เตือนภัยไข้เลือดออก


ไข้เลือดออก

               กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาเตือนภัยให้พี่น้องประชาชน อย่าชะล่าใจเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออกซึ่งเป็นมฤตยูยุงลายใกล้ตัว ปีนี้ค่อนข้างมาเร็วและค่อนข้างรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งขอให้ประชาชนเร่งทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุก7 วัน โดยที่สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานถึงสถานการณ์ของโรคไข้เลือดออกในปีนี้ คาดว่าจะมีความรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้จากการเฝ้าระวังโรคในปี 2551 ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ รวม 40 วัน ทั่วประเทศ มีรายงานผู้ป่วยสะสมแล้ว 2,824 ราย เสียชีวิต 4 ราย ผู้ป่วยร้อยละ 70 อยู่ในภาคกลาง มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปี 2550 ซึ่งมีผู้ป่วยเพียง 1,702 ราย ไม่มีรายงานเสียชีวิต พบว่าจำนวนผู้ป่วยปีนี้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 66 โดยตลอดปี 2550 มีผู้ป่วยไข้เลือดออกประมาณ 60,000 ราย เสียชีวิต 29 ราย และมีสัญญานว่าโรคนี้จะพบในเด็กโตมากขึ้น การพบผู้ป่วยเพียง 1 ราย เป็นสัญญานบอกเหตุว่าในหมู่บ้านหรือชุมชนนั้นๆ อาจมีคนติดเชื้อโดยที่ไม่มีอาการอีกนับ 100 คนได้ ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญโรคไข้เลือดออก ประเมินสถานการณ์ว่าแนวโน้มการป่วยโรคนี้ในปีนี้ จะรุนแรงและจะมีการระบาดในวงกว้างเนื่องจากผลจากโลกร้อน สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ยุงลายพัฒนาตัว ไข่จะฟักเป็นตัวเร็วขึ้น และทนแล้งได้นานขึ้น  โรคไข้เลือดออกมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสเด็งกี่(Dengue virus) มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ คือ 1,2,3,4 จากการเฝ้าระวังเชี้อในกลุ่มผู้ป่วยไข้เลือดออกที่พบในปีนี้ แนวโน้มเป็นสายพันธุ์ที่ 2 มากขึ้น ซึ่งต่างจากปีที่แล้วที่พบสายพันธุ์ที่ 1 มากกว่า โดยหากเป็นการติดเชื้อไข้เลือดออกครั้งแรก อาการจะไม่รุนแรง หลังติดเชื้อร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อต้นเหตุนั้น แต่หากติดเชื้อเป็นครั้งที่ 2 จะทำให้อาการรุนแรงกว่า เนื่องจากเป็นเชื้อต่างสายพันธุ์ ทำให้เกิดการเสียเลือดและช็อกเสียชีวิตได้ จากการที่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำปฏิกิริยากับเชื้อไวรัส ทำให้มีการรั่วซึมของน้ำเลือดในเส้นเลือด ส่งผลให้เกร็ดเลือดต่ำ เลือดจะออกง่ายขึ้น เนื่องจากเชื้อมี 4 สายพันธุ์ คน 1 คนอาจป่วยเป็นไข้เลือดออกได้ถึง4ครั้งตลอดชีวิตเป็นแล้วสามารถเป็นซ้ำอีกได้
             การป้องกันและควบคุมโรคก็ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องอาสาสมัครสาธารณสุขทุกหมู่บ้านถือได้ว่าเป็นทหารแนวหน้า นักรบแห่งกองทัพพัฒนาสุขภาพภาคประชาชน ได้เร่งทำการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือประชาชนให้ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เพื่อลดปริมาณยุงให้น้อยที่สุดก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งเป็นฤดูกาลที่มีการระบาดของโรคดังกล่าวสูงที่สุด ยุงลายที่เป็นต้นเหตุไข้เลือดออกร้อยละ 95 เป็นยุงที่อยู่ในบ้านเรือน อีกร้อยละ 5 อยู่ตามสวน ในการกำจัดยุงลาย ขอให้ประชาชนทุกหลังคาเรือน ช่วยกันดูแลปิดฝาโอ่งน้ำกินน้ำใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงลายเข้าไปวางไข่ ส่วนในภาชนะเล็ก ๆ ในบ้านเรือน เช่น แจกันไม้ประดับต่าง ๆ น้ำหล่อขาตู้กับข้าว รวมทั้งน้ำที่อยู่ในจานรองกระถางต้นไม้ น้ำกินในกรงนกสวยงาม น้ำในเล้าไก่เลี้ยงตามบ้าน ให้เปลี่ยนน้ำโดยวิธีเททิ้งทุก 7 วัน โดยเฉพาะจุดเสี่ยงที่สุดคือในห้องน้ำซึ่งโดยทั่วไปจะมีสภาพชื้น เย็น และมีมุมอับมืด จะเป็นที่ซ่อนตัวของยุงลายได้ ขอให้ประชาชนหมั่นดูว่ามีลูกน้ำยุงลายหรือไม่ หากพบว่ามีแม้แค่ตัวเดียว ขอให้ตักทิ้งไป หรือใช้น้ำให้หมดไปและถ่ายน้ำทิ้ง จะเป็นวิธีกำจัดยุงลายที่ดีที่สุด การพ่นหมอกควันไม่สามารถป้องกันในระยะยาว เป็นเพียงการควบคุมชั่วคราวเพื่อฆ่ายุงลายตัวแก่ในบริเวณที่มีการระบาดเพื่อไม่ให้ยุงที่มีเชื้อไปกัดหรือวางไข่ต่อที่อื่น ๆ อีก โดยยุงตัวเมียมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 45 วัน หลังผสมพันธุ์แค่ครั้งเดียว ยุงตัวเมียสามารถวางไข่ตัวละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 1,000-2,000 ฟอง  พี่น้องประชาชนทั่งไปก็ต้องระมัดระวังอย่าให้ยุงกัด ให้นอนในมุ้ง หรืออาจใช้ยาทากันยุงเช่นตะไคร้หอมก็ได้ และถ้าหากมีไข้ ตัวร้อนก็ให้กินยาลดไข้ประเภทพาราเซตามอล ห้ามกินยาแอสไพรินเด็ดขาด เนื่องจากหากเป็นไข้เลือดออกจะทำให้เลือดออกง่ายและเสียชีวิตได้ โดยหากไข้ไม่ลดและไข้ยังสูงลอยเกิน 2 วัน ขอให้รีบพาไปหาหมอ อย่าชักช้า เดี๋ยวจะไม่ทันการ อาจจะเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

.........................................................

 

คำสำคัญ (Tags): #ไข้เลือดออก
หมายเลขบันทึก: 173144เขียนเมื่อ 26 มีนาคม 2008 13:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ช่วงนี้ไข้เลือดออกระบาด ก็ขอให้ดูแลตัวเองกันด้วยนะครับ ที่บ้านมีแหล่งน้ำขัง ก็ จัดการซะให้เรียบร้อยด้วยนะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท