“คัดกรองมาแล้ว”


เป็นมิตรภาพที่ไม่มีทางถูกปลดเกษียณ เมื่ออายุ 60 ถ้าเราต่างฝ่ายต่างดูแลซึ่งกันและกัน การดูแลก็แสนง่ายดาย แค่รัก จริงใจ ใส่ใจ มิตรภาพอันนี้นับวันยิ่งงอกงาม

 

เปลี่ยนเรื่อง ง่าย ให้เป็นเรื่อง ง่ายมากๆ   

คัดกรองมาแล้ว

 

ปี 2551 เริ่มใหม่ งานเดิมก็วนมาอีก เป็น PDCA รอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่เป็น ปีที่ 6 ของการทำงาน  ปีนึง กระบวนการพัฒนาในแต่ละเรื่องก็หมุนไป ปีละ4-5 รอบ  ปีนี้เป็นการพัฒนาการคัดกรอง ที่เน้นการมีส่วนร่วม  ร่วมมือกันทั้งเรา  ระหว่างคนทำงานกับคนทำงาน  ระหว่างชุมชนกับชุมชน ระหว่างเรากับชุมชน   บรรยากาศการทำงานทำให้เหมือนไม่รู้สึกแปลกแยก  เหมือนหลอมรวมกันเป็นพรรคพวกเดียวกัน

 

ไม่ใช่คือหมอกับชาวบ้าน

ไม่ใช่พยาบาลกับชาวบ้าน 

ไม่ใช่หมอกับพยาบาล

 

แต่เป็นการทำงานร่วมแรงร่วมใจระหว่างเราพี่ๆน้องๆ  คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย  เป็นมิตรภาพที่ไม่มีทางถูกปลดเกษียณ เมื่ออายุ 60  ถ้าเราต่างฝ่ายต่างดูแลซึ่งกันและกัน การดูแลก็แสนง่ายดาย แค่รัก จริงใจ ใส่ใจ  มิตรภาพอันนี้นับวันยิ่งงอกงาม  

 

ทำไม.??? เรามีความสุขกับการทำงาน

ทำไม..??? พี่ๆที่ PCU สระโคล่ ทำงานกันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ทำไม.??? คุณลุง คุณป้า มีพลังในการทำงานคัดกรองเหลือเกิน

ทำไม.??? เราเหมือนคือคนๆเดียวกัน ที่มาทำงานรวมกัน

 

ทำไม..ทำไม.. ทำไม.. เป็นทำไม ที่เป็นเชิงบวก  และอัศจรรย์ใจมากกว่า

 

 

วันนี้อ้อและอุ๋ย ได้มีโอกาสมาร่วมช่วยปลุกระดม เติมไฟในการทำงาน  และติดอาวุธทางปัญญานั้นคือความรู้  ให้แก่แกนนำชุมชน ตำบลสระโคล่  ในการทำงานคัดกรองเบาหวานและความดันโลหิตสูง

วันนี้มีแกนนำแต่ละหมู่มา ครบทุกหมู่ ถ้าจำไม่ผิดมี  7 หมู่ หมู่ละ 6-7 คน รวมแล้วประมาณ เกือบ 60 คน  อายุมีตั้งแต่ 20 กว่าๆ  จนถึงอายุ 60 กว่าๆ  อ่านหนังสือเกือบไม่ออกก็มี  สายตาสั้น สายตายาว หูตึง แตกต่างกัน แต่ที่ไม่แตกต่างกันก็คือ พลังในการที่จะช่วยทำให้ชุมชนที่เค้าเป็นเจ้าของ สุขภาพแข็งแรง    ทุกคนมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน และใช้พลังที่มีอยู่ทำสิ่งดีๆ คือ ทำให้ตำบลสระโคล่เป็นชุมชนคนแข็งแรง และมีความสุข

อ้อและอุ๋ย ลงพื้นที่ไปติดอาวุธทางปัญญาให้ คุณลุงคุณป้า ในการทำงานคัดกรอง เราค้นพบว่า นับวันทุกคนก็ยิ่งมีความมุ่งมั่น ในการทำงาน ขยายผล แตกกิ่งก้านสาขา ในการทำงาน คือ ชักจูงคนรุ่นใหม่มาทำงาน สมาชิกท่านเดิมก็มุ่งมั่นทำงานต่อ ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคในสังขารที่เป็น  ก็คิดดูนะคะ ไปช่วยคัดกรองเจาะเลือด ตาก็พร่ามองไม่ชัด แต่ก็พยายาม บางคนก็ปวดแข้ง ปวดขา ปั่นจักรยานตามหาคนทีต้องเจาะเลือด กลางทุ่ง กลางนา เที่ยวไล้เที่ยวขื่อ เสมือนประหนึ่งจะมาตามจีบ  การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป   ปีหน้า ปีโน่น ก็ขยายออกไปเรื่อยๆ จนแต่ละคนรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่สุขภาพได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก็คงไม่มีคนเหนื่อย  ไม่มีคนป่วย  หรือป่วยน้อยลง  นี่เป็นภาพฝันภาพเดียวกันระหว่างเราและแกนนำ

 

 

สิ่งที่อ้อจับจุดได้ อีกอย่างหนึ่งของที่นี่และอาจจะเหมือนในอีกหลายที่ คือ ก่อนที่อ้อจะบรรเลงกระหน่ำให้ความรู้และทักษะการเจาะเลือด ฯลฯ นั่นคือ

1. การบอกเป้าหมายในการทำงานที่เป็นภาษาง่ายๆ เข้าใจง่าย เห็นภาพชัด

ว่าเราทำงานนี้เพื่อ อะไร ให้ลองหลับตา บอกกล่าวสิ่งที่เค้าจะทำ ว่าทำแล้ว ช่วยอะไรแก่ชุมชนบ้าง คนที่เค้าดูแล ประมาณ  20 หลังคาเรือน ซึ่งก็เป็นญาติๆ พี่ๆน้องๆ บ้านใกล้เรือนเคียง  ถ้าป่วยก็จะได้รักษาแต่เนิ่นๆ ถ้าใกล้จะป่วย ก็จะได้ให้คำแนะนำให้ขจัด ความเสี่ยงโดยไม่ต้องใช้หมอผีปัดเป่าแต่ใช้การลดละ นิสัยแย่ๆ ต่างๆ  ถ้ายังไม่รู้ว่านิสัยแย่ๆ มีอะไรบ้างก็บอกเค้าว่า งดเหล้านะ  ดูแลน้ำหนักอย่างให้อ้วน ฯลฯ หรือถ้าอยากได้คำแนะนำอะไรเพิ่ม มาหาที่PCU นะจ๊ะ

 

และ 2. การใช้พลังความเชื่อ ในการทำความดี ตามหลักศาสนา   ก่อนเข้าเนื้อหา อ้อ ถามว่าใครนับถือศาสนาพุทธบ้าง คำตอบคือ เกือบทั้งหมด และนับถือศาสนาคริสต์ 1 คน   หลังจากนั้นอ้อก็บอกเล่าถึงพลังความดีที่อ้อเคยได้สัมผัสมา  1 เรื่อง และยกคำพูดที่อาจารย์สมพงษ์ ร.พ จุฬา เปรียบเทียบการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน เทียบเป็นเงินเท่าการสร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างถนน   เชื่อไหมคะ ทุกคนนั่งนิ่ง ฟังเหมือนถูกสะกด พอพูดจบ ป้าที่แก่เกือบที่สุด ยกมือ สาธุ   โอ้โห....ภูมิใจมากๆเลย ที่เล่านอกได้น่าสนใจ  อ้อคิดว่า ความรู้ให้ได้ง่าย  สอนตอนไหนก็ได้ แต่ที่ยากคือ มีใจที่อยากรับและอยากทำหรือเปล่า แต่วันนี้อ้อทำได้คือให้ความรู้ได้เหมาะกับใจที่อยากทำงาน งานนี้ใจทุกคนมา เดี๋ยว ก็มีภาค 2  ของการทำงาน ( แววๆ ว่า ทุกคนจะรวมงานทั้งคัดกรองโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เยี่ยมบ้านดูแลผู้ป่วยเบาหวาน และโรคอื่นๆที่บ้าน และตั้งเป็นชมรมจิตอาสาตำบล สระโคล่ ในไม่ช้า)

 

สรุปการทำงาน

  1. เวลาได้ฟังเรื่องราวการทำงานเบาหวานของเพื่อนๆต่างโรงพยาบาลจะมีความรู้สึกชื่นชมจากใจจริง และเก็บความรู้สึกชื่นชมเอาไว้คนเดียวไม่ได้ต้องนำมา กล่าวถึงชื่นชม ให้พวกเราฟังเสมอๆ และทำให้เราพัฒนาตัวเองต่อ ทำให้เราเปลี่ยนตัวเองอยากเป็นผู้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา  ที่ไหนมีอะไร อยากรู้ อยากได้ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราไม่หยุด จอดอยู่กับที่ เดินมั่ง วิ่งมั่ง เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวอะไรดีๆ  อยากแบ่งปันให้เพื่อนๆ  
  2. ยิ่งเขียนบันทึกยิ่งได้เหมือนเป็นการทบทวน และเปิดใจกว้างยอมรับฟังความคิดทีแตกต่าง

  

ผลการดำเนินงาน

1. ทุกหมู่บ้านมีแกนนำครอบคลุมร้อยละ 100

2. แกนนำสามารถเจาะเลือดได้ ร้อยละ 95 (57 ราย)

3. แกนนำสามารถวัดความดันโลหิตได้ร้อยละ 100 

4. สำรวจประชากรกลุ่มเป้าหมายอายุมากกว่า 35 ปี จำนวน 3550 ราย

5. คัดกรองกลุ่มเป้าหมายได้ ร้อยละ 50.2 (ข้อมูลกุมภาพันธ์ 2551)

6. ความชุกเบาหวานของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่คิดเป็นร้อยละ 2.9  ( 99 : 3550 )

ผู้เล่า

รัชดา พิพัฒน์ศาสตร์

คำสำคัญ (Tags): #คัดกรองเบาหวาน
หมายเลขบันทึก: 170855เขียนเมื่อ 14 มีนาคม 2008 14:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

     ดีละอ้อ นับวันทีมเบาหวานก็ยิ่งก้าวขยับออกไปเรื่อยๆ ชาวสระโคล่มีความสุขกับการได้ดูแลคนในหมู่ของตัวเอง เรามั่นใจว่าอ้อกับทีมก็มีความสุขเช่นเดียวกับแกนนำชาวบ้านของเราเหมือนกัน ขอให้บุญกุศลท่วมท้นยิ่งกว่าสร้างโบสถ์ สร้างวิหารเลยนะอ้อนะ

ทำงานสนุก ทำดี ได้บุญจริง บุญที่ประชาชนสุขภาพดี ทำต่อนะจ๊ะ

การรักษาโรคเบาหวานแบบหายขาดโดยสมุนไพรไทย หายขาดจริงๆครับ โดยความบังเอิญที่คุณพ่อผมได้เดินทางมาหาที่บ้านที่จังหวัดขอนแก่นแล้วมาเจอกับ คุณ ยายผมที่ป่วยเป็นเบาหวานมาหลายปี โดยการรักษาตลอด 12ปีที่ผ่านมาต้องไปรับยาทุกอาทิตย์ ตื่นตั้งแต่ตี 5เพื่อไปโรงบาล แกบอกว่าทรมานมากใครไม่เป็นไม่รู้หรอก เพื่อนๆแกได้ตัดนิ้ว-แขน-ขา บางคนตาบอด และตายไปก็หลายสิบคนแล้ว พ่อบอกกับแม่ว่าแกมีสูตรสมุนไพรโบราณสมัยคุณปู่ผมที่อยู่ที่มาเลย์เซียก่อนเดินทางมาไทยและนำมาผสมกับสมุนไพรของคุณตาผมที่นำมาจากไร่ที่ จังหวัดเลยผสมชงทานกัน ตอนแรกแกไม่ยอมทาน กลัวสารพัดผ่านไปหลายวันเข้าพ่อผมแกก็ชงทานทุกวันให้แกดูเป็นตัวอย่าง แกเลยยอมหลังจากทานไปสัก 3-4วันแกบอกว่าจะปัสสาวะบ่อยมากและจะมีอาการร้อนวูบวาบ และอาการชาปลายนิ้วตอนเช้าได้หายไปและหลังจากทานไปได้ 7วันแกอยากทานนั่นทานนี่(ปรกติไม่ยอมทานอะไร) ผิวพรรณจากแห้งๆเริ่มมีน้ำมีนวล และขาเริ่มมีกำลังสามารถลุกขึ้นเดินได้ จนแม่ได้พาไปตรวจที่ โรงพยาบาลขอนแก่น ผลออกมาว่าน้ำตาลในเลือดจากเดิม 230 ลดลงเหลือเพียง 115เท่านั้น เอง จนหมอเองก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย แกทานมาได้สักประมาณ 1เดือนแล้วกลับไปวัดน้ำตาลอีกก็ได้รับผลว่าปรกติดี จวบจนถึงปัจจุบันนี้คุณหมอ ได้ทำการแจ้งว่าไม่ต้องมาตรวจแล้วครับ หายจากการเป็นเบาหวานแล้ว ก็ทำให้ทุกคนในบ้านประหลาดใจมากครับ ผมคนนึงที่ไม่เชื่อครับ ก็เลยเอามให้น้องๆที่ทำงานที่ร้อยเอ็ดนำไปให้คนที่บ้านทาน ผลก็เป็นเช่นเดิมกับยายผมทานไปน่าจะประมาณ 83คน มีที่ไม่หาย 3คน ซึ่งจากการสอบถามแล้วได้ความว่าทานไปเพียง 1-3วันแล้วไม่กล้าทานต่อครับ ส่วนท่านอื่นๆปัจจุบันหายขาดแล้วเพราะไม่ได้นำไปทานอีกเลย ผมจึงบอกคนที่หายว่าถ้าทานแล้วหายให้ระลึกถึงคุณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วที่ได้คิดค้นสูตรโบราณนี้ไว้ให้แก่คนรุ่นนี้ครับ อัศจรรย์จริงๆครับ รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อที่ คุณ ธิดา อึ้งนภารัตน์ 123/456 ม.เพรสซิเดนท์ ต.แดงใหญ่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000หรือโทร 083-3459197

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท