ชาวล้านนารู้จักพระอุปคุตในนามผู้ปกป้องคุ้มครองภัยโดยเฉพาะการมีปอยหลวง งานพิธีกรรมของส่วนรวมจะมีการอาราธนาพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำมาคุ้มครองการจัดงานเพื่อมิให้เกิดภัยและงานลุล่วงไปด้วยดี
ชาวล้านนามีพิธีกรรมการใส่บาตรพระอุปคุตในวันเป็งปุ๊ดหรือเพ็ญวันพุธมาจนปัจจุบัน ในขณะที่การเผยแพร่ข่าวนักข่าวบางท่านยังไม่เข้าใจกลับแพร่ข่าวทำนองว่าผิดวินัยสงฆ์เพราะเป็นเวลากลางคืนตั้งแต่เวลาย่ำตีหนึ่งของวันเป็งปุ๊ดจนถึงราวตีห้า คือประเพณีของชาวล้านนาปฏิบัติกันมา
พระอุปคุตสำคัญอย่างไร
แต่ผู้คนขานนามท่านว่าพระอุปคุต เป็นภาษาบาลี หรือภาษาสันสกฤตว่าอุปคุปต์ ซึ่งตรงกับภาษาพี่น้องชาวไตยบางท้องถิ่นขานนามท่านว่า ส่างอุปคุป โดยมีความหมายว่า ผู้คุ้มครองมั่นคง
พระอุปคุตมีตำนานว่าท่านเป็นชาวปาตลีบุตรกำเนิดหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วราว 218 ปีเมื่อบวชสำเร็จอิญญาต่างๆสามารถแสดงอภินิหารจนเป็นที่เล่าลือถึง ท่านเนรมิตถ้ำแก้วอยู่ในทะเลลึก ครั้งหนึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชทรงจัดพิธีฉลองพระวิหาร(งานปอยหลวง)พระองค์ทรงห่วงว่าจะเกิดเภทภัยต่างๆจึงหาพระสงฆ์ที่มีอิธิฤทธิ์มาคุ้มครองงาน ไม่มีสงฆ์องค์ใดรับปฏิบัติ แต่มีสงฆ์สองรูปอาสาชำแรกมหาสมุทรลงไปนิมนต์พระอุปคุตขึ้นมาคุ้มครองงาน พระอุปคุตรับคำและได้ชำแรกมหาสมุทรขึ้นมาพบพระเจ้าอโศก แต่พระองค์ทรงเห็นว่าพระสงฆ์รูปนี้ร่างบอบบางจะคุ้มครองพญามารได้อย่างไร? เมื่อพระอุปคุตออกบิณฑบาต พระเจ้าอโศกสั่งให้เสนาปล่อยช้างตกมันเข้าทำร้าย พระอุปคุตเห็นจึงสกดช้างหยุดนิ่งดั่งเป็นช้างหิน พระเจ้าอโศกทรงเห็นดังนั้นจึงทรงเข้าไปกราบขอโทษและทรงวางพระทัยในการจัดงาน
เมื่อมีงานปอยหลวงฉลองพระวิหาร ขณะที่พระอุปคุตแสดงธรรมอยู่นั้นพญามารได้เนรมิตฝนไข่มุกตกลงมาทำให้ผู้คนแตกตื่นจากฟังธรรมออกมาแย่งเก็บไข่มุก ต่อมาอีกวันพระอุปคุตแสดงธรรม พญามารก็บันดาลฝนทองตกลงมาให้ผู้คนแตกตื่นไล่เก็บ ฯลฯ. โอย..พญามารมันแกล้งซะป๊ะอย่างหลากหลายรูปแบบ จนครั้งสุดท้ายพระอุปคุตแสดงธรรมพญามารกลับเนรมิตรเสียงพิณมีนางเทพอัปสรร่ายรำนุ่งน้อยห่มน้อยให้คนสนใจ ยัง...ยังไม่พอ พญามารยังเนรมิตพวงมาลัยไปคล้องคอพระอุปคุต....ดู..ดูมัน สมนามพญามารแท้....โดยเหตุนี้กระมังเมื่อมีงานอะไรจะไปด้วยดีแต่มีอะไรมาขัดขวางผู้คนจึงกล่าวว่า "มารแท้ๆ..." ส่วนพระอุปคุตทราบโดยญาณว่าเป็นเรื่องของพญามาร จึงใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือโดยการเนรมิตร่างงูตาย สุนัขตายและร่างคนตายทำเป็นพวงมาลัยพญามารเห็นนึกดีใจจึงออกจากที่ซ่อนมา พระอุปคุตจึงเอาพวงมาลัยร่างงูตายสวมศีรษะ ร่างสุนัขตายสวมคอ และร่างคนตายสวมที่หูเมื่อสวมแล้วพวงมาลัยกลับเป็นร่างเดิมเหม็นคลุ้ง พญามารร้องขอให้พระอุปคุตช่วยเอาออกแต่พระอุปคุตได้นำพญามารไปผูกไว้หลังภูเขารอจนสิ้นงานบุญจึงปล่อยพญามารส่วนพญามารได้สำนึกบาปได้กล่าวขอโทษพระอุปคุตและได้ลาจากไปด้วยความอ่อนน้อมพร้อมความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
เท่าที่เล่ามาโดยสังเขปจึงเป็นความเชื่อต่อกันมาว่าหากวัดใด หมู่บ้านใดจะมีงานบุญกุศล ผู้คนล้านนาจึงอัญเชิญพระอุปคุตมาคุ้มครองงานโดยการร่วมกันไปที่ท่าน้ำหรือทางสามแพร่งเชื่อว่าพระอุปคุตสถิตอยู่ที่นั้นแล้วกล่าวอัญเชิญจนจบทำการเลือกก้อนหินที่อยู่บริเวณนั้นสมมุติเป็นพระอุปขึ้นมาแห่ไปที่วัดหรือที่จะมีพิธีงานเชื่อว่าพระอุปคุตจะคุ้มครองงานจนเสร็จ เมื่องานเสร็จต้องนำหินนั้นไปไว้ที่เดิม
ในบางท้องถิ่นล้านนาเชื่อว่าพระอุปคุตจะตะแหลง(แปลงร่าง)เป็นสามเณรน้อยขึ้นมาบิณฑบาตรในวันเป็งปุ๊ดหรือเพ็ญพุธ เริ่มตั้งแต่ตีหนึ่งของวันพุธ ผู้คนจึงมักเห็นสามเณรน้อยเดินบิณฑบาตรไปตามถนน ทางสี่แพร่งสามแพร่ง ตลอดจนถนนหนทางตามริมน้ำท่าน้ำต่างๆ จนกระทั่งตี๋นฟ้ายกหรือแสงเงินแสงทองออกมาจึงเนรมิตกายหายไป หากผู้ใดมีบุญบารมีได้ใส่บาตรพระอุปคุตมักทำให้ร่ำรวยเงินทอง ปราศจากภัยทั้งปวง มีสมาธิจิตดีไม่หลงลืม ชีวิตเป็นสุข ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้สร้างพระอุปคุตปางที่นิยมได้แก่ ปางล้วงบาตร หมายถึงกิ๋นบ่เสี้ยงหรือกินไม่หมด ให้คุณทางทรัพย์สินเนืองมากมาย ร่ำรวย ปางห้ามมารให้คุณในทางคุ้มครองป้องกันภัยต่างๆ ปางสมาธิหรือพระบัวเข็มให้คุณในด้านสติปัญญาดี จิตใจผ่องใส ดำเนินชีวิตเป็นสุขด้วยปัญญาปารมี นอกจากสามปางนี้แล้วยังมีปางอื่นๆอีกแล้วแต่ผู้สร้าง อย่างเช่นบางแห่งอาจเห็นองค์พระอุปคุตกับช้างตกมัน เป็นต้น ก็สร้างตามตำนานดังเล่ามาแล้วการบูชาพระอุปคุตมีหลากหลายวิธี มีพระคาถาอัญเชิญพระอุปคุต พระคาถาขอลาภ พระคาถาผูกมารซึ่งสิ่งเหล่านี้นอกจากชาวล้านนาแล้วที่นับถือมากคือพี่น้องชาวมอญ ไทยใหญ่ พม่า ส่วนมากท่านเหล่านี้จะสร้างพระอุปคุตจากผงว่าน กิ่งไม้โพธิ์ที่เรียกว่า "ทักขิณสาขา" หรือไม้เนื้อหอมต่างๆแล้วแต่จะศรัทธากันอย่างไร?. ขออิทธิปาฏิหาริย์พระอุปคุตจงคุ้มครองท่านผู้อ่าน และจงสมจิตอธิษฐานด้วยประการละฉะนี้จิ่มเต๊อะ
สวัสดีครับ
ได้อ่านเรื่องพระอุปคุปต์ แล้ว
ขอบคุณลุงหนานมากๆ ก่อนนี้ได้ยินแต่เรื่องพระบัวเข็ม
และเรื่องงมกรวดมาทำพิธี ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
รักษาสุขภาพนะครับ
ป้อหนานอาจ๋านตี้เคารพครับ อยากจะเสริม เถิม เติม เรื่องพระอุปคุตในบริบทของชาวไต เพื่อหลอมรวมองค์ความรู้ ความเชื่อเข้าด้วยกัน ชาวไตเรียกพระอุปคุตเป็น 2 ชื่อ บ้างก็เรียกว่า พระอุปกุ้ก (พระ-อุ-ปะ-กุ้ก) ซึ่งแปลว่าผู้คุ้มครอง มั่นคง บ้างก็เรียกว่า "ส่างอุ้กปุ้ก" ซึ่งแปลว่า คนอ้วนม้อต้อ คนเมืองน่าจะเรียกว่า "คนขี้ปุ๋มหลวง" ประวัติทางไต บอกว่าพระอุปคุตมีทั้งหมด 8 องค์ 4 องค์มีวัดอยู่บนเขาและได้มรณภาพไปแล้ว แต่ร่างที่มรณภาพนั้นเหมือนคนนอนหลับธรรมดา จะมีเหล่าเทวดาลงมาบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียนอยู่เป็นประจำ องค์ที่หนึ่งชื่อ มหากัสปะ มรณภาพอยู่บนเขาโว่ยผ่าละ องค์ที่สองชื่อซูผ่าละ มรณภาพอยู่บนเขาอุกตะมะ องค์ที่สามชื่อ อูปิกข่าละ มรณภาพอยู่บนเขามะกุตะ องค์ที่สี่ชื่อธรรมะสาละ มรณภาพอยู่บนเขามากุตะ ยังเหลืออยู่อีก 4 องค์ยังมีชีวิตอยู่ แต่ชราภาพแล้ว ปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานอยู่ในนำทะเลกว้าง องค์ที่หนึ่งชื่อว่าอนุเมละทะ อยู่ด้านทิศใต้ องค์ที่สองมีชื่อว่าเมทะละ อยู่ทางด้านทิศตะวันตก องค์ที่สามชื่อว่าสาละตัดตะ อยู่ทางด้านทิศเหนือ องค์ที่สี่ชื่อว่าสักกอส่าละ อยู่ทางด้านทิศตะวันออก หากปีไหนวันเพ็ญเดือน 4 ตรงกับวันพุธ ทั้ง 4องค์จะเวียนกันออกมาบิณฑบาตในโลกมนุษย์ และวันเพ็ญเดือน 12 ที่ตรงกับวันพุธ พระองค์ท่านก็จะออกมาบิณฑบาตโปรดบนโลกมนุษย์ หากท่านใดมีบุญวาสนาดีได้พบพระองค์ท่านออกมาบิณฑบาต และได้ใส่บาตรท่านผู้นั้นจะพบแต่ความสุข ความเจริญ หากท่านใดมีธรรม (ปั๊บสา)ประวัติของพระองค์ท่านจะอยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากภัยอันตราย จะแคล้วคลาด ในสมัยบรรพบุรุษพอถึงวันเพ็ญเดือน 12 ก็จะมีพิธีทำบุญบูชาพระอุปคุตที่เรียกว่า "หลู่ ส่างอุ้กปุ้ก" ฝากมาร่วมแจมกับพ่อหนานอาจารย์ครับ อาจารย์เก
ไหว้สาท่านอาจารย์ธวัชชัยและอาจารย์เกที่เคารพยิ่ง
*ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมพวกเรา และช่วยกันเสริมแต่งให้เรื่องราวหลากหลายแนวทางจะเพิ่มเติมความรู้แก่ผู้อ่านมากยิ่งขึ้น
*ช่วยกันอย่างนี้แหละครับจะทำให้ความรู้เจริญก้าวหน้า ความรู้หลากหลาย ความรู้ที่มีีความแตกต่างกันตามท้องถิ่นนั่นคือความรู้ที่แท้จริง เราสามารถถอดองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดีครับ
*ยิ่งปีนี้วันเป็งปุ๊ด(วันเพ็ญพุธ)จะเหลืออีกเพียง สองครั้ง คือวันพุธที่ 18 มิถุนายน 2551 และเพ็ญเดือน ยี่เหนือ หรือเดือนสิบสองใต้ตรงกับวันพุธที่ 12 พฤศจิกายน 2551 เราคงจะเห็นพิธีการใส่บาตรพระอุปคุตกันมากอยู่ทีเดียว
*ขอคุณพวกเราอีกครั้ง
*ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน.....พรหมมา
สวัสดีครับอาจารย์ป้อหนาน
สวัสดีครับครูสุ..
*ยินดีครับที่หมู่เฮาสนใจ๋และอ่าน ขอหื้อช่วยกั๋นฮักษามรดกล้านนาต่อๆไปครับ
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน..พรหมมา
สวัสดีเจ้า..หลานคำแสนดอย...
มาแว่อ่านเต๊อะตึงบ่เป๋นหยัง
ก้อยอ่านก้อยฟัง ความฮู้เตื่อมแถ้ง
จ้วยกั๋นฮักษามรดกแจ่มแจ้งล้านนาเฮาเนอปี้น้อง
*ด้วยความผาถะนาดีจาก..ลุงหนาน...พรหมมา
สวัสดีเจ้าหลานคำแสนดอย..
*ยินดีจ้าดนักเจ้าตี้เอาข้อมูลมาเสริม
*ป๋างนี้ฮ้องกั๋นว่า"ป๋างล้วงบาตร"
* บูชามีโชคลาภ กิ๋นบ่เสี้ยง (กินไม่หมด)
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน....พรหมมา
ไหว้สาป้อหนานเจ้า หว่างแล้วข้าเจ้าไค่ได้พระอุปคุตสักองค์ ไว้ปูจา
ก็มีแม่ชีเป๋นแม่บุญธรรมได้จากครูบาชุ่ม ตี้อยู่ตางพม่าเจียงฮาย เอามา
หื้อข้าเจ้า 1 องค์ เปิ้นมีกำไหว้สาปูจาก่อเจ้า
ไหว้สาครูตีครับ.....
คำไหว้สาพระอุปคุตมีหลายสำนวนครับแต่ที่ผมไจ๊ว่าดังนี้ครับ...
ตั้งนโมสามจแล้ว่า.."อุปคุตโต จะมหาเถโร สัพพะลาโภ นิรันตรัง สัพพะทุกขัง ภยันตราย วินาสสันต.." แล้วอธิษฐานตามที่ใจต้องการในสิ่งที่ดี ไม่ผิดกฏหมาย ศีลธรรม ไม่แหกม้างฮีตกองคนเมืองเฮา...ก็จะมีความสำเร็จครับ..
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน... พรหมมา
ไม่มีเลย
..............?
(ข้อมูล)
จะเอาไปสอบ
ไม่ทราบว่าจะเอาข้อมูลอะไรบ้าง?...
ก็เลยไม่มีข้อมูลให้ครับ....
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน.....พรหมมา