จากริมแม่น้ำท่าจีน นครชัยศรี


เรื่องสั้น
สองวันก่อนฝนได้ตกลงมาเป็นครั้งแรกแถวที่พักของผม และเมื่อวานนี้ก็ตกลงมาอีก อากาศช่วงนี้จึงเย็นสบาย แต่ท้องฟ้าก็หม่นมัวเป็นสีเทาทึม ๆ แทบจะตลอดวัน

ผมได้แต่สงสัยว่านานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เห็นฝนตกเช่นนี้ ดูเหมือนตลอดฤดูหนาวจะไม่มีฝนตกเลย นอกจากมีสายหมอกสีขาวในบางเช้าเท่านั้น แต่ทันทีที่ฝนตก มันก็เท่ากับเตือนให้รู้ว่าฤดูหนาวได้ผ่านไปแล้วอย่างแท้จริง ทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่นานมานี้ แถวแม่น้ำท่าจีนตามแนวไม้ริมตลิ่ง ผมยังมีโอกาสได้ชื่นชมสายหมอกลอยอ้อยอิ่งชวนให้ประทับใจอยู่เลย

แน่นอน ฤดูร้อนเดินทางมาถึงแล้ว ฟ้ายามเย็นมืดช้าลงจนเห็นได้ชัด แต่เวลาก็ผ่านไปเร็วจนคนเกียจคร้านอย่างผมใจหายเหมือนกัน ได้แต่เตือนตัวเองว่าต้องขยันเขียนหนังสือให้มากขึ้นสักหน่อย (555) นี่ผ่านพ้นปีใหม่มาได้เดือนเศษแล้ว ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพิ่งเขียนเรื่องสั้นเรื่องใหม่ไปได้แค่หนึ่งเรื่อง นิยายเรื่องที่สามที่กำลังวางแผนจะเขียนให้เสร็จกลางปีนี้ก็ไปไม่ถึงไหน เขียนได้แค่ประโยคเริ่มต้นประโยคเดียว (ฮา)

โชคยังดีอยู่หน่อยที่เมื่อไม่นานมานี้ได้รับรู้ว่ามีเรื่องสั้นผ่านการพิจารณาแล้วสองเรื่อง จะตีพิมพ์ในเร็ว ๆ นี้ ทำให้ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย เพราะได้ตั้งใจมานานแล้วว่าในแต่ละปีควรมีผลงานคุณภาพเผยแพร่ให้ได้สัก 12 เรื่อง หากทำได้ในอัตราขนาดนี้ สักสิบปีก็อาจไม่มีอะไรจะเขียนอีกในรูปแบบเรื่องสั้น เพราะเป็นไปได้ว่าขืนเขียนต่อไปก็คงพายเรือวนอยู่ในอ่าง เขียนอะไรซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งในทางศิลปะนั้น การทำซ้ำไม่ใช่เรื่องควรเลย มันง่ายและน่าเบื่อเกินไปกระมัง ศิลปินหรือนักเขียนถึงต้องพยายามหนีการซ้ำ หนีความสำเร็จหนึ่งไปหาความสำเร็จใหม่ ๆ ด้วยเทคนิค รูปแบบและ(ถึงขั้น)เนื้อหาใหม่ บางคนถึงได้ประกาศจะเขียนเรื่องสั้นแค่ 100 เรื่องก็จะหยุด บางคนเขียนได้ 200 เรื่องจึงหยุด แต่บางคนเขียนได้นับพันเรื่องแล้วค่อยตาย (ว้าว)

อย่างไรก็ตาม ลองคิดในอีกแง่หนึ่งว่า จะเอาอะไรกันนักหนา สมมุติปีหนึ่งมีเรื่องสั้นได้ตีพิมพ์แค่เรื่องเดียวก็เรียกได้ว่าบุญถมไปแล้ว อย่างน้อยก็พอประกาศให้โลกรู้ว่า “ข้ายังไม่ตาย ข้ายังคงเขียนเรื่องสั้นอยู่” อะไรทำนองนั้น (ฮา)

ขอให้พลังแห่งวรรณกรรมเป็นของทุกคน


หมายเลขบันทึก: 164976เขียนเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2008 10:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ทีคิดว่าฤดูหนาวผ่านไปแล้ว เอาเข้าจริงเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา  ขณะยืนอยู่ริมถนน  จะไปตลาดเช้าของคนนครชัยศรีที่วัดกลางบางแก้ว  ขณะนั้นเป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้ว  แต่ด้วยความสลัวแสงด้วยไอหมอก หรือเพราะพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น  ทำให้บรรดารถราต่าง ๆ พากันเปิดไฟหน้าแทบทุกคัน  และอากาศก็ค่อนข้างเย็น  ผมมารู้อีกว่าที่อีสานตอนบน แถวสกลนครอากาศหนาวมากขนาดต้องสวมเสื้อกันหนาวสองชั้น  เด็กนักเรียนพากันขุดเอาเสื้อหนาวออกมาสวมใส่ไปโรงเรียนกันอีก  บางทีอาจเป็นเพราะนี่ยังอยู่ในเดือนกุมภาพันธ์ก็เป็นได้  ผมชอบฤดูหนาวและอยากให้มันคงอยู่ตลอดไป  แต่นั่นย่อมเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติ  กลายเป็นความผิดปกติ  มนุษย์เราควรใช่ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติไม่ใช่หรือ  เพื่อความปกติสุข

อีกไม่นานก็จะถึงงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาตแล้ว  แค่เดือนกว่า ๆ  ผมตั้งใจจะซื้อหนังสือให้มากพออ่านไปได้ทั้งปี  (หนังสือมือสองหรือหนังสือเก่าราคาถูก ๆ หน่อย)  เพราะตอนนี้หนังสือที่มีอยู่ก็อ่านไปจนเกือบหมดแล้ว  เพื่อน ๆ คนใดที่ชอบอ่านหนังสือก็ไปเจอผมที่นั่นแล้วกันนะครับ  คงได้เดินสวนกันบ้างหรอก 555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท