โชคร้ายของผู้รับบริการ ที่ต้องโดนเร่งให้ออกจากโปรแกรมการฟื้นฟูสมรรถภาพจากหน่วยงานของรัฐ เพราะปริมาณผู้ป่วยต่อคิวจ่ออยู่จนล้นเกินว่าที่ รพ. หรือบุคลากรจะรับมือได้อย่างมีประสิทธิผล หรือโดนเร่งออกจากหน่วยงานเอกชน เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงและเลือกปฏิบัติในคุณภาพที่ต่ำกว่าปกติสำหรับผู้ป่วยในระบบการประกันสังคม
โชคดีที่ยังมีคลินิกกิจกรรมบำบัด ที่น้องๆ อาจารย์และนักกิจกรรมบำบัด เป็นกลุ่มชนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจศึกษาแก่นแท้ของวิชาชีพกิจกรรมบำบัดและสร้างสรรค์คุณภาพของโปรแกรมการประเมินและรักษาอย่างต่อเนื่อง เราเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ....แต่การพัฒนาความเชี่ยวชาญของน้องๆ ทีมงานอาจไม่ทันต่อปริมาณผู้รับบริการจากหน่วยงานต่างๆ ข้างต้น ที่นับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ และมีปัญหาที่ซับซ้อนเพราะไม่มีการให้บริการที่ถูกต้องในหน่วยงานข้างต้น ลองศึกษาตัวอย่างกันนะครับ
หลายๆ ท่านที่มารับบริการกิจกรรมบำบัด ต้องมีการปรับเปลี่ยนทัศนคติและให้ความรู้ว่า "กิจกรรมบำบัด จะช่วยพัฒนาชีวิตของแต่ละท่านได้อย่างไร" ....ไม่ใช่เดินทางมาที่คลินิกแล้วรอแค่นักกิจกรรมบำบัดฝึกเพียงบางองค์ประกอบของกิจกรรมการดำเนินชีวิต โดยที่ไม่สามารถวิเคราะห์อย่างเชี่ยวชาญว่าปัญหาหรือศักยภาพของผู้ป่วยเป็นอย่างไรกันแน่ เป้าหมายที่สำคัญของผู้ป่วยจะทำให้วัดประเมินและเกิดรูปธรรมได้อย่างไร...ทักษะชีวิตที่ดูเหมือนนามธรรม...แต่หากเราเรียนรู้และวิเคราะห์อย่างมีหลักการ...การฝึกทักษะชีวิตแก่ผู้ป่วยแต่ละรายๆ นั่นไม่ยากจนเกินไปครับ
นี่คือปัญหาของผู้ป่วยของเรา ที่หมอไม่ให้ความสำคัญของฟื้นฟูเท่าที่ควร ทำให้หลายคนเสียโอกาสดีๆไปมากมาย ในไม่ช้าจะดีขึ้นนะครับ
ขอบคุณครับคุณยงยศ ขอส่งความสุขกายสุขใจด้วยธรรมะเนื่องในวันมาฆบูชาครับ
เห็นด้วยกับคุณหมอเจ๊ครับ ที่ศาสตร์ทางการแพทย์พัฒนาเร็วมาก
อาจารย์ที่ปรึกษาของผมที่ออสเตรเลียเคยแนะนำว่า คนรุ่นเก่าต้องปรับตัวด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อสืบค้นข้อมูล เช่น googlescholar หรืออ่านวารสารล่าสุด ขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ต้องพยายามจัดการความรู้และสัมมนากับคนรุ่นเก่า ในแง่ความลึกและประสบการณ์ของศาสตร์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องระหว่างคนสองรุ่น
ขอบคุณคุณหมอเจ๊ครับ