3 วันกับการติดตามผลครั้งแรก-วันสุดท้าย


ตลาดน้ำท่าคา-ตลาดน้ำสุด Classic

วันที่สาม

เช้าตรู่วันสุดท้ายที่ตลาดน้ำท่าคา โปรแกรมเสริมที่แถมขึ้นมา ตลาดนี้พึ่งเคยมาครั้งแรก มาถึงผิดหวังเล็กน้อยครับ มีเรืออยู่แค่ 3-4 ลำ สิ่งแรกที่นึก.. สงสัยว่าตลาดนี้คงไม่มีคนสนใจ จนตายไปแล้ว แต่ความเป็นจริงที่ได้ก็คือ "พ่อหนุ่ม...มาทำอะไรกันแต่เช้า กว่าคนอื่นเขาจะมากัน 8 โมงโน้น" ชัดเจนครับ ว่าต้องนั่งรอ ทั้งง่วงทั้งหิว หมูปิ้งก็พึ่งก่อไฟเอาไงดี และแล้วเรือก๋วยเตี๋ยวลำแรกก็พายมา ยังไม่ทันเทียบท่าขอเป็นลูกค้ารายแรกละกัน คนที่ไปเที่ยวตลาดน้ำมาแล้วคงคิดว่าผมเฉิ่ม เพราะความรู้สึกแรกตอนที่ป้าแกยื่นชามก๋วยเตียวมาให้อย่างมั่นใจนั่นคือ

น้ำซุปร้อนๆ เต็มชาม

ตะเกียบวางพาดข้างบน แบบพร้อมจะร่วงทุกเมื่อ

ช้อนจุ่มไว้ในสภาพเดียวกัน

ภาพในหัวที่เกิดขึ้นคือ ก้นแม่น้ำคงจะมีชามก๋วยเตียวจมอยู่เยอะแหงๆ แล้วถ้ารับพลาดป้าแกจะเอากระบวยมาฟาดไหมหน่อ คิดอยู่พักนึงก็ตัดสินใจรับชามมาในท่ากางสิบนิ้ว ไม่กลัวน้ำซุปลวก แต่กลัวช้อนกับตะเกียบตก

ไม่มีโต๊ะเก้าอี้ มือนึงถือชามมือนึงสาวเส้น ร้อนเมื่อไร่สลับมือเอา (อันนี้ความสามารถส่วนตัว) ทางเดินแคบจะนั่งยองๆกินก้นก็ยืนไปขวางทางเดินเขา จะยืนกินเวลาลมพัดเส้นก็สบัดใส่หน้า แสบหูแสบตาไปหมด แต่สนุกไปอีกแบบ และขอชมครับว่าอร่อยมากไม่ต้องปรุงเลย ถูกด้วยแค่สิบสองบาทเอง แนะนำครับว่าให้ลองแวะมาเที่ยวดีมากๆ เฉพาะวันโกนเท่านั้นนะครับถึงจะมี..แต่ต้องสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศแบบนี้นะครับ

บรรยากาศแบบนี้ คือ แบบไหน คือบรรยากาศแบบบ้านๆ แม่ค้าอายุเฉลี่ยน่าจะเกิน 60 รวมๆกันน่าจะเท่ากันน่าจะไปอยู่ในยุคกรุงศรีช่วงที่กรุงยังไม่แยก การค้าขายไม่ได้มุ่งเน้นนักท่องเที่ยว แต่เน้นขายคนในพื้นที่ หรือแลกเปลี่ยนกันเอง..จริงๆ ครับ มะม่วงกวน มะม่วงกวนครับป้า เอ่อคือ สนใจผมหน่อยครับป้าแบบว่าจะขอซื้อมะม่วงกวนครับ เนื่องจากป้าแก มันแต่สนใจอยู่กับการแลกพริก หอม กระเทียม กับเรือลำข้างๆ

Trip นี้ถือว่าเราโชคดีมากที่ได้มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือ ความตั้งใจของพี่เปาแห่งสยามกัมมาจล ที่ขอเลื่อนวันจัดงาน เพราะทุกอย่างลงตัวจนน่าแปลกจัง....

1. ตลาดนี้เดือนหนึ่ง มีแค่ไม่กี่วัน

2. ของขายส่วนใหญ่เป็นของสด ซึ่งต้องซื้อก่อนกลับเท่านั้น

3. เรือครับ เรือ..พี่เปาไปหาเรือมาจากไหน ไวมาก เหมือนนัดกันมาก่อน แล้วก่อน แล้วก็สนุกสนานกับการล่องเรือหายไปจนเราไม่แน่ใจว่าจะกลับมาทันหรือเปล่า

ขากลับเล่าวีรกรรมตอนที่กลับจาก IOCS ครั้งก่อน ด้วยความที่เกรงใจคนที่มาส่งไม่อยากให้ไปไกล เลยขอลงกลางทางให้ Drop เราไว้ที่ตีนสะพานลงจากทางด่วนสุขุมวิท 62 กะว่าจะโบก TAXI ไปต่อเอง สัมภาระมี กระเป๋าเดินทางประมาณว่ากลับจากต่างประเทศ 1 ใบ กระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กอีก 1 ใบ กระเป๋าคอมพิวเตอร์อีก 1 ใบ ข้าวสารและของฝากที่ได้จากมูลนิธิข้าวขวัญอีก 1 ถุงใหญ่ และเจ้าของสัมภาระที่สภาพไม่ต่างอะไรจากศพ สงสัยละสิว่าเกิดอะไรขึ้น

ครับ ไม่เกิดอะไรขึ้น ไม่เกิดขึ้นจริงๆ โบกรถมาเกือบครึ่งชั่วโมง ไม่มี TAXI คันไหนว่างซักคัน อื่ม...ตรู...โง่เอง จะมีรถ TAXI ไม่มีลูกค้าคันไหนมันจะบ้าขึ้นทางด่วนมาฟะ หลังจากได้สติและทำใจได้แล้ว จึงค่อยๆ หอบ ลาก ถูลู่ถูกัง สัมภาระทั้งหมด กว่าจะมาถึงปากซอยสุขุมวิทได้ เกือบจะขาดใจ...เป็นอุทาหรให้เพื่อนๆ นะครับ

กิจกรรมวันนั้นเป็นกิจกรรมที่สะท้อน (ทำให้รู้สึกสำนึกผิด) เรื่องการสื่อสารระหว่างทีมกับโค้ช เนื่องจากหลายคนเป็นเด็กดื้อ ไม่ยอมส่งการบ้าน แล้วครูจะรู้ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จะติดตามกันอย่างไร...สำนึกผิดขึ้นมาในทันทีเลยครับ..เห็นได้ชัดเลยว่ากลับมาถึงก็รีบเขียนบทความลง Blog เลย ประหนึ่งว่าสำนึกผิด ผมจะไม่ทำแบบนื้ อีกแล้วคร๊าบ

ภาพรวมจากการไปครั้งนี้บรรยากาศอาจจะดูตึงเครียดไปบ้างเมื่อเทียบกับครั้งก่อน เพราะทุกคนคงโดนมาเยอะ แต่ทุกคนก็พยายาม Relex และยิ้มให้กันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังอยากเห็นภาพแบบนี้ตลอดไป ขอบคุณมากๆ ครับทุกๆ คน

หมายเลขบันทึก: 172847เขียนเมื่อ 25 มีนาคม 2008 09:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อ่านแล้วสนุกจังเลยเห็นภาพที่บรรยายน่าเสียดายที่ไม่ได้ไปเที่ยวตอนเช้าด้วย แต่ฟังน้องเล่าก็มีความสุขแล้ว

เสียดายจังที่กิ๊กไม่ได้ไป แต่อ่านแล้วหนูเห็นถาพเลยคะ คิดในใจขอให้ตะเกียบตกน้ำเหอะ 555 จะดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพี่ ....โอเคคะสู้ๆนะคะพี่

ถา ต้องเล่าเรื่องล้างผักชีด้วยซิน้อง ยังไม่อร่อยเลย เพราะลืมใส่ผักชีล้างน้ำคลอง

น่าเสียดายไปไม่ทันก็ปลอบใจตัวเองก็บ้านๆคล้ายบ้านเรา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท