ผลลัพธ์ในปีก่อนเป็นบทเรียนสำหรับมือใหม่หัดขับอย่างเรามาก คือ งานโรงเรียนพ่อแม่ในเด็กยังไม่ work,ในงานหลังคลอด งาน NICU ยังไม่ชัดเจนเลย แถมในหญิงตั้งครรภ์ที่ทุ่มทุนไปทำโครงการหลักสูตรเร่งรัดก็วัดผลได้ไม่ชัดเจน ..คณะกรรมการเอาไงดี??
จังหวะโชคดีปีนี้มีพี่วล..กรวิกาเข้ามาช่วยเหลือ ว่า "ได้ทุนจากกรมฯมา ทำวิจัยโรงเรียนพ่อแม่ดีกว่า "
"พี่วล..กบไม่ได้เรียนวิจัยมา "เคยทำแค่วิจัยเชิงพรรณาตอนทำอวช.ซี 6 (ตอนนั้นพี่พรทิพย์ช่วยเหลืออยู่)
"เออ! เดี๋ยวพี่ช่วย" เราก็ตามประสาคนชอบลอง ก็เลย OK.เพราะพี่เขาช่วย ก็เลยทำวิจัยศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบการสอนและcompliance ในหญิงตั้งครรภ์ ของศูนย์ฯ โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็น 2 กลุ่ม นัดตาม ANC ปกติหมุนเวียนกิจกรรมกัน
1. กลุ่มหลักสูตรพิเศษ : เรียน 2 ครั้ง
- ครั้งแรกเรื่องยา,ทันตสุขภาพ,อาหาร,การดูแลส่งเสริมสุขภาพแม่และลูกในครรภ์ และการออกกำลังกาย
- ครั้งที่ 2 เรื่องการเตรียมตัวก่อนคลอดและนมแม่
2. กลุ่มหลักสูตรปกติ : เรียน 4 ครั้ง
- ครั้งแรกเรื่องยา,ทันตสุขภาพ
- ครั้งที่ 2 เรื่องอาหารและการดูแลส่งเสริมสุขภาพแม่และลูกในครรภ์
- ครั้งที่ 3 เรื่องการออกกำลังกาย
- ครั้งที่ 4 เรื่องการเตรียมตัวก่อนคลอดและนมแม่
เครื่องมือในการเก็บข้อมูลก็มีทั้ง
การติดตามเก็บข้อมูลเริ่มตั้งแต่ตั้งครรภ์ คลอด หลังคลอดกลุ่มละ 150 ราย ก็โชคดีที่ปีนี้ผู้บริหารส่งผู้ร่วมงาน...พี่ฮุงพยาบาลวิชาชีพ มาเพิ่มให้อีก 1 คน..ก็เลยมีคนช่วยมาเก็บข้อมูลทั้งหมดทั้งวันทำงานและวันหยุด เพราะคนท้องไม่มีวันหยุดคลอดคะ แล้วเดี๋ยวนี้อยู่รพ.หลังคลอดกัน 2-3 วันก็กลับบ้านแล้ว เราก็จะเสีย case ไปอีกก็ไปไหนกันไม่ได้คะ รอเวลามากว่าเมื่อไหร่ case จะครบนะ ..ก็รวมประมาณเกือบปี ก็คนท้องเล่นท้องกันตั้ง 40 สัปดาห์
ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ในบันทึก ผลการวิจัยโรงเรียนพ่อแม่
แต่สิ่งที่ได้ครั้งนั้นก็มากกกว่าจะเหนื่อย...
ความโชคดีอีก 1เรื่องที่ลืมไม่ได้ คือ หมอก้องไป fight หาห้องประจำการให้ได้แล้วคะ ไม่ต้องอพยพไปมาแล้ว