ชีวิตที่พอเพียง : 466. เห็นภูเขาที่ถูกเส้นผมบังมาตลอด ๖๐ ปี


         วันที่ ๓ ธ.ค. ๕๑ ทีม สคส. ซึ่งอารมณ์หรือขวัญกำลังใจกำลังตกต่ำ     ได้รับ “ฝนอันชื่นใจ” ด้านกำลังใจจาก ศาสตราภิชาน ไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ  มาแนะนำ Product 3 กลุ่มของ สคส. ยุคใหม่ที่จะต้องเลี้ยงตัวเองด้วย  และทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะได้ด้วย ฟัง อ. ไกรฤทธิ์ แล้ว คน สคส. เกิดอารมณ์บรรเจิด

         ผมได้เรียนรู้วิธีคิดของคนที่มีหัวธุรกิจ และมีใจต่อสังคม    รู้จัก “โอกาส” ในการสร้างสรรค์  โดยมีตัวอย่างมาเล่า เช่น การก่อตั้งบริษัทโอลิมปิกสากล ที่มี Corporate Image เป็นสินทรัพย์     อ. ไกรฤทธิ์ มีทั้งความฝัน ความรู้ และจิตวิทยา มาให้แก่พวกเราที่ สคส.     ผมเดาว่าท่านรู้ดีว่าพวกเรากำลังงง และหวั่นวิตก ว่า สคส. จะอยู่รอดได้อย่างไร    จึงมา “สอนแบบไม่สอน” พวกเรา ว่าจะใช้ความรู้และประสบการณ์ของพวกเราให้เป็นรายได้เพื่อความอยู่รอดได้อย่างไร

         พวกเรามีทักษะ มีประสบการณ์ แต่เอามาใช้ทำธุรกิจ แบบธุรกิจเพื่อสังคม ไม่เป็น      มองโอกาสไม่เห็น หรือไม่ชัด     อ. ไกรฤทธิ์ มาชี้ทางสว่างให้ รวมทั้งท่านรู้ความต้องการของสังคม โดยเฉพาะภาคธุรกิจ     คือพวกเราที่ สคส. เป็น supply-side ที่ไม่ค่อยรู้จักฝ่าย demand-side หรือลูกค้า     แต่ อ. ไกรฤทธิ์ รู้จักทั้งฝ่ายลูกค้า และฝ่าย สคส.     รู้จักอย่างลึกลงไปถึงระดับจิตใจ

         คุณค่าของ KM ที่ท่านมองเห็นคือ เป็นเครื่องมือให้คนมี positive thinking     เอาเรื่องดีๆ มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน    และคนเกิดความสุข    พ่นความสุข เรื่องราวของความสุข มาใส่กัน    สังคมไทยต้องการกระบวนการเชิงสร้างสรรค์แบบนี้มาก   

         ผมตีความว่า คน สคส. (โดยเฉพาะผม) เป็นคนที่เก่งแต่มืดบอด     เราเก่งที่จะตอบสนอง the few  ไม่คุ้นเคยกับการตอบสนอง the all หรือ the mass     อ. ไกรฤทธิ์ เข้าใจ the mass เพราะท่านเป็น กูรู ทางการตลาด     ผมเข้าใจผิดว่า แฟชั่นเป็นสิ่งไม่ดี     แต่จริงๆ แล้ว แฟชั่น คือตลาด     คือ “ความต้องการที่แท้จริง” ของผู้คนในสังคม    ผมผิดที่ไม่เคารพ “เสียงส่วนใหญ่ของสังคม” คือแฟชั่น    ผมเป็นนักทวนกระแสมาตลอดชีวิต     จึงปิดกั้นตัวเองจาก “กระแสหลัก” หรือ the mass ในสังคม    เมื่อต้องทำงานเอา KM สู่สังคมวงกว้าง ผมจึงทำไม่เป็น จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่เป็นตัวปัญหา ทำให้กิจการงานของ สคส. ไม่รับใช้สังคมวงกว้างได้อย่างแท้จริง    

         ถ้า สคส. ไม่เปลี่ยนชีวิตออกมาเป็นมูลนิธิ สคส. ผมก็จะไม่เข้าใจตัวเองได้ถึงขนาดนี้    ว่าผมเองนี่แหละ คือตัวอุปสรรคของ สคส. ในการทำให้ KM เข้าไปสู่สังคมวงกว้างในสังคมไทย    ผมเป็นตัวการที่จับ KM for Few มาตลอด ๕ ปี     ต่อไปนี้ สคส. ภายใต้มูลนิธิ สคส. ที่ ดร. ประพนธ์ เป็นผู้นำ จะขับเคลื่อน KM for All     ไชโย!!!

         แปลกไหมครับ   สคส. (และผม) เป็นผู้ขับเคลื่อนวงการ KM ประเทศไทย     แต่เราไม่เรียนรู้จากการทำงานมาตลอด ๕ ปี    มาวันนี้ (๓ ม.ค. ๕๑) จากการเคาะกระโหลกโดย ศ. ภิชาน ไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ     ผมได้เปิดกระโหลกตัวเอง ได้ยกเส้นผมออกจากการบังภูเขา     เส้นผมที่บังตามาตลอด ๕ (๖๐?) ปี ได้ทำให้ผมเห็น KM เฉพาะ KM for Few     กระบวนการแลกเปลี่ยนจากใจในวันนี้ได้ช่วยยกเส้นผมออกไป    ให้ผมได้เห็น KM for All    และเปิดโอกาสในการทำงานขับเคลื่อน KM ประเทศไทยในมิติใหม่   

         ผมได้เรียนรู้จาก อ. ไกรฤทธิ์ มากกว่านั้น     ผมได้เรียนรู้วิญญาณ CSR ที่อยู่ในตัว อ. ไกรฤทธิ์ อย่างเป็นธรรมชาติ    ผมถามตัวเองว่า ถ้าผมอยู่ในฐานะเดียวกับ อ. ไกรฤทธิ์ คือชีวิตประสบความสำเร็จด้านธุรกิจการตลาด    ผมจะดำรงจิตใจที่ไม่โลภ ไม่มุ่งใช้เงินต่อเงิน  มุ่งใช้เงินที่ได้เพื่อทำสิ่งดีๆ แก่สังคม อย่างที่ อ. ไกรฤทธิ์ ดำรงอยู่ได้หรือไม่     ผมสงสัยว่าตัวเองคงจะทำไม่ได้     เพราะคงจะมัวลุ่มหลงอยู่กับความสำเร็จของตน     ผมได้เรียนรู้ว่าการดำรงความเชื่อ และวัตรปฏิบัติ ที่ความสำเร็จของตนไม่สำคัญเท่ากับผลประโยชน์ของสังคม     คือ CSR ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

วิจารณ์ พานิช
๓ ม.ค. ๕๑

หมายเลขบันทึก: 164993เขียนเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2008 11:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 พฤษภาคม 2012 14:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • กราบสวัสดีท่านอาจารย์ วิจารณ์ _/|\_
  • วันก่อนผมได้ฟังอาจารย์ไกรฤทธิ์ ในงานสัมมนา "การจัดการความรู้และการสร้างนวัตกรรม 2008" ณ ตลาดหลักทรัพย์ฯ
  • ผมรับรู้ ถึงความเป็นนักการตลาดผู้ยิ่งใหญ่ของอาจารย์ไกรฤทธิ์ ได้ชัดเจนมาก เป็นผู้ที่เข้าถึง mass ได้ดี เห็นความแตกต่างที่เป็นคุณประโยชน์ ไม่ใช่การแยกขั้ว
  • หากท่านอาจารย์ไกรฤทธิ์ ได้มีโอกาสให้ความเสนอแนะแนวทางที่ KMI จะเข้าถึง the mass ได้อย่างไร คงช่วยให้ supply side อย่าง KMI เข้าถึงทรวง demand side ได้ไม่ยาก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท