ปัญหาและอุปสรรค
ปัญหาการทำงานของภาคี คือ
เรื่องของเวลา เจ้าหน้าที่ภาระงานมาก เครือข่ายชอบใช้เวลานอกราชการ อีกด้านหนึ่งระบบราชการรีบเอาผลก่อน ข้างในกลวงไม่เป็นไร
มีความแตกต่างในแนวคิด ภาคีภายนอกมักจะคิดแบบ “เข้ามาจัดการชุมชน” แต่ชุมชนชาวบ้านจะคิดเรื่อง “ความสัมพันธ์” ภายนอกที่คิดเข้ามาจัดการชุมชนนั้น ใช้ไม่ได้ อันตราย ต้องเห็นขบวน เห็นเงื่อนไขก่อน
นอกจากนี้ภาคีอาจจะเปลี่ยนประเด็นไป เพราะแนวนโยบายเปลี่ยนไป เวลาเข้ามาร่วมกิจกรรมสั้น ชาวบ้านยังไม่เข้าใจการเคลื่อนขบวน การทำกิจกรรมจะมองประโยชน์ช่วงสั้น “คิดกิจกรรม ทำกิจกรรม แต่ไม่มองเชิงยุทธศาสตร์”
ต่อเรื่องการทำงานแบบบนลงล่าง “หน่วยงานมีเงื่อนไขนโยบายกำหนดมาก่อน คนปฏิบัติ (หมายถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานของหน่วยงาน) จึงต้องรู้จักฉีกลูกออกมาเล่น” …เป็นข้อเสนอแนะจากภาคีผู้ปฏิบัติ
คุณคนองเดช ให้ข้อสรุปที่น่าสนใจว่า “เนื่องจากภาคีต่างๆเข้าไปไม่พร้อมกัน ให้ชุมชนเป็นผู้จัดการตัวเองก็จะเข้มแข็ง” (ไม่ใช่ต่างหน่วยต่างเข้ามาจัดการ) ตีความได้ว่า การจะบูรณาการการทำงาน ต้องให้ชุมชนเองเป็นแกนในการทำการบูรณาการ
แนวทางการทำงานร่วมกันในอนาคต
คุณอนุชามองว่าโจทย์ของพื้นที่ คือ (ก) การทำงาน ทำอย่างไรอย่าให้ขาดรุ่น (ข) ความรู้มีมาก แต่การจัดการความรู้(เพื่อนำความรู้ไปใช้ต่อยอด)ยังไม่ทัน
แนวทางปัจจุบันของ ธกส.จะทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง คุณอุทัย (เครือข่ายฯ)บอกว่า กำลังจะร่วมกับ ธกส. ทำโครงการซื้อหนี้นอกระบบมาบริหารเอง “เศรษฐกิจพอเพียงนั้น ต้องทำให้พอกินก่อน จึงทำให้พอเพียง”
ข้อสังเกตของเรา: ความสำเร็จของเครือข่ายสินธุ์แพรทองในการทำงานร่วมกับภาคีภายนอก เราคิดว่ามาจาก
(1) การรู้จักตัวเองว่าต้องการอะไร เครือข่ายมียุทธศาสตร์การพัฒนาของตนเองอยู่ เมื่อหน่วยงานลงมา “ก็เหมือนถูกสอบวิทยานิพนธ์” กล่าวคือ ต้องตอบให้ได้ว่า มาทำไม มาทำอะไร ทำไมต้องเป็นลำสินธุ์ แล้วลำสินธุ์จะได้อะไร หน่วยงานภายนอกต้องปรับแก้โครงการอยู่หลายรอบกว่าจะเป็นที่ยอมรับของเครือข่ายฯ
(2) ความสามารถในการบริหารจัดการตนเอง (มาจากศักยภาพแกนนำ และกระบวนการทำงาน เช่น การขยันจัดเวทีเรียนรู้ เวทีถอดบทเรียน เวทีประชุม โดย “ให้ “เวที” เป็นผู้แก้ปัญหา ไม่ใช่ “เครือข่าย” เป็นผู้แก้ปัญหา” การจัดระบบแกนนำ 4 แถว)
(3) การเปลี่ยนภาระงานให้เป็นการเรียนรู้ ด้วยแนวคิด “คน(ภายนอก)มา ก็พาความรู้มาด้วย” ในการทำหน้าที่เป็นศูนย์เรียนรู้ เครือข่ายฯได้ฝึกให้แกนนำแถวสอง แถวสามของตน ได้ออกมาปฏิบัติงาน เช่น ในการนำเสนอต่างๆ ซึ่งช่วยฝึกฝนและสร้างเสริมศักยภาพให้แกนนำเหล่านี้ไปในตัว เครือข่ายให้ความสำคัญกับการที่ภายนอกที่เข้ามาศึกษาชุมชนจะต้อง “คืนความรู้ให้ชุมชน” ด้วยเสมอ
(4) สร้างที่ยืนให้หน่วยงาน โดยพยายามเข้าใจว่า หน่วยงานต่างๆที่ลงมานั้น เขาลงมาเพราะมีหน้าที่ต้องทำงานให้ลุล่วง เครือข่ายฯจึงต้องพยายาม “สร้างที่ยืนให้เขา” ในความเข้มงวดของกระบวนการคัดกรอง เครือข่ายฯกลับ “ใจดี” “ไม่ปฏิเสธ” และใจกว้างเปิดรับการเข้ามาของภาคีภายนอก เพียงแต่ บางงานที่ไม่สอดคล้อง เครือข่ายฯอาจจะให้หน่วยงาน “เคลื่อนงานนอกยุทธศาสตร์ของเครือข่ายได้” จึงให้ความร่วมมือแค่ “ทำให้เสร็จ”
คุณอุทัยบอกว่า “ผู้นำกิจกรรม” มีเยอะ แต่ “ผู้นำความคิด” และ “ผู้นำการจัดการกระบวน” หายากยิ่ง
คุณอนุชาบอกว่า “ชุมชนเข้มแข็ง” อาจเป็นแค่กระบวนการในบางประเด็น
เป็นการสนทนาจาก "ผลึกความคิด" ของนักพัฒนาตัวจริงหลายท่าน ขอบคุณจากใจจริงที่ท่านเปิดโอกาสให้เกิดการเรียนรู้ที่มีคุณค่า ไม่ทราบว่า มีท่านใดอ่านบล็อกอยู่บ้าง หากท่านจะกรุณาเข้ามาแสดงความเห็น (เช่น บอกว่าเราสรุปผิด เข้าใจผิด) ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งๆๆ
น่าสนใจครับอาจารย์
ผมมิบังอาจแสดงความเห็นในสิ่งที่ที่ประชุมสรุปดังกล่าวได้ เพราะแต่ละประเด็นนั้นมีรายละเอียดเบื้องหน้าเบื้องหลัง สาระมากมาย กว่าจะสรุปมาได้ มีเบื้องหลังที่ถกกันมามากใช่ไหมครับ
เพียงแต่ผมมีมุมมองกว้างๆอย่างนี้ครับ
ผมอาจจะพูดในสิ่งที่อาจารย์รู้ๆอยู่แล้วก็ขออภัยด้วยนะครับ
สวัสดีค่ะคุณหมอ
คงเป็นอย่างที่คุณหมอบอก คือ ถอดบทเรียน "ปัญหาและอุปสรรค" กี่ครั้งๆ ที่ไหนๆ ก็เหมือนๆกัน
แต่ก็คงมีบางลักษณะที่ไม่เหมือน เช่น "การจัดการ" ของพื้นที่ที่จัดการตัวเองได้ กับจัดการตัวเองไม่ได้ ตรงนี้ การถอดบทเรียนและการเรียนรู้ระหว่างกันอาจจะมีประโยชน์บ้างค่ะ
สวัสดีค่ะคุณบางทราย
งานนี้เป็นงานสาระนิพนธ์ของนักศึกษาบัณฑิตอาสาค่ะ โชคดีที่พื้นที่ นักศึกษา และอาจารย์ที่ปรึกษามีความสนใจตรงกัน จึงเลือกห้วข้อนี้เป็นหัวข้อศึกษาค่ะ
การถ่ายทอดประสบการณ์และแลกเปลี่ยนความเห็นของผู้มีประสบการณ์จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนและถูกต้องมากขึ้น ขอบคุณมากค่ะ