ร่ำ......สุรา


สุราดี เพื่อนเยี่ยม บรรยากาศใส
ร่ำ.......สุราประสานเพลงกล่อม
 

หอมกลิ่นกาแฟที่เย้ายวนผมยามบ่ายแก่ๆ ผมนั่งตรวจงานของเด็กนักเรียนได้สักพัก
ขยับลมปราณได้เล็กน้อย 
ความคิดอันเป็นกวีก็บังเอิญแล่นผ่านเข้ามา
ย้อนไปครั้งก่อนเก่าแต่คราหลัง บทกลอนของปราชน์นามละบือชื่อ สุนทรภู่ยังก้องกังวาลว่า...
 
      ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง    มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา 
     โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา  ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย 
 
         ไม่เมาเหล้าแล้วเราจะเมารัก    สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน 
         ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป   แต่เมาใจเป็นประจำทุกค่ำคืน
 
แต่ก็มีบางท่านแต่งไว้อย่างน่าฟังว่า...........
 
...
    ร่ำสุรา          แล้วร้องเพลง         ให้ลืมรัก
    อกเจ้าเอ๋ย     ดันมาหัก               เสียแล้วหรือ
    แค่คนสวย     เขากระหน่ำ           ทำกับมือ
    คิดไม่ซื่อ       ถือว่าเก๋า              เท่านั้นเอง

เห็นเราเป็น         แค่หมู              อยู่ในอวย
ใช้ความสวย      บวกความเก๋า   เข้าข่มเหง
ไม่เป็นไร            ร่ำสุรา             มาเป็นเพลง
เมื่อรักเอง           ก็ช้ำเอง          นักเลงพอ
และยังมี......
ร่ำสุรากับเพื่อนเก่าเล่าความหลัง
ตราบชีพยังวันนี้มีสหาย
มิตรภาพเกิดจากเหล้าเข้ากันได้
รินเอาอย่าเมาไปให้ทราบซึ้งฯ
	
และก็.......
บทเพลงเย้ยยุทธจักรดังขับขานเหนือขุนเขา
สุราเยี่ยมยอดขนาดไหนหากไร้เพื่อนที่ถูกใจ
ย่อมไร้คุณค่า
สุราดี เพื่อนเยี่ยม บรรยากาศใส 
จะหาสิ่งใดมาทดแทน
ร่ำสุรา อ่านกวีเย้ยจันทรา
นั่งล้อมวงรอบกองไฟกลางหุบเขา
ให้สายหมอกค่อยๆลูบไล้ทั่วเรือนกาย
จิบสาโท อุ เหล้าข้าวโพด สูตรชาวบ้าน
เหล้าแห่งทุนนิยมที่ผูกขาดอย่างหวังว่าจะได้ย่างกราย
ภูมิปัญญาแห่งชนเผ่า
 มีมานานเรื่องหมักดองและของเมา
แต่ต้องมาหลบซ่อนเพราะอำนาจแห่งทุน
ต่างจากประเทศอารย
ที่แต่ละเมืองมีเหล้า หรือสินค้าประเภทนี้ 
เป็นเอกลักษณ์ประจำเมือง

เห็นภาพนี้แล้วทำให้นึกถึงบทกวีของโอมาร์คัยยัม
 ในหนังสือเรื่อง รุไบยาท ที่แปลโดย แคน  สังคีต

             *** จำเพื่อลืม       ดื่มเพื่อเมา         เหล้าเพื่อโลก
                    สุขเพื่อโศก     หนาวเพื่อร้อน    นอนเพื่อฝัน
                    ชีวิตนี้            มีค่านัก              ควรรักกัน
                    รวมความฝัน   กับความจริง       เป็นสิ่งเดียว
                       ไม่ว่าเป็น     นครใหญ๋            ไพศาลสุด
                     พระสมุทร      พื้นสุธา              ภูผาเขียว
                     แต่ละหยด      รสเหล้าหลั่ง        ดุจดั่งเกลียว
                    จักโน้มเหนี่ยว  นำโลก              สู่โขคชัย
**ว่าไงครับทุกคน...everyone!!.....CHEERS!!!
หมายเลขบันทึก: 170377เขียนเมื่อ 11 มีนาคม 2008 18:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท