ความทรงจำเกี่ยวกับแม่


พยายามที่จะพึ่งตนเองในหลาย ๆ ทาง

แม่ของดิฉันเป็นคนต่างถิ่นของนครพนม เพราะการมาทำงานที่นี่แม่ก็เลยได้ปักหลักปักฐานที่นี่ ทำให้พวกเรารุ่นลูก ๆ  กลายเป็นชาวนครพนม ช่วงที่แม่ทำงาน แม่เป็นคนรุ่นของการรณรงค์ งานคือเงิน

แม่เป็นคนตัวเล็ก ขาว ไม่สูง แม่จึงบอกว่าเวลาเดินไปไหนต้องยืดอกเชิดหน้าไว้และเดินเร็ว เกรงจะไม่ทันคนอื่น...แม่ใส่ใจลูกมาก เสาร์อาทิตย์แม่จะไม่ไปไหนอยู่กับลูก พักผ่อน ตอนเด็ก ๆ พวกเรายังจำได้ตอนบ่าย ...เราก้จะนอนล้อมหน้าหลังแม่( แน่นอนตอนนั้นอากาศดีมากนอนเล่นตอนบ่าย ๆ สบายมาก) แม่จะเล่านิทานให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องช้างเกเร ซึ่งตอนท้ายเรื่องช้างต้องทรมานแล้วเดินตกบ่อน้ำ มันเศร้าจริง ๆ  พวกเราก็แอบน้ำตาร่วงกันกระชิก ๆ ...แล้วแม่ก็จะดุ ...ร้องทำไม...

แม่มีลูกหลายคน เวลาจะกินอะไร ต้องได้ซื้ออาหารสดมาทำกินที่บ้าน พวกเราจึงไม่เคยได้กินขนมหรือก๋วยเตี๋ยวที่เขาหาบมาขายหรือกินข้าวนอกบ้าน ซึ่งนิสัยนี้ก็ติดตัวดิฉันมาจนบัดนี้ การไปกินข้าวนอกบ้านจะรู้สึกอายคนว่า บ้านก็มีทำไมไปกินข้าวนอกบ้าน แต่ถ้าพาคนอื่น ๆ  ไปกินก็อีกสถานหนึ่ง ตอนหลังมาพัฒนากลายเป็นกินข้าวนอกบ้านไม่อร่อย รู้สึกว่ามันเป็นเต็มไปด้วยรสชาดที่ถูกปรุงจนอร่อย แต่ไม่ได้รสชาดของผัก ของเครื่องประกอบในอาหารเลย แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าดิฉันทำอาหารกินเองอร่อย ผลพวงคือชอบไปตลาด ชอบทำกินเองไปตามเรื่อง...

สมัยเด็ก ๆ ดิฉันเป็นคนกวาดบ้านถูบ้าน บางทีเวลาเก็บบ้านไปถึงบริเวณที่ราวพาดเสื้อผ้าของพ่อและแม่ บางทีเก็บเงินที่ร่วงจากกระเป๋ากางเกงของพ่อได้ ดิฉันก็ไม่เอาไปคืนผู้ใหญ่ เอาไปซื้อขนมกินที่โรงเรียน บางทีเวลาเอาเสื้อผ้าไปซักเจอเศษสตางค์ ๑ บาท ๒ บาท ก็เอา จากนั้นก็พัฒนาไปสู่การล้วงเอาในกระเป๋ากางเกงพ่อ บางทีก็เป็นสตางค์ในกระเป๋าแม่ จนกระทั่งวันหนึ่งดิฉันหยิบไป ๑๐ บาท แล้วไปดูหนัง  เย็นวันนั้นแม่เรียกดิฉันมาคุย แม่เกริ่นอย่างไรจำไม่ได้แล้ว มีตอนหนึ่งแม่ว่า... คนเราอยู่ด้วยกันแล้วมาขโมยกันแบบนี้ ไว้ใจกันไม่ได้ มันก็อยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว... ฟังแม่พูดวันนั้นแล้ว ดิฉันเลิกขโมยไปเลยค่ะ

ตอนที่น้องชายคนเล็กของดิฉันเสียชีวิต แม่เพิ่งกลับมาสอนหนังสือตอนเย็น มีคนมาบอกว่า กู้เกียรติจมน้ำที่ท่าอุเทน ยังหาไม่เจอเลย แม่ฟังแล้วนิ่ง แล้วพูด ..เล็กไปหาข้าวมาให้แม่กินก่อน..เมื่อเสร็จแล้วแม่ก็เดินทางไปที่เกิดเหตุ....นิ่งตลอดเวลาจัดงานศพของน้องชาย จนเสร็จงานศพ แม่เล่าว่า กลับมาที่บ้าน อยู่คนเดียวนั่งพับเสื้อผ้าของลูกแล้วน้ำตาก็พังทะลาย ร้องไห้จนเหมือนใจจะขาด..เสียลูกไปแล้ว...ไม่กลับมาแล้ว

หลังจากเหตุการณ์นั้นประมาณ ๒๕ ปี แม่ก็ป่วยเป็นมะเร็งที่ท่อน้ำดี แม่ก็เป็นคนป่วยสงบนิ่ง พยายามที่จะพึ่งตนเองในหลาย ๆ ทาง แม่เปิดโอกาสให้เราได้เห็นและได้ปฏิบัติการดูแลกันและกันโดยไม่ต้องไปอยู่ที่โรงพยาบาลและการพยายามดูแลตัวเอง ทำให้เราได้รู้ว่า การเจ็บป่วยไม่ใช่เรื่องน่ากลัวและเราก็ทำได้..ทำที่บ้านของเราเอง เป็นช่วงเวลาที่ดีของพวกเราทีเดียว แม้แต่ตอนจะจากไป แม่บอกว่าอย่าพากันร้องไห้ และให้พากันเงียบ และให้นวดตัวให้แม่ด้วย แต่พอตอนท้ายจริง ๆ  แม่บอกว่า ไม่ต้องแตะต้องตัวแม่ แล้วแม่ก็เงียบเหลือแต่การหายใจต่อเนื่องไปอีกประมาณ ๒-๓ ชั่วโมงก่อนที่จะสงบนิ่งไป...

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 176518เขียนเมื่อ 11 เมษายน 2008 20:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม 2012 22:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท