เรื่องน่ารู้..ที่ผมไม่เคยรู้ เกี่ยวกับแก๊ซโซฮอล์ E20


ผมได้ยินคำว่า "แก๊ซโซฮอล์ E20" มาพักหนึ่งแล้ว แต่ว่าผมก็ไม่ได้มีความรู้หรือความเข้าใจในความหมายหรือประโยชน์ของมันเลยครับ

หลายๆท่านก็คงจะเหมือนกับผม และคงอยากทราบว่า เจ้า "แก๊ซโซฮอล์ E20" เนี่ย เป็นอย่างไรบ้าง เราลองไปทำความเข้าใจพร้อมกันเลยดีกว่าครับ...

 

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 คืออะไร

 

น้ำมันเบนซิน ที่มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์หรือเอทานอล ชนิดความบริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราส่วน 20% กับน้ำมันเบนซินชนิดพิเศษ (Base Gasohol) 80% เพื่อรองรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2551 เฉพาะรุ่นและยี่ห้อที่ระบุว่าสามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้เท่านั้น

 

ประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

 

ด้านเศรษฐกิจ

·     ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ทำให้ประเทศมีความมั่นคงทางด้านพลังงาน ลดการขาดดุลการค้า โดยทุกลิตรของน้ำมัน E20  สามารถลดการนำเข้าน้ำมันลง 20%

·     ก่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติมในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม เกิดการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกพืชที่ใช้ผลิตเอทานอล

·     ประหยัดรายจ่ายภาคครัวเรือน เนื่องจากรถยนต์ E20 และน้ำมัน E20 ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐฯ  จึงทำให้ E20 เป็นน้ำมันเบนซินที่มีราคาถูกที่สุด

ด้านสิ่งแวดล้อม

·     ลดมลพิษทางอากาศ และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเอทานอลเป็นผลิตผลธรรมชาติ ที่สามารถย่อยสลายได้โดยไม่เกิดมลพิษตกค้าง 

·     ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะโลกร้อน และวิกฤตการณ์ธรรมชาติแปรปรวน

·      

โดยสรุปแล้ว ผู้บริโภคจะได้รับอะไรจากแก๊สโซฮอล์ E20?

1) ความประหยัด เนื่องจากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จะมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10

2.) ราคารถยนต์ถูกลง รถยนต์ที่ผลิตมาเพื่อรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จะมีราคาถูกกว่ารถยนต์ทั่วไป เนื่องจากภาษีสรรพสามิตที่ลดลง

                          

 

ข้อดีของแก๊สโซฮอล์ E20

1.)  ด้านเครื่องยนต์ ช่วยการเผาไหม้สมบูรณ์ จึงทำให้อัตราเร่งดีขึ้น
2.)  
ด้านเศรษฐกิจ เอทานอลผลิตจากพืชผลทางการเกษตรภายในประเทศ ที่นำมาผสมกับน้ำมัน เบนซิน เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน จึงลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศปีละ 3 พันล้าน  ทั้งยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
3.) 
ด้านสิ่งแวดล้อม สภาพของน้ำมันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าน้ำมันเบนซินชนิดอื่น เพราะอี 20 มีส่วนผสมของเอทานอล ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ บริสุทธิ์ มากถึง 20% ช่วยลดมลพิษจากการเผาไหม้ โดยลดคาร์บอนไดออกไซด์ และสารไฮโดรคาร์บอน

4.  ด้านการเกษตร    แก๊สโซฮอล์ E20ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตร อย่างอ้อย และมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเอทานอล

 

 

ข้อเสียของแก๊สโซฮอล์ E20

แก๊สโซฮอล์ E20ไม่สามารถใช้ได้กับรถยนต์ส่วนใหญ่ แต่ใช้ได้เฉพาะกับรถยนต์บางรุ่น ที่ผ่านการปรับแต่งเครื่องยนต์ ให้สามารถรองรับน้ำมันชนิดนี้ซึ่งโดยมากเป็นรถรุ่นใหม่ ที่นำออกจำหน่ายในปี พ.ศ.2551 รถยนต์ที่สามารถใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 ได้ จึงต้องเป็นรถรุ่นที่ชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ ได้รับการออกแบบและผลิต ด้วยยางหรือพลาสติกชนิดพิเศษ ที่ทนต่อการกัดกร่อนของแอลกอฮอล์ได้

ทั้งนี้ ผศ.ดร.จำนง สรพิพัฒน์ ประธานสายวิชาพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อม (JGSEE) หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน อธิบายว่า เพราะแอลกอฮอล์บริสุทธิ์มีคุณสมบัติต่างจากน้ำมันเบนซินหลายประการ เช่น มีจุดเดือดต่ำกว่าน้ำมัน ทำให้มีแรงดันไอมากกว่าน้ำมัน จึงอาจเกิดปัญหา โดยเฉพาะกับรถยนต์รุ่นเก่าที่ยังใช้ระบบคาร์บิวเรเตอร์ และมีถังน้ำมันติดตั้ง อยู่ห่างจากตัวเครื่องมากหรือกรณีรถยนต์ที่มีขนาดของท่อเชื้อเพลิงเล็กเกินไป อาจทำให้แอลกอฮอล์ ที่อยู่ในท่อเชื้อเพลิง เปลี่ยนสภาพจากของเหลว กลายเป็นไอได้ง่าย เกิดลักษณะเป็นฟองอยู่ในท่อดูดเชื้อเพลิง ทำให้เครื่องยนต์มีรอบความเร็วไม่สม่ำเสมอ อาจกระตุก หรือดับบางช่วง

นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังมีคุณสมบัติการกัดกร่อนสูง สามารถกัดกร่อนชิ้นส่วนที่เป็นยาง พลาสติก ทองเหลือง และทองแดง ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเครื่องยนต์

 

 

รถยนต์ที่สามารถใช้ E20 ได้

 

    รถยนต์ส่วนใหญ่รุ่นที่ผลิตตั้งแต่ปี 2008 จะผลิตให้รองรับน้ำมัน E-20 ได้ อาทิ

 

1.       HONDA (City-ZX, Civic, Accord, CR-V)

2.       MITSUBISHI (Space Wagon 4G69 MIVEC NA4, EFI)

3.       NISSAN (Teana, Tida)

4.       MAZDA (Mazda 3) 

5.       FORD FOCUS และ FORD ESCAPE 3.0 L ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2005 และรุ่นที่จะออกตามมาในปี 2008

หลังจากผมอ่านบทความจบ ผมก็ได้เข้าใจความหมายและประโยชน์ของ "แก๊ซโซฮอล์ E20" แล้ว ผมคิดว่า เป็นพลังงานทางเลือก ที่มนุษย์โลกควรหันมาสนใจ เพราะมีข้อดีมากมาย และในอนาคต น่าจะมีรถที่ผลิตออกมารองรับพลังงานทางเลือกนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และหวังว่าราคาคงจะถูกลงกว่านี้

* ขอบคุณข้อมูลจาก www.essochallenge.com *

คำสำคัญ (Tags): #แก๊ซโซฮอล์ e20
หมายเลขบันทึก: 174856เขียนเมื่อ 2 เมษายน 2008 22:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 03:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

หวัดดีค่ะ...

จะนำข้อมูลนี้ไปใช้กับบทเรียนต่อนะคะ....

ว่าแต่...ตอนนี้ใช้รถยนต์รุ่นไหนอยู่คะ!?

 

สวัสดีครับ คุณ UbbIbb ( อุ๊บอิ๊บ)

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อีกหน่อยคนไทยคงจะคุ้นเคยมากขึ้น ยินดีมากเลยครับที่คุณจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้กับบทเรียนต่อไป

ขอบคุณมากครับที่แวะมาพูดคุย

สวัสดีค่ะคุณครูวัลลภ

  • ขอบคุณค่ะ สำหรับความรู้เรื่อง E-20
  • ใช้ ๆ ไปสักพัก เอทานอล จะไม่ขาดแคลนหรือคะ
  • ขอเสนอให้ใช้บริการอื่น ๆ ที่ไม่ใช่รถส่วนตัวดีไหมคะ ยกเว้นแต่จำเป็นจริง ๆ สำหรับคนกทม.ซึ่งมีรถบริการสาธารณะมากมาย ทั้ง รถไฟ(ลอย)ฟ้า  รถใต้ดิน ฯลฯ

สวัสดีอีกครั้งครับ คุณ คนไม่มีราก

บทความนี้ถือว่านำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็ไม่มีความรู้มาก่อนเช่นกัน

น่าคิดครับ ใช้ไปสักพัก จะขาดแคลนหรือเปล่า.....ต้องอยู่ที่มาตรการทางรัฐบาลแล้วครับ ว่าเค้าจะจัดการอย่างไร

เมืองใหญ่ๆ มีบริการรถโดยสารสาธารณะที่หลากหลาย ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ชาวเมืองใหญ่ๆน่าจะช่วยกันใช้นะครับ

ขอบคุณมากครับ

ผมก็เคยเติมนะครับ รถผม civic 1.8 e at 2011 อัตราสิ้นเปลืองดังนี้

เบนซิน 91

ลมยาง 30 ปอน ความเร็ว 100 กม/ชม. 14.2 กม/ลิตร ถ้าความเร็ว 120 ก็ประมาณ 14.3 -14.4 แต่ช่วงเร่ง

แซงความเร็ว 50 กว่าๆ อืดนิดหน่อยพอรู้สึกได้

อี 20

ลมยาง 30 ปอน ความเร็ว 100 กม/ชม. 14.0 กม/ลิตร ถ้าความเร็ว 120 ก็ประมาณ 14.2 อัตาเร่งก็ดีนะครับแต่การเร่งแซงที่ความเร็ว 50 กว่าๆ ก็ดีนะครับ ดีกว่า 91 นิดหน่อย

ที่ทดสอบนี้ ทำตอนที่กลับต่างจังหวัดครับ รถผมมีเครื่องวัดอัตราสิ้นเปลื้องน้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าข้อมูลผิดพลาดประการขออภัยด้วยนะครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูล น้ำมัน E20 ตัดสินใจใช้เลยค่ะ เพราะรถที่ใช้ รองรับ E20

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท