ก่อนจะนอน นึกขึ้นได้ค่ะ ว่ายังไม่ได้บันทึกเรื่องสำคัญอีกเรื่อง คือบันทึกความรู้ที่ได้จากการเรียนวิชา CFED 517 Promotion and Intervention for Human Development ในเรื่องที่เกี่ยวกับ การส่งเสริมและพัฒนากเด็กเร่ร่อน เด็กด้อยโอกาส หรือคนพิการ ซึ่งอยู่ในขอบข่ายของเด็กด้อยโอกาส ครั้งนี้ ผู้ที่มาถ่ายทอดประสบการณ์การเรียนรู้คือดร.สุณีย์ กัลยะจิตร (อาชญวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล) ประเด็นการเรียนรู้ในครั้งนี้ คือได้เรียนรูเกี่ยวกับโครงการที่ช่วยเหลือเด็กเร่ร่อน สรุปประเด็นความรู้อย่างคร่าวๆคือ จริงๆแล้วเด็กเร่ร่อน นี่ก็มีหลายประเภท ทั้งเร่ร่อนชั่วคราว และเด็กเร่ร่อนถาวร เร่ร่อนเพราะไม่มีที่อยู่อาศัย เร่ร่อนแบบเช้าไปดึกกลับ เห็นบ้านเป็นแค่ที่ซุกหัวนอน แต่ประเภทของการเร่ร่อนนี้ มีสาเหตุซึ่งเป็นปัจจัยร่วมที่มีนัยสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเลยก็คือ เด็กที่มีปัญหาครอบครัว ซึ่งเราก็ทราบกันดีแล้วว่าปัญหาครอบครัวมีอะไรบ้าง ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร ได้เล่าประสบการณ์ให้ฟังเกี่ยวกับงานวิจัยของท่านว่า ท่านทำวิจัยกับเด็กกลุ่มนี้พบข้อมูลที่น่าสนใจ เช่น เด็กบางคน มีฐานะดี แต่ไม่อยากอยู่บ้าน เพราะไม่มีใครอยู่จึงออกมาเร่ร่อน หรือว่า เร่ร่อน เพราะส่วนใหญ่บรรพบุรุษเร่ร่อนมาก่อน ทั้งนี้ ปัญหาเด็กเร่ร่อน เป็นปัญหาที่กฎหมายก็เข้ามาจัดการยาก ทุกวันนี้จึงยังเห็นเด็กเร่ร่อนอยู่เกลื่อนเมือง โดยเฉพาะ กทม. เด็กเร่ร่อน เป็นกลุ่มเด็กที่นับว่ากลุ่มเพื่อนมีความเหนียวแน่นที่สุด จะไม่ยอมแยกจากกลุ่ม ซึ่งนำไปสู่การกระทำผิดกฎหมายได้ง่ายมาก ส่วนใหญ่คดีที่เจอคือ การลักเล็กขโมยน้อย ทำให้ต้องถูกจับและต้องไปอยู่ตามสถานพินิจต่างๆ มีหลายฝ่ายที่เล็งเห็นปัญหานี้ หันมาร่วมมือกัน จัดโครงการเกี่ยวกับการช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ ยกตัวอย่างเช่น โครงการครูข้างถนน ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือเราชอบเรียกกันว่า กระทรวงพ่อแม่ ทุกวันนี้ จำนวนครูข้างถนนมากขึ้น เป็นที่น่าชื่นใจนะ เด็กกลุ่มนี้กำลังได้รับการช่วยเหลือ ให้มีทักษะในการดำเนินชีวิต มีคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งส่วนใหญ่โครงการต่างๆเพื่อเด็กเร่ร่อนจะเน้นเกี่ยวกับทักษะการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อให้เด็กกลุ่มนี้ได้อยู่รอดในสังคมโดยที่ตัวเอง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคม และเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ที่จริงก็ยังมีอีกลายโครงการ ซึ่งคล้ายๆกัน ซึ่งหน่วยงานที่จัดโครงการประเภทนี้ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม กรมสุขภาพจิต กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ก็น่ายินดี ถ้าหน่วยงานเหล่านี้ยังให้ความสำคัญกับเด็กกลุ่มนี้ต่อไป แต่การจัดโครงการแบบนี้ คงจะลดจำนวนเด็กเร่ร่อนไม่ได้ นอกจากจะเป็นการช่วยที่ปลายเหตุเท่าน้ัน การจะช่วยให้เด็กเร่ร่อน ลดจำนวนลงนั้น เป็นเรื่องที่ยาก ที่เราต้องขบคิดกันต่อไปว่า จะทำอย่างไร ใครจะเป็นคนจัดการ หรือเราในฐานะคนตัวเล็กๆในสังคม จะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง แต่อย่างน้อยก็คิดแล้วว่า จะไปสมัครเป็นอาสาสมัครครูข้างถนนดีกว่า อย่างน้อย สัปดาห์ละวันก็ยังดี
เด็กเร่รอนในปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นค่ะ
เนื่องจากสาเหตุของเรื่องเศรษฐกิจและสังคมม
ประชาชนละทิ้งถิ่นฐานอพยพเข้าสู่ตัวเมืองในสภาพที่ไม่พร้อม ขัดสนยากจนต้องอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด สองข้างทางรถไฟ บุกรุกที่สาธารณะ
ประกอบกับมีเด็กเร่ร่อนต่างชาติที่หลั่งไหลมาจากประเทศเพื่อนบ้านติดพรมแดนไทย ได้แก่ สหภาพพม่า ลาว และกัมพูชา ทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนเด็กเร่ร่อนในประเทศไทยมากขึ้น
ปัจจุบันนี้ เห็นว่ามี 30,000 คนจากข้อมูล ของคณะกรรมการพัฒนายุทธศาสตร์สำหรับแก้ไขปัญหาเด็กยากจน และเด็กด้อยโอกาส มอบหมายให้คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ
สวัสดีครับ
ครูข้างถนน จากสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็ก และ ครอบครัว จะมีบ้างไหมครับ
สวัสดีคะ ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อส้มคะ พอดีส้มสนใจหลักสูตรพัฒนาการมนุษย์แต่ไม่ค่อยมีข้อมูลเท่าไหร่ เลยจะรบกวนถามเป็นข้อๆนะคะ
1.เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้างคะ
2.จบแล้ว สามารถนำความรู้ไปทำงานที่ไหนต่อได้บ้าง
3.ใช้เวลาเรียนกี่ปีคะ (2ปีหรือเปล่า?)
ขอขอบคุณล่วงหน้าที่ช่วยตอบคำถามนะคะ
ตอบคำถามค่ะ
1. เรียนเกี่ยวกับพัฒนาการของคนเราทุกๆด้านค่ะ (bio psycho social)
2. ส่วนใหญ่คนที่มาเรียนสาขานี้มีงานอยู่แล้วค่ะ มาเรียนเพื่อต่อยอด แต่ก็มีนะคะ จบไปก็ไปทำงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็ก ครอบครัว อะไรทำนองนี้ค่ะ
3. ใช้เวาเรียน ทฤษฎี แค่ปีเดียวค่ะ หลังจากนั้นก็จะเป็นthesis ภายใน 5 ปีค่ะ ถ้ายังไงก็ลองเข้าดู เว็บไซด์ นะคะ www.gradmahidol.ac.th
ถ้ามีอะไรก็เมลล์มาได้โดยตรงเลยนะคะจะได้ติดต่อกันโดยตรงค่ะ ยินดีมากค่ะ