ช่วงปลายเดือน มีนาคม ๒๕๕๑ ผมมีโอกาสไปเยือนค่ายอาสาพัฒนาชนบท ที่ทาง มรภ.หมู่บ้านจอมบึง จ.ราชบุรี ยกคณะมาอยู่กินมาอยู่มาร่วมพัฒนาที่ชุมชนเผ่าตองเหลือง จ.น่าน เป็นเวลา ๙ วัน ชุมชนแห่งนี้นับแต่วันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๔๙ ภายใต้การทำงานในนามภาคีจิตอาสาฯ นำโดยอดีต ผวจ.น่าน ดร.สุวัฒน์ โชคสุวัฒนสกุล และคณะไปมาหาสู่ชุมชนนี้ไม่น้อย ในการมาค่ายฯ ครั้งนี้ท่านมากับคณะฯ ด้วย
การไปเยือนค่ายอาสาของผม ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๑ ผมมีโอกาสไป จำนวน ๒ ครั้ง ๆ แรกไปลำพัง ไปอยู่ตั้งแต่เช้ายันค่ำ ครั้งที่ ๒ ไปกับคณะในนามคณะทำงานตามคำสั่งจังหวัด ครั้งนี้ดูเป็นทางการกว่าครั้งแรก ในคราวหลังนี้ได้อยู่ฟังการพูดคุยทำนองสรุปที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง โดยครูกุ้งและครูโสพิศ ครู กศน.เวียงสา กศน.จังหวัดน่าน นั้นมีคุณอนุชา อานา เจ้าหน้าที่ อบจ.คุณกบ พมจ.น่าน และดร.สุวัฒน์ฯ และผมอยู่ร่วมฟัง
คุณอนุชาฯ เป็นคนหนุ่มอนาคตไกล หลังจากที่ได้รับฟังการพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นมาเป็นไป เกี่ยวกับการนำควายเข้ามาที่ชุมชนเผ่าตองเหลือง เมื่อราวกลางปี ๒๕๔๙ เป็นต้นไป ทำให้เกิดการเรียนรู้ทั้งผู้รับและผู้ให้ การเรียนรู้ในครั้งนี้มีการวิเคราะห์ในหลาย ๆ ด้าน ว่าจะเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด แต่หลายท่านไม่ทราบว่ากว่าจะถึงวันนี้ได้ผ่านกระบวนการตัดสินใจของผู้รับอย่างไร
พี่น้องตองเหลืองจากนักเก็บผลิตผลจากป่าได้ยุติการเคลื่อนย้ายเมื่อประมาณ ๑๐ ปีที่ผ่านมา ได้เข้าอยู่ในชุมชนติดถนนฝุ่นไม่นานเป็นถนนยางดำ การคมนาคมแต่เดิมไม่ดีปัจจุบันค่อนข้างดี วิถีชีวิตพี่น้องตองเหลืองเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นอย่างมาก การที่มีผู้ใจบุญได้บริจาคควายให้แก่พี่น้องตองเหลือง แม้ว่าผู้ห่วงใยมีสิทธิวิจารณ์มากมาย แต่ครูกุ้งและครูโสพิศสามารถสรุปบทเรียนนำเสนอได้น่าสนใจ
คุณอนุชาฯ ผู้ที่ทำงานอยู่กองแผนและนโยบาย อบจ.น่าน ได้พูดขึ้นมาว่า จากที่ฟังการสรุปบทเรียนในเมื่อเรามีคำว่า ชายเซ็นเตอร์ Child center ในครั้งนี้น่าจะใช้คำว่า ควายเซ็นเตอร์ เนื่องจากการนำเข้าควายมาที่ชุมชนเผ่าตองเหลือง เป็นความปรารถนาดีที่จับต้องได้ มีเรื่องราวมากมายให้ได้เรียนรู้โดยมีควายเป็นศูนย์กลาง เห็นได้จากที่ ควายแม้จะมีบาดแผลแต่ไม่แสดงอาการจะทำร้ายคนแปลกหน้า ซึ่งนายสัตว์แพทย์ผู้รู้ท่านให้ข้อมูลว่า แสดงความเจ้าของหรือผู้เลี้ยงมีความเมตตาทำให้ควายเชื่องดี และออกลูกได้ดีกว่าควายข้างล่าง เป็นความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ในเวลาต่อมาวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๑ ครูทั้ง ๒ ได้เขียนด้วยลายมือเล่าเรื่องราว ควายเซ็นเตอร์ไว้ เป็นที่น่าสนใจ
สวัสดีค่ะ เป็นเรื่องอาสาที่ดีค่ะ น่าจะเขียนเคาะวรรคนะค่ะ จะทำให้อ่านง่ายค่ะ
ผมได้เข้าไปแก้ไขตามข้อเสนอแนะของคุณ. berger0123 แล้วครับ ขอขอบคุณที่เสนอแนะมา
ครับที่ร่วมกันคิด ร่วมกันเขียน เพื่อไม่ให้ลืมเรื่องเดิม และเรียนรู้เรื่องเดิม บนชื่อใหม่ที่เรียกว่า ยึดควาย ยึดคน เป็นศูนย์กลาง "บ่ใจ่เอาแต่จื่อ" ควรต้องให้ความสำคัญกับเนื้อหาสาระ โดยเฉพาะการศึกษาที่ยึดเด็ก เยาวชน คนเป็นศูนย์กลาง ด้วยความรู้อยู่ที่คนและในที่นี่ การมีควายทำให้คนและควายได้เรียนรู้ จนถึงขึ้นรู้ตระหนักคิดยิ่งขึ้น เพื่อทำให้คุณภาพทั้งควายและคนดี มีคุณค่ากว่าที่ผ่านมา