เครือข่ายสินธุ์แพรทอง
พวกเราจะเข้าใจวิธีคิดและกระบวนการทำงานของเครือข่ายสินธุ์แพรทองได้ไม่มากนัก ถ้าไม่เข้าใจประวัติศาสตร์ของพื้นที่ในเขตของพรรคคอมมิวนิสต์ที่เกิดกรณี “ถังแดง” รวมถึงการเข้าใจวีถีชาวบ้านและกิจกรรมกลุ่มที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
เครือข่ายสินธุ์แพรทองที่เป็นทางการ ก่อตั้งปี 2544 เป็นเครือข่ายที่ประสานการทำงานของหลายหมู่บ้าน แต่ละหมู่บ้านมีกิจกรรม กลุ่มกิจกรรมของตนเอง เครือข่ายฯ วางบทบาทของตัวเองอย่างชัดเจนในฐานะ “คุณเอื้อ” จะสนับสนุนการทำงานของชาวบ้าน หรือองค์กรชาวบ้านเท่านั้น พ่อเล็ก (คุณอุทัย บุญดำ) บอกว่า เครือข่ายไม่ลงมาทำเอง แต่หนุนเสริมทุกด้านทั้งความรู้ ความคิด งบประมาณ แผน บนฐานแนวคิดชุมชนเข้มแข็ง
เครือข่ายฯกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาของตัวเองอย่างชัดเจน ขึ้นไว้บนบอร์ดในห้องประชุมที่ทุกคนเข้ามาก็อ่านได้ จากการพูดคุยเราเข้าใจว่า ยุทธศาสตร์นี้เป็นกรอบในการทำงาน กรอบในการคัดกรอง วางตำแหน่งของภาคีจากภายนอกที่จะมาร่วมงาน ว่าเป็น “การร่วมงาน”ในยุทธศาสตร์ หรือเป็นเพียง “ความร่วมมือ”นอกยุทธศาสตร์
จนถึงปัจจุบันมีภาคีภายนอกมาร่วมงานด้วยถึง 18 ภาคี ในจำนวนนี้มีที่ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง มีประมาณ 7-8 ภาคี ซึ่งก็คือที่พวกเรา (บอ.ร่วมกับเครือข่ายฯ) เรียนเชิญมาร่วมงานถอดบทเรียนในครั้งนี้ ความสามารถของเครือข่ายฯในการจัดขบวนภายในและจัดแถวขบวนของภาคีภายนอกเป็นสิ่งน่าเรียนรู้
เหตุผลและความคาดหวังของภาคีในการร่วมงานกับเครือข่ายสินธุ์แพรทอง
เริ่มต้นด้วยหน่วยงานต่างๆบอกกิจกรรมที่ตัวเองทำงานกับเครือข่ายฯ เราจดยิกๆ เพราะเป็นคนไม่สามารถจำรายละเอียดอะไรได้มากนัก แต่จะสนใจเชิงเป้าหมาย รูปแบบ กระบวนการที่เป็นหลักเชิงยุทธศาสตร์มากกว่า
หลายหน่วยงานบอกว่า “แนวคิดของเครือข่ายฯเป็นแนวคิดเดี่ยวกันกับหน่วยงาน จึง..มาเติมเต็มกัน..” ความสัมพันธ์จึงเป็นลักษณะ “พึ่งพาและช่วยเหลือเกื้อกูลกันตามสถานการณ์” “เป็นเพื่อนและห่วงใย เช่น เมื่อหน่วยงานภายนอกเข้ามาในพื้นที่เยอะแยะ พื้นที่จะจัดการอย่างไร”
คุณอนุชาบอกว่า ภาคีและเครือข่ายมีเป้าหมายร่วมกันคือเรื่องพลังชาวบ้าน แต่ระยะการก้าวย่างอาจไม่เท่ากัน
ดูเหมือนเครือข่ายฯ จะเป็น “ผู้ให้” มากกว่า “ผู้รับ” เพราะใครๆก็เลือกลงมาสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ ได้พื้นที่ และได้บทเรียนการทำงานจากลำสินธุ์ มีเพียงอนามัยเท่านั้นที่บอกว่า “เข้ามาสร้างการตระหนักรู้ ให้เครือข่ายฯ (ในสมัยนั้น) เห็นความสำคัญต่อเรื่อง สุขภาวะ ของผู้คนในชุมชนมากขึ้น”
ส่วน ธกส. บอกว่า ได้ลอกเรียนเรื่องกระบวนการกลุ่ม การจัดเวทีและการขับเคลื่อนเวทีแบบมีส่วนร่วมไปจากที่นี่
(ยังมีต่อ)
น่าสนใจคะอาจารย์ เรื่อง การเข้าใจประวัติศาสตร์ของพื้นที่ นี่เป็นเรื่องสำคัญในการทำงาน
เวลา หน่อยอยู่ในชุมชน แล้วได้ฟังประวัตศาสตร์ย้อนหลัง นี่ ตื่นตาตื่นใจ
และทำให้เราเข้าใจ ปัจจุบัน ความเข้มแข็ง อ่อนแอ ก็มาจาก ราก ด้วย
เช่นกัน
สวัสดีค่ะอาจารย์ลูกหว้า
ขอบคุณที่มาเป็นกำลังใจนะคะ วิธีทำงานของเครือข่ายสินธุ์แพรทองน่าสนใจมากค่ะ
คุณหน่อยคะ
พี่เองไม่ค่อยได้รู้จักพื้นที่แถบสุรินทร์มากนัก แต่ก็ชอบปราสาท และสนใจอยากเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของที่นั่น รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คน วัฒนธรรมต่างๆค่ะ น่าจะมีอะไรดีๆให้ศึกษาเยอะ แม้แต่วิธีคิดต่อเรื่องป่าของพื้นที่ต่างๆในภาคอีสาน จะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ก็รออ่านจากบล็อกคุณหน่อยนะคะ
น้องรัชคะ
พี่ลงลำสินธุ์ 3-4 ครั้งแล้ว ยังไม่ค่อยได้คุยได้เห็นเรื่องกระบวนการจัดสวัสดิการของพื้นที่ จึงรออ่านจากบล็อกน้องรัช อยากลงไปร่วมประชุมเวลาพัทลุงจัดเวทีสวัสดิการเหมือนกันค่ะ