เรียนรู้ชีวิตจากธรรมชาติ


ต้นไม้กับปรัชญาชีวิต

วันนี้ก็เป็นวันที่ 12 แล้วที่ผมและเพื่อนได้มาฝึกประสบการณ์ที่มหาชีวาลัยอีสาน และวันนี้ก็เป็นวันที่ 2 ของการอบรมของครูพันธุ์ใหม่ของ ม.จันทรเกษม ในตอนเช้าผมได้มีโอกาสเข้าฟังบรรยายร่วมกับพี่จันทรเกษม ครูวุฒิก็ได้พูดถึง การเตรียมตัวและเตรียมใจเพื่อออกมาสู่ยุทธภพ ต้องสามารถเป็นได้ตั้งแต่ภารโรงไปจนถึงผู้อำนวยการโรงเรียน มีความพร้อมรับได้ทุกสถานการณ์

อาจารย์แสวงก็พูดถึงการเชื่อมโยงธรรมชาติ สังคม และพิธีการ นำไปสู่การเรียนรู้ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มาจากชุมชนจริงไม่ใช่มาจากที่อื่น ซึ่งไม่ใช่มาจากท้องถิ่นจริงๆทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างล่าช้า

ต้นไม้ยืนต้นจะมีการผลัดกิ่ง ใบ ในยามที่เกิดวิกฤต เพื่อรักษาให้ต้นไม้ยังมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้ เป็นการลดความเสี่ยง ทำให้รากลดการทำงานลงไม่จำเป็นต้องหาอาหารมาเลี้ยง กิ่งและใบจำนวนมากอีก ในการผลัดกิ่งใบ นั้นไม่ทำให้ต้นไม้นั้นตายเป็นการกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อความอยู่รอดและกิ่ง ก้านใบที่ผลัดออกมาก็เป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้นั้นได้ รักษาความชื้นช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ เวลาที่มีความอุดมสมบูรณ์ก็สามารถแตกกิ่งก้าน ใบออกมาใหม่ได้

แล้วเรานำเอาปรัชญาการใช้ชีวิตของต้นไม้มาใช้กับชีวิตเราไหม ทำให้นำไปสู่ความพอเพียงในชีวิต ต้นไม้ก็เปรียบเหมือนสังคมคน ที่ต้องมีพิธีกรรม มีบุคคคลที่ทำงาน และมีผู้คอยเป็นหลักเป็นฐานให้คำปรึกษาในสังคม คือผู้เฒ่าผู้แก่ ต้นไม้ก็มีแก่นไม้ที่คอยค้ำยันไม่ให้ต้นไม้ล้มลงได้ง่ายหากขาดแก่นไม้ต้นไม้ก็ล้มได้แก่นก็เปรียบเหมือนผู้เฒ่าผู้แก่ที่อยู่ในสังคม เราต้องให้ความเคารพและเชื่อฟังด้วย 

และมีเนื้อเยื่อที่คอยทำงานทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตเปรียบเหมือนคนในวัยทำงาน และเปลือกไม้ที่ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายจากภายนอก เปรียบเหมือนพิธีกรรม ในสังคมเราต้องมีเป็นการทำอะไรร่วมกัน

แล้วต้นไม้ที่มีหนามคือไม้เนื้ออ่อนทั้งหมด ก็เหมือนคนที่หยิ่งยะโส แต่ข้างในไม่มีอะไรเลยอย่าไปถือเขาเลย ให้อภัยเขาเถอะเดี๋ยวสังคมจะไม่สงบและต้นไม้ที่ไม่มีหนามคือไม้เนื้อแข็ง เปรียบเหมือนคนจริงดูเรียบง่าย น่าเข้าใกล้ น่าคบค้าสมาคมด้วย

แล้วในตอนบ่ายก็มีการลงพื้นที่กัน ได้ไปพบตาไลที่เรียกกันว่า ไม่มีอะไรที่ยากเลยสำหรับตา ตาเป็นคนที่ขยันมากๆ ตาขนน้ำจากบ่อไปรดยางพาราที่เล็กอยู่ประมาณ 10 ไร่ ใช้เวลารด 3 วันถึงเสร็จ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงถึงความขยันอดทน มีคนที่ถามคำถามตาเพียงไม่กี่คน

อาจเป็นเพราะว่าบางส่วนฟังภาษาอีสานไม่ออกก็มี การสนทนาเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่การเดินอาจจะเดินไม่ทั่วถึง เป็นเพราะเวลาน้อยก็เป็นได้ และตาไลบอกว่าความมุ่งหวังในตอนนี้คืออยากได้ น้ำบาดาลที่ได้จากการขุด ถ้ามีน้ำก็สามารถทำอะไรได้มากมาย มีคำหนึ่งที่กินใจมากคือ ทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นของเราหรอก ตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้ ดังนั้นมีอะไรก็อย่าห่วงไว้เลย ให้ลูกให้หลานไปเถอะ

ในการไปครั้งนี้ผมก็สนใจในเรื่อง เตาถ่าน ผมอยากทำให้เป็นจะได้เอาไปทำที่บ้าน เพราะที่บ้านมีแต่เผากับแกลบเฉยๆ ไม่มีเตาถ่านอย่างนี้ผมว่าเตาถ่านน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการเผาแกลบ

 ข้อคิดเล็กๆน้อยๆ

เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง

หมายเลขบันทึก: 171196เขียนเมื่อ 16 มีนาคม 2008 22:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท