ตอนนี้ที่บ้านกำลังมีกิจกรรมทยอยส่ง “ตะแล๊บแก๊บ” หรือ “โทรเลข” หรือ “Telegraph” ซึ่งจะหยุดให้บริการในสิ้นเดือนเมษายน พ.ศ.2551 นี้ ให้ลูกหลานเก็บเป็นที่ระลึกคนละฉบับ เนื่องจากพอจะมีญาติโยมอยู่แถวๆ ไปรษณีย์กลางจึงสะดวกโยธิน และเจ้าหน้าที่ก็จะดีใจมากที่มีคนไปใช้บริการ ส่งไปแล้วญาติโยมก็โทรบอกปลายทางว่าส่งแล้วนะให้คอยรับ
ฝ่ายปลายทางก็ตั้งใจร้อรอดูว่าเจ้าโทรเลขหน้าตาเป็นอย่างไร พอได้รับซองเขียวๆ ก็บอกว่านี้นะหรือ ก็ต้องอธิบายกันยืดยาว แต่สรุปว่าก็เหมือนกันที่พวกหนูส่งเอ็มกัน แต่สมัยก่อนไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์สาธารณะก็ไม่มี โทรศัพท์บ้านแทบไม่เห็น การสื่อสารแบบเร็วที่สุดก็จะใช้วิธีส่งโทรเลขและถือว่าราคาสูง ผู้เฒ่าผู้แก่รุ่นทวดชอบพูดว่าไปส่ง ตะแล๊บแก๊บ เพราะมาจากคำว่า “Telegraph” และยังเล่าเลยไปถึงการเคาะรหัสมอร์สที่ควรจะรู้จักและน่าจะฝึกฝน เพราะเป็นรหัสสากลนอกจากภาษาพูด ที่จะควรจะได้รู้ไว้เรื่องนี้ลูกบอกว่าอ๋อเคยเห็นเพราะเห็นในหนัง
ส่วนที่ส่งให้เพราะเนื่องจากอยากให้พวกหนูเก็บไว้เล่าให้ลูกหลานฟัง แถมคาดว่าจะเป็นของแปลก ของหายากเมื่อพวกหนูโตขึ้น
จำได้ว่าตนเด็กๆ ต้องเรียนวิธีส่งโทรเลข ส่วนข้อสอบมักถามว่า อะไรเป็นการสื่อสารที่เร็วที่สุด แต่ไม่เคยเห็นหรอกว่าหน้าเป็นอย่างไร มาเป็นเรื่องใกล้ตัวก็สมัยตอนเรียนมัธยมปลาย ที่มีเพื่อนจากต่างจังหวัด เพราะเพื่อนชอบชวนไปไปรษณีย์ และก็ไปโทรเลขกลับไปหาพ่อแม่ เช่น “ถึงแล้ว” ใช้ตอนจากบ้านไปเรียนหนังสือ “พรุ่งนี้ 10 โมงรับที่สถานีรถไฟด้วย” ใช้ตอนจะกลับบ้าน และ “ส่งเงินด้วย” เรื่องนี้สำคัญไว้ใช้ตอนใกล้สิ้นเดือนหรือตอนขัดสน
ช่วงนี้ใครสนใจจะเก็บโทรเลขเป็นที่ระลึก ก็ยังพอจะมีเวลาอีกหลายวัน
ข้อความ
ด่วน โทรเลขจะหยุดให้บริการแล้ว