ไม่น่าเชื่อ!!! ข้าวสารถุงที่จำหน่ายในตลาด จะขาดตลาด (ชั่วคราว) นอกจากจะขึ้นราคาแล้ว ยังหาซื้อไม่ได้อีก...เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ เวลากินข้าว ปู่จะตั้งเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการกินสำหรับทุกคนในครอบครัว คือ คดข้าวมาเท่าไหร่ต้องกินให้หมด...ไม่ให้เหลือตกค้างอยู่ในจานแม้แต่เม็ดเดียว...เรื่องความเข้มงวดของปู่ เป็นที่เลื่องลือในหมู่ญาติ และพรรคพวกเพื่อนฝูง...เคยเผลอไปกินข้าวเหลือไว้ข้างจานบ้านลุงเขยนิดเดียว ...นิดเดียวจริง ๆ สักประมาณ 2 - 3 เม็ด ได้...ลุงเขยพูดว่า "อยู่กับปู่ได้ไงเนี่ย" (แหม...แค่ครั้งเดียว อภัยเถอะ เผลอกันได้)
ตอนนั้นปี ค.ศ. 1971 หรือ พ.ศ. 2514 ปู่บอกเหตุผลของการไม่ให้กินข้าวเหลือทิ้งแม้แต่เม็ดเดียวว่า "ยังมีคนอีกเยอะแยะ ที่ไม่มีข้าวกิน มีกินก็กินไม่อิ่มเพราะไม่มีเงินซื้อกิน ชาวนากว่าจะทำนาได้ข้าวมาแต่ละเม็ดก็ลำบาก ข้าวจานละเม็ดเหลือทิ้งไปหลาย ๆ จาน หลาย ๆ ครั้ง รวม ๆ กันไป ก็เป็นกระสอบฯ" ทั้งที่เมื่อก่อนน่ะ นาข้าวมีให้เห็นถมไป ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญของประเทศก็เหอะ
ตอนนี้ ปี ค.ศ. 2008 เหตุผลของการไม่ให้กินข้าวเหลือยังเป็นเหตุผลเดิม ที่ต้องเพิ่มเหตุผลใหม่เข้าไป เช่น การผลิตข้าวได้น้อยลงทั่วโลก...วิถีการตลาดข้าวทั่วโลกเกี่ยวพันกับ วิถีชีวิตการกินคนไทยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง...นาข้าวที่เสียหายจากภาวะโลกร้อน (เขาว่ากันอย่างนั้น) ที่เวียดนาม อินเดีย อียิปต์ ทำให้ประเทศเหล่านี้ไม่ส่งออกข้าว เพราะปริมาณการบริโภคในประเทศไม่เพียงพอ...ทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น ตามกฎอุปสงค์อุปทาน...ชาวนาไทย เริ่มจะลืมตาอ้าปากได้ เพราะขายข้าวได้ราคา...
ในฐานะผู้บริโภคข้าว และเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ที่จะช่วยให้สถานการณ์การขาดแคลนข้าวนี้รอดพ้นไปได้ ด้วยการกินข้าวเท่าที่อิ่ม เวลากินในบ้านคงไม่เป็นปัญหาเท่าไร กินเท่าไรก็คดเท่านั้น เวลากินนอกบ้าน ไม่ต้องกลัวว่าร้านค้าจะได้กำไร ร่ำรวยเกินหน้าเรา สั่งลดข้าวลงมาตามสัดส่วนที่คิดว่าจะกินอิ่ม ...ได้ยินว่าร้านค้าบางร้าน ถามคนกินก่อนตักด้วยนะว่า...รับข้าวครึ่งถ้วยมั้ยคะ???
ไม่มีความเห็น