ความเปลี่ยนแปลง


บทความนี้พยามสะท้อนแนวความคิดของ ลัทธิมากซ์ (Marxism โดยมีวัตถุประสงค์ เรียนมากซ์เพื่อแก้มากซ์




เจว็ด คือรูปเทพารักษ์ที่ประดิษฐานไว้ในศาลพระภูมิหรือศาลที่สร้างขึ้นในการประกอบพิธีทางศาสนาและความเชื่อต่างๆ เช่น หากทำเป็นรูปเทวดาถือคันไถ ก็จะใช้ในพิธีแรกนาขวัญ สำหรับเจว็ดชินนี้เป็นรูปเทวดาถือสมุด อีกมือหนึ่งถือแส้ มีความหมายคล้ายกับพระภูมิเจ้าที่ของจีน ซึ่งมีหน้าที่รักษาทะเบียนมนุษย์ ผู้ใดในหมู่บ้านซึ่งอยู่ในท้องที่พระภูมิดูแลรักษาอยู่ มีการทำบุญหรือทำบาปก็จะถูกจดบันทึกไว้ในสมุดทะเบียนนั้นไว้

 

รศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ แห่ง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เขียนบทความเรื่อง การเมืองและสังคมไทยร่วมสมัยความเสี่ยงของตุลาการภิวัตน์ และย้อนรอยปฏิญญาฟินแลนด์ เผยแพร่บนเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 950 ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2549 ความว่า


เรื่องที่ 3. "ย้อนรอยปฏิญญาฟินแลนด์"

ผมไม่ทราบหรอกครับว่า "ปฏิญญาฟินแลนด์" ที่ร่ำลืออื้อฉาวกันอยู่ตอนนี้มีจริงหรือไม่?

แต่ถ้าข้อ 4 ของมันที่ว่ากันว่า "ทำให้สถาบันกษัตริย์เป็นแต่เพียงสัญลักษณ์ให้มากที่สุด.." เป็นตัวการทำให้ผู้คนวิตกวิจารณ์ที่สุดเกี่ยวกับ "อุดมการณ์การเมืองใหม่" จนถึงแก่ต้องลุกขึ้นประกาศ "ปฏิญญาธรรมศาสตร์" ออกมาทัดทานทวนกระแสกลางหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว

ในฐานะครูสอนวิชาการเมืองการปกครองของไทยที่รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ มาหลายปี ผมก็ใคร่ขอเรียนว่าความมุ่งหมายทำนองนี้ไม่ใช่อะไรที่ "คิดใหม่ ทำใหม่" ในการเมืองไทย หากเคยมีผู้พยายามทำมานานแล้ว ย้อนรอยกลับไปได้ถึงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ด้วยซ้ำไป! และผู้รู้การเมืองไทยสำคัญ 2 ท่านซึ่งบันทึกเรื่องนี้ไว้ตรงกันโดยไม่ได้รู้จักนัดหมายกันมาก่อนก็ได้แก่:-

1) รัฐบุรุษอาวุโสปรีดี พนมยงค์ ผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง
2) ศาสตราจารย์เบเนดิก แอนเดอร์สัน ครูสอนรัฐศาสตร์ของผมที่มหาวิทยาลัยคอร์แนลสหรัฐอเมริกา

ในบทความเรื่อง "จงพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน 14 ตุลาคม" (ตีพิมพ์ครั้งแรกในวารสาร อมธ. ฉบับวันที่ 10 ธันวาคม 2516) ที่อาจารย์ปรีดี พนมยงค์ เขียนภายหลังเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 ไม่นาน ตามคำขอของคณะกรรมการจัดงานสังสรรค์ชาวธรรมศาสตร์ในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ประจำปี 2516 นั้น มีความตอนหนึ่งกล่าวถึงสถาบันประมุขรัฐกับระบอบเผด็จการของประเทศต่างๆ ในอดีตว่า:-

"5.9 ประวัติศาสตร์และปรากฏการณ์ปัจจุบันของหลายประเทศ ที่สถาปนาประมุขรัฐเพียงเสมือนเป็นรูปเทพารักษ์ที่ประดิษฐานไว้ให้ศาลพระภูมิหรือศาลเจ้านั้น ก็เพื่อบุคคลอื่นมีอำนาจเผด็จการ"

ก. "เมื่อศตวรรษที่ 11 ในประเทศญี่ปุ่นได้มีผู้แสดงว่าเคารพพระจักรพรรดิเป็นที่ยิ่งแล้ว จึงเทิดทูนพระองค์ท่านเสมือนเทพารักษ์สืบสายจากเทพเจ้าดวงอาทิตย์ ให้พระองค์หมดพระราชอำนาจและภารกิจแผ่นดิน โดยทรงบำเพ็ญกรณีในพิธีศาสนา และประทับพระราชลัญจกรตามที่ผู้เผด็จการระบบ "โชกุน" ต้องการเท่านั้น" (อ้างจาก ปรีดี พนมยงค์กับสังคมไทย, น. 444)

สี่ปีให้หลังในบทความวิชาการภาษาอังกฤษ ที่ขึ้นชื่อว่าวิเคราะห์การเมืองไทยจาก 14 ถึง 6 ตุลาฯ ได้ดีที่สุดเรื่อง "บ้านเมืองของเราลงแดง: แง่มุมทางสังคมและวัฒนธรรมของรัฐประหาร 6 ตุลาคม" ("Withdrawal Symptoms: Social and Cultural Aspects of the October 6 Coup," Bulletin of Concerned Asian Scholars, 9: 3 (July-September 1977), 13-30.) ศาสตราจารย์เบเนดิก แอนเดอร์สัน ได้ใช้คำว่า palladium และ shogunal ("รูปเทพารักษ์" กับ "โชกุน") มาบรรยายความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันประมุขรัฐ กับระบอบเผด็จการทหารของไทยเช่นกัน

อนึ่ง คำว่า palladium นี้ควรแปลว่า "รูปเทพารักษ์" -อันเป็นคำเดียวกับที่อาจารย์ปรีดีใช้ข้างต้น-จะถูกต้องแม่นยำกว่า "เทวาลัย" ดังที่เคยแปลกัน เพราะมีความหมายภาษาอังกฤษ "a safeguard or source of protection" จากรากศัพท์กรีกแต่เดิมที่มีความหมายว่า "a protecting deity" (The Concise Oxford Dictionary, 9the edition, 1995, p. 984)

ข้อความที่ครูเบ็นเขียนไว้มีดังนี้:-

"ในยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม ในปลายพุทธทศวรรษ 2470 กับต้นพุทธทศวรรษ 2480 จอมพลผู้เผด็จการต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อจะสร้างความชอบธรรมให้กับอำนาจของตัว ด้วยการโฆษณาปลุกระดมลัทธิชาตินิยม เขาสามารถทำให้ระบบราชการ ที่สำคัญคือกองทัพซึ่งเป็นฐานอำนาจที่แท้จริงของเขา ปรากฏออกมาเป็นผู้พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติให้กับส่วนรวม ตอนนี้จะเห็นภาพที่กระจ่างชัดกว่าที่ผ่านมา นั่นคือชาติกับพระมหากษัตริย์กลายเป็นสองความคิด ที่แยกออกจากกันได้ในทางภูมิปัญญา โดยที่รัฐ (ที่สำคัญก็คือกองทัพ) เป็นตัวแทนของชาติ และในเวลาเดียวกันก็เป็นผู้พิทักษ์พระมหากษัตริย์ พัฒนาการนี้ที่สำคัญคือช่วยทำให้สถาบันกษัตริย์กลายเป็นรูปเทพารักษ์อันมีค่ายิ่งของชาติไป"

"คนที่ช่วยนำเอาศักยภาพแบบ "โชกุน" ของลัทธิทหารยุคแรกของจอมพล ป.พิบูลสงครามออกมา และจากนั้นก็เปลี่ยนบรรยากาศทั้งหมดของการเมืองไทยไปอย่างมีนัยสำคัญได้แก่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" (ดัดแปลงจากคำแปลใน จาก 14 ถึง 6 ตุลา, น. 126 - 27)

อุปมาอุปไมย "รูปเทพารักษ์" กับ "โชกุน" ดังกล่าวมานี้ทำให้ระลึกถึงความเปรียบที่ฟังดูคล้องคล้ายกันในกาพย์กลอนชิ้นหนึ่งก่อนหน้านี้ของอัศนี พลจันทร (นายผี) เรื่อง "ความเปลี่ยนแปลง" (2495) ซึ่งบรรยายความสัมพันธ์อันสลับซับซ้อนระหว่าง พลังการเมืองฝ่ายต่างๆ ในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ไว้อย่างคลุมเครือมีเงื่อนงำชวนพิศวงว่า:-


"เสียงไพร่กระฎุมพี คือจิงหรีดที่ในรู
ใช่เสียงที่เหล่าสู จะสนใจให้ป่วยการ
บัดพวกกระฎุมพี ก็บ่อาจจะทนทาน
จึงผลุนขึ้นเผาผลาญ ทุรภาพเป็นผุยผง
คือสี่ทหารเสือ ที่อุกอาจทะนงองค์ 
ผลุนปรี่เข้าไปปลง เอาทรากศพที่แสนโทรม
พวกทาสกสิกร ก็เป็นกลางบ่รุกโรม
จึงศักดินาโทม- มะนัสท้อฤทัยไท
ขอเอาอังคารมา แลบูชาด้วยอาลัย
สร้างศาลขึ้นสมใจ แลจะปองเป็นปรนผี
แล้วสี่ทหารเสือ เอาเจว็ดมาทันที
ไว้ศาลให้สมศรี ก็สำหรับจะเป็นกล
สมยอมแลขัดแย้ง อุตส่าห์แสร้งด้วยจำจน
จงล่วงจะลวงคน ให้กลัวเกรงอยู่ชั่วกาล
ฝ่ายหนึ่งเฝ้าปลุกผี จะให้โลดกำแหงหาญ
ฝ่ายหนึ่งขนาบศาล สำหรับล่อให้คนหลง"



ฝ่ายที่ปลุกผีฝ่ายหนึ่ง กับฝ่ายที่ขนาบศาลอีกฝ่ายหนึ่ง ของนายผีหมายถึงใครเมื่อปี 2475? และสองฝ่ายนั้นน่าจะอุปมาอุปไมยถึงใครได้ในวาระกำลังจะบรรจบครบรอบ 30 ปีเหตุการณ์ฆ่าหมู่และรัฐประหาร 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ในปีปัจจุบัน? จบบทความรศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ เพียงเท่านี้




"ฝ่ายหนึ่งเฝ้าปลุกผี จะให้โลดกำแหงหาญ
ฝ่ายหนึ่งขนาบศาล สำหรับล่อให้คนหลง"



นายผีใช้ชอบสัญลักษณ์ อ่านแล้วก็งง ผู้เขียนเพิ่งอ่านเจอ บทความของ รศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ จึง ถอดสัญลักษณ์ ได้บางส่วน ความว่า

ผี คือ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ที่โดนคณะราษฎร์ ฆ่า จนกลายเป็นผี

ฝ่ายที่จะปลุกผี ให้มีชีวิต ก็คือ พวกอนุรักษณ์นิยม ที่ยังคงเห็นว่าระบอบประชาธิปไตย ยังไม่เหมาะสมกับสังคมไทย และพยามที่จะก่อการชิงอำนาจคืนจากคณะราษฎร์ ยกตัวอย่างเช่น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช แต่กระทำการ ไม่สำเร็จ จึงกลายเป็นกบถ เรียกสั้นๆ ว่า กบถบวรเดช

ส่วนฝ่ายคณะราษฎร์ (โชกุน) นั้นไม่นิยมปลุกผี (ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ตายแล้ว) แต่นิยม สร้างศาลเพียงตา (สร้างระบบประชาธิปไตยกึ่งผด็จการทหาร) โดยตั้งรูปเจว็ดแด่ภูติผี หวังให้ประชาชนกราบไหว้ ดังที่ นายผี แต่งกาพย์ยานี ซ่อนสัญลักษณ์ ไว้ความว่า


ขอเอาอังคารมา แลบูชาด้วยอาลัย
สร้างศาลขึ้นสมใจ แลจะปองเป็นปรนผี
แล้วสี่ทหารเสือ เอาเจว็ดมาทันที
ไว้ศาลให้สมศรี ก็สำหรับจะเป็นกล

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน (ฉบับออนไลน์) ให้คำจำกัดความคำว่า เจว็ดไว้ ความว่า

เจว็ด [จะเหฺว็ด] น. แผ่นไม้รูปคล้ายใบเสมา เขียนหรือแกะเป็นรูปเทพารักษ์
ประดิษฐานไว้ในศาลพระภูมิหรือศาลเจ้า มักทำเป็นรูปเทวดาถือ
พระขรรค์, โดยปริยายหมายความว่า ผู้ที่ได้รับยกย่องให้เป็นประธาน
หรือเป็นใหญ่ แต่ไม่มีอำนาจ เช่น ตั้งเป็นเจว็ดขึ้นไว้, ใช้ว่า ตระเว็ด หรือ
เตว็ด ก็มี.

อัศนี พลจันทร นั้นมีความเลื่อมใสในลัทธิมากซ์ (Marxism)  บทความนี้พยามสะท้อนแนวความคิดของ ลัทธิมากซ์ โดยมีวัตถุประสงค์ เรียนมากซ์เพื่อแก้มากซ์ นั่นเอง



รูปภาพ เทพารักษ์ (เจว็ด) ณ วัดโชติทายการาม เดิมเรียกว่าวัดใหม่ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 เป้นวัดที่เกิดขึ้นหลังการขุดคลองดำเนินสะดวก 11 ปี นับเวลาได้ 108 ปี มาแล้ว

หมายเลขบันทึก: 168708เขียนเมื่อ 2 มีนาคม 2008 21:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 14:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีครับ

เขียนเยอะอ่านไม่ทันครับ :) แต่ผมนำบล็อกเข้าแพลนเน็ตแล้ว ค่อยตามอ่านทีหลังได้

สำหรับกลอนนั้น ลองเขียนในตาราง 2 สดมภ์ จะได้วรรคตอนที่อ่านง่ายครับ (แต่ไม่ต้องแสดงเส้นขอบตาราง)

 

  • ขอบคุณคัรบคุณ P  ธ.วั ช ชั ย เขียนไว้นานแล้วครับพยามค่อยๆนำมาลง

ขอบคุณมากค่ะ คุณกวิน  อ๋อเคยอ่านบทความของ รศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ได้มาอ่านอีกครั้งและได้ข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมดีๆมากมาย ดีใจจังค่ะ ขอบคุณมากๆๆค่ะ

ตามคุณอ๋อมาจ๊ะ

คุณกวินสบายดีนะคะ

  • คุณ อ๋อทิงนองนอย  ..อ่านงานของ ดร.เกษียร ด้วยนี่เอง ถึงว่าคมความคิด..ละม้ายนักรัฐศาสตร์หัวก้าวหน้า :) ผมก็ชอบอ่านนะแต่ช่วงหลังหันมาอ่านแนวธรรมะซะเยอะ...นะครับ
  • สวัสดีครับคุณ jaewjingjing สบายดีครับบบบบผมไม่พาถุงทองมาด้วยเหรอครับ :)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท