ชีวิตที่ (เกิน) พอเพียง : 454. ไปประชุม retreat ที่หัวหิน


         เดือนธันวาคมของทุกปี คณะกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์นัดประชุมแบบ retreat เพื่อสำรวจภาพใหญ่และภาพระยะยาว     ปีที่แล้ว (๒๕๔๙) ไปที่เขาใหญ่  ปี ๒๕๕๐ เปลี่ยนเป็นชายทะเล คือไปหัวหิน    ระหว่างวันที่ ๑๔ – ๑๖ ธ.ค. ๕๐

         ผมขับรถควงสาวออกจากบ้านปากเกร็ดเช้าวันที่ ๑๔ ธ.ค.     ขับตามสบายไม่ถึง ๓ ช.ม. ดีก็ถึงโรงแรมอัสรา (www.asaravillaandsuite.com ) ที่ซอย ๕ ของหัวหิน     ถนนจากกรุงเทพไปหัวหินขยายเป็น ๖ เลนเกือบจะเสร็จแล้ว     ตรงเพชรบุรีผมเป็นห่วงว่าต้นสักที่ปลูกคั่นตรงกลางถนน ๔ เลนจะถูกตัด     เพราะถนนที่ขยายนั้น ขยาย ๒ เลนทางฝั่งลงใต้    ทำให้ต้นไม้ไม่อยู่ตรงกลางระหว่าง ๖ เลน   

         อัสราวิลล่า มีลักษณะ “เกินพอเพียง” ไปมากสำหรับชีวิตเรา      คือเป็นโรงแรมระดับหรู หรืออาจจะเรียกว่าฟุ่มเฟือยก็ได้ในความรู้สึกของเรา     แต่ก็ดีเหมือนกัน เป็นการเรียนรู้ ว่าเศรษฐีเขาอยู่กันอย่างไร    สิ่งที่เราต้องมีสติก็คือ อย่าไปเคยชินกับมัน     แต่กรรมการบางท่านบอกว่าวัสดุที่ใช้ตกแต่งห้องอยู่ในระดับธรรมดาๆ     ไม่ใช่ของราคาแพง

         ไฮไล้ท์ ของการประชุมก็คือ หัวข้อ “Staying Competitive” หรือ กลยุทธ์ระยะ ๓ ปี (๒๕๕๑ – ๒๕๕๓) และแผนธุรกิจประจำปี ๒๕๕๑     ผมถามกรรมการบางท่านว่า ผมมาประชุม retreat ปีนี้เป็นปีที่ ๒     ปีที่แล้วบรรยากาศของความคาดหวังไปข้างหน้าเต็มไปด้วยความหวัง     แต่ปีนี้บรรยากาศสับสน  รู้สึกว่ากำลังจะเผชิญกับวิกฤตของบ้านเมือง     เพื่อนกรรมการเห็นด้วย

         บรรยากาศของการประชุมให้ความรู้สึก ๒ ด้านที่ตรงกันข้าม     ด้านบวก คือผลประกอบการของธนาคารดีกว่าเป้า และคุณกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้รับยกย่องเป็นนักการเงินแห่งปี จากวารสารการเงินการธนาคาร    และที่สำคัญยิ่ง ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ดำเนินการพัฒนาความเข้มแข็งของ “โครงสร้างพื้นฐาน” ในการประกอบธุรกิจ จนเมื่อต้องเผชิญวิกฤตของบ้านเมือง 

         ธนาคารไทยพาณิชย์ น่าจะยิ่งได้เปรียบคู่แข่ง     ผมพิศวงกับการพัฒนาระบบ ICT ที่จะช่วยการจัดการความรู้ในระดับลึก และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า    ด้านลบ คืออนาคตของการเมืองไทยจะยุ่งยาก     เขาคาดการณ์ว่าเราจะมีรัฐบาลที่อ่อนแอ และมีราชการที่อ่อนแอ     นักกฎหมายบอกว่า ในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา วงการนิติบัญญัติ มีกระบวนทัศน์แบบไม่ไว้วางใจ     ออกกฎหมายวางข้อบังคับและบทลงโทษรุนแรง  โดยเฉพาะโทษอาญา จนข้าราชการจะไม่กล้าตัดสินใจ     ต่อไปราชการจะอ่อนแอลงไปอีก     ท่านอธิบดีจากกระทรวงการคลัง ๒ ท่านที่มาร่วมเป็นกรรมการ ยืนยันข้อคาดการณ์นี้

         ผมรู้สึกเหมือนมาเข้าโรงเรียน    เรียนรู้เรื่องธุรกิจการเงิน    ได้เรียนรู้ว่า ธุรกิจ Hedge Fund ในเมืองไทยไม่รุ่ง     เพราะ Hedge Fund เหมือนรับจ้างเล่นหุ้นแทน    คนไทยชอบเล่นเองมากกว่า  เพราะได้เงินเร็ว ได้ทุกวัน    แต่จ้าง Hedge Fund ลงทุนแทน ได้เงินทุกๆ ๓ เดือน  และไม่ได้บรรยากาศการเล่นหุ้นด้วยตนเอง      แต่ธุรกิจ Mutual Fund หรือกองทุนรวมรุ่งเรืองมาก     ของธนาคารไทยพาณิชย์ครองอันดับ ๑ ของประเทศ      ผมเดาว่าคนมีเงินที่ไม่เล่นหุ้นนิยมฝากเงินแบบนี้     เพราะไม่เสี่ยง

         ผมได้เรียนรู้ว่า ในองค์กรขนาดใหญ่ทุกแห่ง จะมีสภาพการทำงานคล้าย ไซโล     คือต่างหน่วยต่างทำ     ในระดับหนึ่งเสมอ     จึงมีโอกาสสร้าง synergy ระหว่างหน่วยงานย่อย     เป็นโอกาสสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน ซ่อนอยู่ 

         เดิมท่านนายกกรรมการ (อานันท์ ปันยารชุน) บอกว่า จะให้ประชุมเสร็จภายใน ๑ ทุ่ม     แต่เราประชุมเสร็จก่อน ๖ โมงเย็นเล็กน้อย    และรีบออกไปชมพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ก่อนจะค่ำ     เขาจัดคนมาอธิบายดีมาก     เราได้ทราบว่า ร. ๖ โปรดให้สร้างพระราชนิเวศน์ฯ นี้ในปี ๒๔๖๖     สร้างด้วยไม้อย่างดี  ปีเดียวเสร็จ     ร. ๖ เสด็จ ๒ ครั้ง ในปี ๒๔๖๗ และ ๒๔๖๘ หลังจากนั้น ๔ เดือนก็เสด็จสวรรคต    เราได้เห็นห้องบรรทม เตียงบรรทม     และที่สำคัญ โต๊ะทรงงาน ที่มีมุ้งครอบกันแมลง      เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเห็นโต๊ะทำงานกางมุ้ง     และได้เห็นอาคารที่มีเสาแบบมีน้ำหล่อกันมดขึ้นตึก     ผมหวนระลึกถึงชีวิตสมัยเด็ก  เวลาไปที่ชายทะเล จะมีแมลงเยอะมาก     มีริ้นตัวโตๆ คนบ้านผมเรียก “เปิ่ง” เวลาโดนเปิ่งกัดจะเป็นผื่นแดงนูนเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑ ซ.ม. และคันมาก     บริเวณ พระราชนิเวศน์ เมื่อเกือบร้อยปีก่อน น่าจะมีแมลงชายทะเลมากแบบนั้น เราได้ทราบว่า ร. ๖ โปรดให้ออกโฉนดที่ดินบริเวณพระราชนิเวศน์ฯ เป็นพื้นที่กว่า ๒ หมื่นไร่ ในตำบลห้วยทราย     โดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นเขตอภัยทานแก่สัตว์ป่า

         จากนั้นเราเดินไปบ้านเจ้าพระยารามราฆพ เพื่อรับประทานอาหารเย็น ในบรรยากาศที่สวยงาม และอาหารอร่อย    คุณปีเตอร์ กรรมการจากสิงคโปร์ จดๆ จ้องๆ กับ “ปาปาย่า ป๊อก ป๊อก” หรือส้มตำ  แล้วในที่สุดก็บอกว่า I am eating a full swing.    ถอดเป็นภาคไทยได้ว่า “กูกินแหลกแล้วโว้ย”     ที่หัวหินมีอาหารอร่อยมากมาย     นักกินจะรู้ว่าร้านไหนอาหารหรือขนมอะไรอร่อย    เช่น ขนมเทียนร้านมีชัย

         ผมกลับมาอาบน้ำฉลองบริการของอัสราวิลล่า     คือเขามีที่อาบน้ำถึง ๓ ที่    ที่แปลกคือที่อาบกลางแจ้ง แบบเย้ยฟ้าท้าดิน ในท่ามกลางหมู่ดาว     แต่ภรรยาถนัดอาบแบบใช้ใช้ฝักบัวภายในห้องอาบน้ำมากกว่า     การอาบน้ำแบบเย้ยฟ้าท้าดินนี้ ผมอาบเพื่อรำลึกถึงชีวิตสมัยเด็ก     แต่ตอนนั้น บรรยากาศดีกว่านี้มาก คืออาบริมบ่อน้ำ  และนุ่งผ้าขาวม้า     คราวนี้ไม่นุ่งอะไรเลย     แต่ก็อาบในที่มิดชิดภายในวิลล่าส่วนตัว

         เช้าวันรุ่งขึ้น (๑๕ ธ.ค.) ผมฉลองบริการสระว่ายน้ำประจำวิลล่าแต่ละยูนิต     โดยการลงไป ว่ายน้ำให้หมออมราถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก   แล้วไปนั่งริมทะเลให้ลมพัดโชยลูบไล้กายและสร้างความสงบใจ     อากาศเย็นสบายชื่นใจ     แต่พระอาทิตย์ขึ้นไม่สวยเพราะฟ้ามัว ไม่เห็นดวงอาทิตย์   

         หลังอาหารเช้า    ถ่ายรูปความงามบริเวณโรงแรม    และพักผ่อน     เราออกไปชมศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ     ซึ่งหมออมราและผมเคยตามเสด็จสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ไปชมมาแล้วเมื่อต้นปีนี้เอง     ได้บันทึกไว้ที่ http://gotoknow.org/blog/thaikm/79834       แต่การตามเสด็จ มีพิธีมาก และเขาจัดให้ชมหลายเรื่อง ตามที่บันทึกไว้แล้ว     

         มาคราวนี้เขาจัดให้ชมวิธีการฟื้นป่าในพื้นที่ดินดาน และระบบเครือข่ายอ่างเก็บน้ำ ตามพระราชดำริ     ซึ่งน่าจะเป็นนวัตกรรม เรื่องการจัดการน้ำที่ไม่มีที่ใดในโลก   

         ในการฟื้นป่าต้องสร้างความชุ่มชื้น การเก็บกักน้ำ และการฟื้นหน้าดิน    พระเอกของเรื่อง คือหญ้าแฝก     สำหรับเป็นระบบรากที่ชอนไชเก่งและลงได้ลึกมากหลายเมตร     ได้ศึกษาวิธีปลูกเพื่อฟื้นหน้าดินหลากหลายแบบ    เช่น ปลูกเป็นส่วนหนึ่งของคันกั้นใบไม้และตะกอนเล็กๆ ร่วมกับแนวก้อนหินเล็กๆ ช่วยสร้างหน้าดิน   

         แล้วรถพาข้ามเขาไปที่อ่างเก็บน้ำห้วยตะแปด (ความจุ ๔ ล้าน ลบ.ม.) เพื่อฟังการบรรยายสรุปเรื่องการจัดการน้ำ โดยใช้เครือข่ายอ่างเก็บน้ำ ที่เป็นพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว     คือในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้มีพระราชดำริให้ผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตะแปด ซึ่งมีพื้นที่รองรับน้ำเป็นป่า ที่อุดมสมบูรณ์กว่า ลงสู่อ่างเก็บน้ำห้วยทราย (ความจุ ๒ ล้าน ลบ. ม.) ที่อยู่ใกล้ชุมชน แต่พื้นที่แห้งแล้ง      และต่อมาอีกเพียง ๒ วันก็มีพระราชดำริให้กรมชลประทานวางโครงการผันน้ำจากแหล่งอื่นที่มีน้ำอุดม สมบูรณ์กว่า ไปสู้อ่างเก็บน้ำห้วยตะแปด     ซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินการผันน้ำจากอ่างเก็บ น้ำทุ่งขามขาม ไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยตะแปดในปี ๒๕๔๐ เกิดเป็นเครือข่ายของอ่างเก็บน้ำขึ้น    และกำลังหาทางดำเนินการขยายเครือข่ายนี้ออกไปอีก    น่าชื่นชมในพระอัจฉริยภาพยิ่งนัก

         เราขึ้นเขาเสวยกะปิ เพื่อชมโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ  มีพันธุ์ไม้ หวาย  หว้า  สมอภิเภก  มะตูม  มะปราง  มะเม่า  มะม่วงป่า  มะเกี่ยง  มะแฝ่น  มะตืนยาง  งิ้วป่า  อ้อยช้าง  ไม้แดง  ตะแบก  รัง  มะตูม  สาธร  ไผ่  เป็นต้น    เราได้เห็นการดำเนินการชักน้ำขึ้นไว้บนยอดเขา แล้วปล่อยน้ำให้ไหลลงมารดป่าเป็น “ภูเขาเปียก”     ผู้นำชมบอกว่าต้นไม้หลายชนิดได้สูญพันธุ์ไปจากที่นี่ และได้นำมาจากที่อื่น เช่น หวาย     เราขึ้นไปเพียงครึ่งทาง แต่คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรมขึ้นไปถึงยอด  

         หลังกินอาหารเที่ยง เรากลับอัสราวิลล่า และใช้บริการสปา     เราเลือกชนิดอัสรามัสสาจ    ผมขอเพิ่มเวลาเป็น ๑ ชั่วโมงครึ่ง     แต่หมออมรายังยืนยัน ๑ ชั่วโมงตามปกติ    เป็นการนวดน้ำมันหอม    เขาให้เลือกว่าจะเอากลิ่นไหน     ฝีมือนวดดี มีการ “ลงศอก” ได้แรงดีมาก     ผม ลปรร. กับหมออมราผู้มีความจำดี ได้ความว่า ปีที่แล้วที่เขาใหญ่ เป็นสปา ไม่ได้นวดจริงจัง     เขาใช้เจลพิเศษที่ให้ความรู้สึกเย็นและหอมดีกว่า ให้ความรู้สึก หอมเย็น     แต่คราวนี้เป็นการนวดน้ำมัน ที่ให้ความรู้สึกร้อน     ดีคนละแบบ

         ค่ำเราไปกินอาหารทะเล บริเวณเขาตะเกียบ     คุณชายดิศนัดดาชวนรัฐมนตรีอัฟกานิสถานไปร่วมกินด้วย    บรรยากาศแบบสบายๆ ไม่เป็นทางการ     อาหารอร่อย    การประชุม retreat นี้ ทางธนาคารพยายามชวนให้พาครอบครัวไปด้วย     แต่ของผมมีกันสองคนตายายเท่านั้น เพราะลูกๆ เขาก็มีธุระของเขา     ทางอัฟกานิสถานมาติดต่อให้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงไปช่วยพัฒนาอาชีพและเพิ่มรายได้ แก้ปัญหาความยากจนของชาวบ้าน     หรือพัฒนาชนบทนั่นเอง    

วิจารณ์ พานิช
๑๕ ธ.ค. ๕๐

หมายเลขบันทึก: 163843เขียนเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2008 08:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม 2012 17:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
สวัดีค่ะ อาจารย์ หนูเคยอยู่ที่สถานีกาชาดหัวหินค่ะเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แล้วก็ไปเที่ยวหัวหินทุกปี แต่ละปีเห็นความแตกต่างกันตลอดและคิดว่าน่าจะไปเที่ยวที่ เขา หิน เหล็ก ไฟ ด้วยนะค่ะ เพราะจะเห็นบรรยากาศเมืองหัวหินทั้งหมดเลยค่ะ
  • หนูได้ไปดูงานที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริมา 2-3 แห่งแล้ว
  • แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริเลยค่ะ
  • ขอบพระคุณท่านมากที่กรุณานำมาแบ่งปันนะคะ
  • ท่านเก็บรายละเอียดได้เยี่ยมยอดเลยค่ะ
  • ตอนนี้เลยเหมือนว่าได้ไปแล้วเลยนะคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท