R&D ในบันทึกต่างๆที่กล่าวมา จะมีลักษณะสำคัญคือ (๑) มี"สิ่ง" ที่จะถูก D, (๒) มี "เครื่องมือ" ในการ D คือ "R" และ (๓) ต้อง R&D ซ้ำๆจนเป็นทีพอใจ
แต่ R&D ที่ต่างออกไปนี้มีกระบวนการโดยสรุปว่า " R&D เป็นกระบวนการวิจัยที่ยอมให้ทุกคนที่ร่วมอยู่ในกระบวนการวิจัย เช่น ผู้วิจัย, ผู้ช่วยผู้วิจัย, คนที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง, โดยมีเป้าหมายว่า เมื่อวิจัยเสร็จแล้ว ผู้ร่วมวิจัยทั้งหมดจะ กลายเป็นผู้วิจัยเป็นหรือนักวิจัย ! และนั่นคือ คนเหล่านั้น จะได้รับการ D แล้ว ! " อนึ่ง มักจะนำเอา PAR (Participatory Action Research) เข้าร่วมด้วย และสับสนกันว่า PAR เป็น R&D ก็มี
R&D ดังกล่าวนี้ ได้ยอมรับกันให้เสนองานวิจัยดังกล่าวเป็นวิทยานิพนธ์เพื่อขอรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตในบางโปรแกรมได้ ในประเทศไทยในปัจจุบัน
งานวิจัยแบบที่กล่าวมานี้ มีข้อที่น่าสังเกตดังนี้
(๑) เราจะใช้ R&D ตามแนวคิดนี้กับสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นวัตถุ เช่น เครื่องปรับอากาศ, รถยนต์, เป็นต้น หรือสิ่งที่เกี่ยวกับความคิด เช่น การพัฒนาแบบทดสอบมาตรฐานบางอย่าง, การ R&D โปรแกรมคอมพิวเตอร์, เป็นต้น "ไม่ได้เลย"
(๒) R&D ที่แตกต่างออกไปนี้ ดูจะเป็นธรรมชาติของ PAR (Participatory Action Research ) ซึ่งเป็น R อีกวิธีหนึ่ง แต่นำมาปะปนกับ R&D
เรื่องนี้ มหาวิทยาลัยเห็นทีจะต้องอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง และลึกซึ้งในระดับทฤษฎี และหรือ ระดับปรัชญา กันแล้วหละ