อ่านแล้ว ทำให้ได้คิดค่ะ
ซูซาน
อ่านแล้วจะรีบกลับบ้านเหมือนกัน
แต่....เอ.....ไม่มีพ่อกับแม่อยู่ ซะแล้ว
งั้นทำงานต่อดีกว่า...อิอิ
คุณ Stardust
อันนี้ถามดีนะ คนอื่นเราไม่รู้ แต่ถ้าเป็นเราก็คงทำเท่าที่ทำได้ คงไม่เอาจุดที่เขาไม่เลี้ยงดูมาคิด คือคิดไปก็เท่านั้น เรื่องมันผ่านมาแล้ว ถ้าว่ากันตามหลักศาสนาคริสต์นะ เขาก็ต้องถูกพิพากษาในสิ่งที่เขาทำเองอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งนั้นก็คงแย่พอ เราไม่ต้องไปมีส่วนร่วมในการตัดสินด้วยหรอก เพราะทุกคนก็เคยทำผิดทั้งนั้น ไม่มีใครบริสุทธิ์พอที่จะไปตัดสินใครได้ หรือคุณ stardust รู้จักใครในโลกที่ไม่เคยทำผิด
ถ้าเราทำดีกับพ่อแม่ที่ไม่เคยเหลียวแลเราตอนเด็ก สิ่งนั้นแหล่ะที่จะเป็นตัวทิ่มแทงความรู้สึกเขาเอง ความละอายและความสำนึกมันมีอยู่ในทุกคน แต่อาจจะตื้นลึกไม่เท่ากัน และเมื่อรู้สึกแล้วจะพูดออกมาหรือเปล่ามันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราว่าแค่เขารู้สึกผิดนั้นก็เป็นการลงโทษที่เพียงพอแล้วนะ
ซูซาน... เขียนดีเหมือนอ่านนิทานสอนใจเลยนะ นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องดีๆมาเตือนสติ อ่านตอนแรกก็นึกตามใหญ่เลยว่าหลานจะทำยังไงนะ...แหม...ฉลาดจริงๆ
เหมือนที่พี่ไปนั่งวิปัสนามา เค๊าเล่าเรื่องพระในบ้าน คือมีคุณนายที่เอาแต่ไปถวาย อาหารอย่างดีให้พระเจ้าอาวาสที่วัด แต่แม่ในบ้านตัวเองไม่เคยเหลียวแล เรื่องอาหาร การกินเลย พระท่านก็เลยเตือนสติว่า ไม่ต้องเอาอาหารมาถวายพระที่นี่หรอก พระที่บ้านได้ดููแลดีแล้วหรือยัง?
อ่านแล้ว ได้ข้อคิด ข้อเตือนใจค่ะ
พี่อุ๊
จ้า ตามมาอ่านเรื่องอาม่าซะด้วย ตอนแรกที่อ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้มันแทงใจปี๊ดๆ แต่ภาษาต้นฉบับเขาอ่านยาก วกวน ซ้ำซ้อน ต้องใช้ความพยายามเยอะ เลยจับมา edit ซะใหม่ให้อ่านง่าย แสดงพ้อยท์ที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงความสวยงามของภาษา พอเล่าให้น้องฟังเรื่องนี้ถึงตอนที่หลานพูด เขาสำลักน้ำเลยอ่ะ เราก็เลือกจังหวะเล่าไม่ดีเอง ออยกำลังกินน้ำอยู่ ^ ^
นั่นสิเรื่องใกล้ตัวคนชอบลืมเนอะ คนที่อยู่ในครอบครัวกลับไม่ได้ดูแล
มีเรื่องที่แอบหงุดหงิดจะเล่าให้ฟังว่า แม่เราชอบไหว้พระไหว้เจ้าทำบุญ ถึงจะรู้เรื่องหรืองมงายไปบ้าง เราก็ไม่ว่านะ บ่อยครั้งด้วยซ้ำที่เราช่วยขับรถพาไป เพื่อนที่เป็นคริสเตียนบางคนก็ชอบถามว่าเป็นคริสต์ทำไมสนับสนุนแม่ให้ไปวัด เราว่ามันต้องแยกให้ออกระหว่างเรื่องครอบครัวกับความเชื่อส่วนตัว
ถ้าเราไม่ทำหน้าที่ลูกที่ดี ปล่อยให้แม่ไปโน่นนี่เอง หรือไปว่าไปห้าม และทำให้เขาไม่สบายใจ อึดอัดใจ อย่างนี้เราทำถูกแล้วหรือ อย่างน้อยก็ผิดหลักในบัญญัติ 10 ประการแหล่ะ ส่วนการสนับสนุนนั้นเราไม่ได้เข้าไปเกี่ยวด้วยนี่ ตังค์ก็ไม่ได้ให้ ไหว้ก็ไม่ได้ไหว้ นั่งรออยู่ด้านนอกด้วยซ้ำ จะว่าเราสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนาอื่นได้ไง เพื่อนเขากลัวว่าเราจะตกขอบทางความเชื่อ แต่เราว่าเรื่องนี้ไม่มีใครเปลี่ยนใครได้หรอก การไม่แสดงออกมาไม่ได้ทำให้ความเชื่อเราลดถอยลงซะหน่อย การพร่ำพูดหรือแสดงออกมากๆ ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น อาจจะดู holy ขึ้นในสายตาบางคน แต่ใจเราเองรู้ดีที่สุดว่าเรานั้นเป็นยังไง
ปล. กำลังออกแบบบล็อกให้อยู่นะ อาทิตย์นี้เสร็จแน่ ช้าไปหน่อยเพราะทำงานไปด้วย
สวัสดีจ๊ะน้องซูซาน
เรื่องนี้สอนใจได้ดีทีเดียว คนเราบางทีก็มองแต่มุมของตัวเอง ลืมมองมุมของคนอื่นไป บางทีพี่ก็เป็น เช่น ทำไมคนนี้ขับรถช้าจัง ขับกินเลนอีกต่างหาก ...นึกไปนึกมา นึกขึ้นได้ว่าก็คงเหมือนพ่อเรา อายุเยอะแล้ว การตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ จะช้า และตาก็อาจจะไม่ค่อยดีด้วย ก็จะทำให้ใจเย็นขึ้น... เดี๋ยวนี้จะทำอะไร จะคิดถึงใจเขาใจเรามากขึ้น โดยเฉพาะในครอบครัวด้วย แต่ก็ยังมีหลุดๆ บ้าง อิอิ พยายามไปเรื่อยๆ จ๊ะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆ นะ หลานชายคนนี้ฉลาดจัง ^ ^
ซูซาน..ทำถูกแล้วหล่ะ ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ ศาสนาทุกศาสนาสอนให้เราทำดี จะไปวัด ไปมัสยิด ไปศาลเจ้า ไปโบสถ์ (เอ๊ะสะกดถูกเปล่า?) พี่ว่าก็ดีในแบบของเค๊า รับได้หมด ใจกว้าง..5555
ช่างหาทั้งเรื่องสอนใจและเรื่องขำๆอย่างบันทึกที่แล้วมาเล่านะคะ
พ่อแม่ที่แก่เฒ่าที่อยู่ในบ้านนั้นคนสมัยนี้มักไม่ค่อยได้นึกถึง เพราะชีวิตครอบครัวที่มักต้องแยกกันอยู่ เลยเห็นความสำคัญของพ่อแม่ ปู่ย่าตายายน้อยลงมาก มัวนึกถึงแต่ตัวเอง บางทีดูแลความเป็นอยู่ให้อย่างดี แต่ไม่ให้ความอบอุ่นทางใจท่าน หรือบางทีพูดจาไม่ให้ความเคารพยิ่งทำให้เจ็บช้ำน้ำใจเป็นบาปหนัก
เวลาเห็นลูกหลานหนุ่มสาวพาอาม่า คุณพ่อ คุณแม่ คุณตา คุณยายที่แก่มากๆกระย่องกะแย่ง ให้ได้ไปเที่ยว ไปวัด ไปทานอาหารร้านดีๆ รู้สึกยิ้มในหัวใจนะคะ
พี่ตุ๋ย
เมื่อสักเดือนที่แล้วไปห้างเจอคุณตาท่าทางอายุราว 70 ที่ลานจอดรถ คุณตาวนมาอีกทาง จะเข้ามาแต่เห็นเราจ่ออยู่ก่อนก็เลยชะงัก คือที่จอดมันใกล้ประตู ก็เลยตัดใจเสียสละให้ เพราะเรารู้ว่าที่กว้างๆ คนแก่จอดง่ายกว่าแล้วก็ใกล้ประตูจะได้ไม่ต้องเดินไกล ไอ้เรามันขาซิ่งไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็ได้อีก พอเจออีกที่หมายตาปักหัวรถเข้าไปชว้าบ วันนั้นเหมือนมีอะไรมาทดสอบ ดันเจอยายคนหนึ่งก็สวนทางมา คงเพราะเห็นที่แต่ไม่ทันเรา งานนั้นก็เลย เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วให้ตาแล้วก็ให้ยายอีกคนจะเป็นไร สรุปให้เขาแล้วต้องวนหาไปอีกเกือบสิบนาที จอดไกลสุดกู่ เหนื่อยเล็กน้อยแต่มีความสุขเหมือนกัน วันนั้นเลยกินข้าวอร่อย ^ ^
พี่อุ๊
เดี๋ยวนี้เราใจเย็นขึ้นเยอะน่ะ ก่อนจะโกรธมักจะคิดก่อน พอคิดนานๆ มันก็เลยโกรธน้อยลง มีเหตุผลมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มากพอ ต้องฝึกอีกเยอะ ไม่งั้นคนที่มาว่าเราโดยไม่ใช่เรื่องของตัวเองแบบนี้ถ้าเป็นตอนวัยรุ่นคงโดนเราด่าไปตรงๆ แน่นอน
พี่นุช
หนูชอบคุยกับคนสูงอายุ สนุกดี บางครั้งก็เบื่อเหมือนกันเพราะพูดช้านึกช้าไม่ทันใจเรา แต่เห็นเขามีความสุขก็โอเคค่ะ หนูมีเกณฑ์คบเพื่อนอยู่อย่างนึง ถ้าไม่กตัญญู ไม่ให้เกียรติพ่อแม่ตัวเองนี่เลิกคบเลย ต้องคิดดูว่าเราเป็นใครกัน คนนี้ทำกับคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาได้ แล้วกับเราจะไปเหลือเหรอ
คุณสุขสม
พูดแบบนี้น่าไปประกวดนางงามนิ อิ อิ
พี่นารี
อืมม์ จริงค่ะ แม่ก็เริ่มบ่นว่าเหนื่อยง่ายขึ้น แต่ก่อนก็ไม่เข้าใจคนแก่ที่ลุกก็โอย นั่งก็โอย เดี๋ยวนี้แม่บอกว่า get แล้ว เพราะกำลังเจอกับตัวเอง ดีที่เป็นน้อยหน่อย แต่นี่ก็ต้องพยายามทำหน้าที่ลูกที่ดี เป็นสารถีให้แม่ตลอด และหมั่นพาไปตรวจสุขภาพตามกำหนด เพราะถ้าบอกให้ไปตรวจเองล่ะก็ รอไปเถอะ ไม่ไปหรอกค่ะ ดื้อพอสมควร กำลังดูว่าย่ากับหลานใครดื้อกว่ากัน