกันเผยแผ่สิ่งดีๆให้กับเยาวชนของชาติไทยเรา ตรงนี้โยมจะได้บุญมหาศาลเลย ถ้าเป็นนักลงทุนก็ถือว่าเป็นนักลงทุนที่มีสายตายาวไกล ที่ว่ามีสายตาที่ยาวไกลเพราะ เราได้มีโอกาสช่วยกันสร้างกำลังหลักให้แก่ประเทศชาติร่วมกัน

อย่างไรขอให้คุณครูอย่าได้มีจิตใจท้อถอยที่จะคอยจัดสรรหาสิ่งดีๆให้แก่ศิษย์เลย

อาตมาขออำนวยอวยชัยให้คณุครูมีแต่ความสุขความเจริญในหน้าที่การงานตลอดไป

เจริญพร......

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท