ในเรื่องระบบสารสนเทศ
ที่มาและความสำคัญของปัญหา
ในกระแสการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศ (information Technology
หรือ IT)
ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์และการสื่อสารเข้ามาช่วยในการติดต่อและส่งผ่านข้อมูลให้เป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เป็นเหตุให้ข้อมูลข่าวสารหรือสารสนเทศได้มีความสำคัญมากขึ้นจนกลายเป็นทรัพยากรยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับการบริหารองค์การต่าง
ๆ ไม่ว่าจะเป็นในภาครัฐหรือเอกชนก็ตาม
กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานซึ่งมีภาระหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข
ของประชาชนในประเทศไทย
ได้ตระหนักถึงความจำเป็นและให้ความสำคัญกับการจัดระบบและบริหารสารสนเทศจึงได้มีการจัดตั้ง
ศูนย์สารสนเทศกระทวงมหาดไทย
ขึ้นเพื่อเป็นหน่วยงานกลางของกระทรวงมหาดไทยในการวางระบบและประสานให้มีการบริหารข้อมูลอย่างเป็นระบบต่อเนื่องทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
ซึ่งในขั้นต้นได้ดำเนินการพัฒนาระบบข้อมูลไป 2 ประเด็นใหญ่ ๆ คือ
การจัดทำระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (MIS)
ในระดับกระทรวงโดยวางระบบฐานข้อมูลเบื้องต้นไว้ 12 กลุ่ม
และพัฒนาระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS)
จากการวางระบบและจัดเก็บรวบรวมข้อมูลที่ผ่านมานั้นได้มีการแบ่งข้อมูลเป็น
2 ชุด คือ ข้อมูลมหาดไทยและข้อมูลจังหวัด
แต่การดำเนินการจัดทำข้อมูลดังกล่าวยังไม่มีการจัดระบบการบริหารข้อมูลที่เป็นระบบและให้มีความต่อเนื่อง
ทำให้ไม่สามารถบริหารข้อมูลได้ทันสมัยตลอดเวลา
รวมทั้งการนำเสนอข้อมูลไม่สอดคล้องกับความต้องการใช้งาน เป็นต้น
ในปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยได้เน้นถึงความสำคัญในการวางระบบบริหารข้อมูลให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องมากขึ้น
จึงมีนโยบายเน้นหนักในปี 2538
ที่จะดำเนินการพัฒนาและสนับสนุนให้มีระบบข้อมุลสารสนเทศเพื่อการบริหาร
การวางแผน การตรวจติดตาม การรายงานผล
โดยพัฒนาประสิทธิภาพการวางระบบข้อมูล
ระบบคอมพิวเตอร์และระบบโทรมคมนาคมเพื่อการสื่อสารข้อมูลและงบประมาณอย่างต่อเนื่อง
ให้เป็นระบบครบวงจรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ซึ่งในการจัดระบบและบริหารสารสนเทศของกระทรวงมหาดไทยและจังหวัด
ได้เป็นไปตามแนวความคิดและหลักการที่ว่าข้อมูลสถิติเพื่อการกำหนดนโยบารย
(Policy Data) การวางแผน (Planning Data) และการบริหารงานประจำวัน
(Operation Data)
มีลักษณะและระดับของข้อมุลที่แตกต่างกันเพื่อความเหมาะสมของการใช้งานแต่ละระดับ
อย่างไรก็ตามในสภาพความเป็นจริงของมูลในแต่ละระดับต่างมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน
ดังนั้นจึงมีความจำเป็จต้องมีการจัดวางระบบและบริหารสารสนเทศให้เหมาะสมกับระดับและสภาพของข้อมูลแต่ละตัวด้วย
(ศูนย์สารสนเทศ กระทรวงมหาดไทย, 2538)
การจัดวางระบบสารสนเทศสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอีกประการหนึ่งก็คือการกำหนดมาตรฐานข้อมูลจากส่วนกลางที่สามารถเชื่อมโยงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและเหมือนกันในเรื่องเดียวกันระหว่างข้อมูลมหาดไทยและข้อมูลจังหวัด
จากสภาพปัจจุบันระบบข้อมูลจังหวัดมีปัญหาและข้อจำกัด สรุปได้ดังนี้
-
การขาดหน่วยงานกลางที่รับผิดชอบระบบข้อมูลจังหวัดโดยตรง
ทำให้ระบบข้อมูลขาดความเป็นเอกภาพ ขาดมาตรฐาน
รวมทั้งขาดการประสานเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภายในจังหวัดและขาดความต่อเนื่องไม่ครบถ้วน
อีกทั้งข้อมูลยังไม่เป็นปัจจุบัน
-
ศูนย์ข้อมูลที่มีอยู่ไม่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้เนื่องจากขาดการจัดระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารที่ดี
ซึ่งมีสาเหตุมากจากการขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญโดยตรง
ขาดการสนับสนุนทางด้านเทคนิค อาทิเช่น การพัฒนาโปรแกรม
การวางระบบข้อมูลดิบของทางราชการมีเป็นจำนวนมากแต่ไม่สามารถจัดเก็บหรือรวบรวมเป็นระบบฐานข้อมูลเพื่อการเรียกใช้ที่มีประสิทธิภาพ
-
ระเบียบข้อบังคับในการรายงานข้อมูลจากส่วนกลางกำหนดข้อจำกัดไว้มากมายเกินความจำเป็น
จากข้อจำกัดของระบบข้อมูลจังหวัดและแนวนโยบายเน้นหนักในด้านการวางระบบบริหารข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว
เพื่อให้การบริหารราชการทั่วไปในจังหวัดและการวางแผนพัฒนาจังหวัด
ซึ่งมีสำนักงานจังหวัดรับผิดชอบโดยตรงได้มีระบบการติดตามประเมินผลแผนพัฒนาจังหวัดและเป็นศูนย์ข้อมูลจังหวัดที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
กระทรวงมหาดไทยจึงได้ตั้งฝ่ายข้อมูลและติดตามประเมินผลขึ้น
เพื่อรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดทำระบบข้อมูลข่าวสาร
ข้อมูลเพื่อการบริหารและข้อมูลเพื่อการวางแผน การวิเคราะห์ข้อมูล
รวมทั้งการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนงานและโครงการ
จากหน้าที่ความรับผิดชอบของฝ่ายข้อมูลและติดตามประเมินผลนั้นจะเห็นได้ว่า
ข้อมูลของจังหวัดซึ่งมีการจัดเก็บในหลายหน่วยงานและหลากหลายรูปแบบยังไม่ได้มีการรวบรวมและจัดทำให้เป็นระบบเพื่อให้เกิดความสะดวกในการใช้งานและมีความเป็นปัจจุบันสอดคล้องกับความต้องการใช้งานอย่างแท้จริง
จังหวัดเชียงใหม่ในฐานะที่เป็นเมืองหลักตามนโยบายการพัฒนาเมืองหลักในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 6 (2530 – 2534)
น่าจะเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมในด้านข้อมูลแทบทุกด้าน
เพียงแต่ยังมิได้ดำเนินการจัดทำให้เป็นระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารงานจังหวัดอย่างแท้จริงเท่านั้น
ดังนั้น การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารงานจังหวัด :
ศึกษากรณีจังหวัดเชียงใหม่ จึงเป็นประเด็นที่ผู้วิจัยสนใจศึกษา
นอกจากจะเป็นการศึกษาหาแนวทางและรูปแบบการจัดระบบสารสนเทศในภาพรวมของจังหวัดเพื่อนำมาใช้ในการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว
ยังอาจเป็นแนวทางให้กับจังหวัดอื่นได้นำไปปรับใช้ให้เหมาะสมมากขึ้น
อ้างอิง
ก้องเกียรติ อัครประเสริฐกุล, ผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศ
สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย.
สัมภาษณ์, 14
พฤศจิกายน 2539.
กาศพล แก้วประพาส. หัวหน้าฝ่ายพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์
สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย,
สัมภาษณ์, 14 พฤศจิกายน 2539.
ครรชิต มาลัยวงศ์,
ทัศนะไอที. กรุงเทพมหานคร :
ศุนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอกนิกส์และ
คอมพิวเตอร์แห่งชาติ, 2540.
——–,
ไอทีกับธุรกิจแนวคิดและแนวทาง.
กรุงเทพมหานคร : ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และ
คอมพิวเตอร์แห่งชาติ, 2537.
จาดุร อภิชาตบุตร.
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, สัมภาษณ์, 23
ธันวาคม 2539.
ฉัตรชัย สุมามาลย์,
การสื่อสารข้อมูลคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย.
กรุงเทพมหานคร :
บริษัท
ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด, 2539.
ชัยวุฒิ ชัยพันธุ์,
ทฤษฎีระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการสำหรับนักเศรษฐศาสตร์.