ตามหารัฐเจ้าของตัวบุคคลให้แก่เด็กหญิง ลลิตา เทพแปง 2


แล้วเรายังอยากให้เหตุการณ์ในลักษณะอย่างนี้เกิดขึ้นอีกหรือ หรือควรที่จะหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้เพื่อเด็กที่เกิดในประเทศไทยจะได้ไม่ถูกละเมิดสิทธิในการแจ้งเกิดอีก

       ในที่สุด ทางแขวงเม็งราย อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ก็ได้ออกสูติบัตรให้แก่น้องลลิตาแล้ว โดยการที่ทะเบียนท้องถิ่นนั้นได้ทำการสอบสวนตัวมารดาเด็ก โดยให้เหตุผลที่ว่าไม่แน่ใจว่าเป็นมารดาขอเด็กจริง? และไม่แน่ใจว่าตัวมารดาของน้องลลิตานั้นสวมชื่อเข้าไปในทะเบียนประวัติบุคคลบนพื้นที่สูงหรือไม่?

แต่มีคำถามที่ยังคาใจว่า ทำไมละตอนแรกที่พ่อของน้องลลิตาไปแจ้งการเกิดถึงไม่ยอมรับแจ้งเกิดและออกสูติบัตรให้น้องลลิตาเพื่อที่ไม่ให้น้องลลิตาต้องตกเป็นเด็กไร้รรัฐ มีสาเหตุอย่างไร

       จากที่ได้สอบประวัติจากบิดาและมารดาของน้องลลิตาแล้วนั้นพอที่จะสรุปออกมาได้ดังนี้

ก.คือต้องเข้าใจว่าทางทะเบียนท้องถิ้นนั้นมีหน้าที่อย่างหนึ่งด้วยก็คือ ดูเรื่องความมั่นคงด้วยเพราะฉะนั้นแล้วการที่ ตัวมารดาของน้องลลิตาถูกถอดถอนออกจากแบบพิมพ์ทะเบียนประวัติบุคคลบนพื้นที่สูง และไม่เจอรายชื่อของตัวมารดาน้องลลิตาเลย ถือได้ว่าตอนนี้นั้นตัวมารดาของน้องลลิตานั้นได้ตกหล่นจากทะเบียนราษฎร ก็เลยทำให้ทางเจ้าหน้าที่ให้ทางมารดาน้องลลิตาไปดำเนินการทางทะเบียนให้ถูกต้องนั่นก็คือให้ดำเนินการเอาชื่อตัวเองนั้นเข้าสู่ทะเบียนแบบพิมพ์ประวัติให้ถูกต้องเสียก่อน หากทำเสร็จทางทะเบียนท้องถิ่นจะดำเนินการรับแจ้งเกิดให้ ซึ่งหากคิดอย่างนี้แล้วนั้นการที่ทะเบียนท้องถิ่นแนะนำให้ทำอย่างนี้นั้นผลร้ายจะเกิดกับตัวน้องลลิตาเป็นอย่างมาก เพราะเป็นที่เข้าใจกันได้ว่าการที่จะดำเนินการเพิ่มชื่อทางทะเบียนนั้น ณ เวลานี้นั้นเป็นเรื่องที่มีระยะเวลาดำเนินการที่ยังไม่แน่นอน แล้วระหว่างรอการดำเนินการเพิ่มชื่อทางทะเบียนสถานะเด็กจะเป็นอย่างไร หากเด็กมีปัญหาที่จำต้องใช้สิทธิต่างๆ

ข.ในการสอบสวนนั้นทางทะเบียนท้องถิ่นนั้นได้มุ่งประเด็นไปสอบที่ว่าตัวแม่เด็กนั้นได้สวมตัวเข้าไปในทะเบียนประวัติหรือไม่ และพยายามที่จะระบุว่าตัวแม่เด็กนั้นมีสัญชาติไทยใหญ่ โดยทางทะเบียนท้องถิ่นได้ระบุว่าตัวพ่อและแม่ของน้องลลิตายอมรับว่าเป็นคนไทยใหญ่ไม่ใช่พม่า โดยบอกว่าทั้งสองยอมรับว่าเป็นคนสัญชาติไทยใหญ่ โดยไม่มีการอธิบายให้เข้าใจว่าไม่มีสัญชาติไทยใหญ่ในโลกนี้

ค.ทั้งนี้ตัวมารดาของน้องลลิตาเองนั้นก็ได้พาพ่อและแม่ของตัวเองมาด้วย แต่ทางทะเบียนท้องถิ่นนั้นกลับไม่สอบตัวพ่อแม่ของมารดาน้องลลิตาเลย แต่ในสูติบัตรของน้องลลิตานั้นก็ยังได้ระบุว่าตัวมารดานั้นอยู่ที่ประเทศพม่า ทั้งๆในความเป็นจริงแล้วตัวมารดาของน้องลลิตาเกิดที่อำเภอ แม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เหตุใดทำไมถึงไม่สอบตัวพ่อและแม่ของมารดาน้องลลิตาด้วยละ เพื่อที่จะได้ข้อเท็จจริงที่ว่าตัวมารดาของน้องลลิตานั้นเกิดในประเทศไทยจริง ถึงแม้จะไม่สามารถระบุได้ว่ามีสถานะบุคคลอย่างไรในสายตากฎหมายสัญชาติก็ตาม แต่อย่างน้อยก็สามารถระบุได้ว่าไม่มีการสวมบัตรกันจริง

จากที่ได้มาในข้างต้น เจ้าหน้าที่ทะเบียนท้องถิ่นกล่าวอ้างว่าตนได้ทำตามระเบียบฯ ซึ่งนั่นหากทำอย่างนั้นจริงแล้วกว่าเด็กจะมีสถานะที่ไม่ตกเป็นคนตกหล่นทางทะเบียนราษฎรจะอีกยาวนานไหม และหากเจ้าหน้าที่ไม่ยอมปฏิบัติทางแก้ไขก็คือฟ้องต่อศาลปกครองแล้วระยะเวลาที่อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองละน้องลลิตาจะมีสถานะอย่างไรในสายตาของกฎหมายภายในรัฐไทย แล้วความเดือดร้อนจะต้องตกอยู่กับใครมากที่สุดซึ่งคำตอบคงหนีไม่พ้นน้องลลิตาเป็นอย่างแน่แท้

ท้ายบทความนี้ ก็บอกว่ากว่าที่น้องลลิตาจะได้มีสถานะทางทะเบียนราษฎรไทยนั้นตัวน้องลลิตาก็ตกเป็น เด็กไร้รัฐนานถึง 12 วัน

แล้วเรายังอยากให้เหตุการณ์ในลักษณะอย่างนี้เกิดขึ้นอีกหรือ หรือควรที่จะหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้เพื่อเด็กที่เกิดในประเทศไทยจะได้ไม่ถูกละเมิดสิทธิในการแจ้งเกิดอีก

 

หมายเลขบันทึก: 170447เขียนเมื่อ 12 มีนาคม 2008 01:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ก๊อดจิจะตามไปจัดการกรณีของมารดาด้วยไหมคะ ?

กราบเรียนอาจารย์ครับ

เรื่องกรณีของตัวมารดาของน้องลลิตตา นั้นตัวผมจะลงไปติดตามอยู่แล้วครับ เพราะจากที่ได้สัมภาษณ์นั้น ผมเห็นว่ามีการกระทำที่ผิดขั้นตอนจนทำให้เกิดปัญหาขึ้นซึ่งเรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลให้ละเอียดมากกว่านี้ รวมทั้งสืบตัวพยานบุคคลที่จะมารับรองว่าตัวมารดาของน้องลลิตตานั้นเกิดที่ท่าตอนจริง ซึ่งตอนนี้กำลังติดต่อให้พี่สายแดงพาไปหาตัวมารดาน้องลลิตตาที่บ้านเขาอยู่ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท