หนังสือ Governance as Leadership : Framing the Work of Nonprofit Boards แต่งโดย Richard P. Chait, William P. Ryan, Babara E. Taylor, 2005 เสนอวิธีคิด ๓ แบบในการทำหน้าที่ บอร์ด ขององค์กรไม่ค้ากำไร คือ (๑) หน้าที่ดูแลทรัพย์สิน (fiduciary) (๒) หน้าที่เชิงยุทธศาสตร์ (strategic) และ (๓) หน้าที่เชิงรังสรรค์ (generative) คือทำให้มีการระดมปัญญา การมองการณ์ไกล และความริเริ่มสร้างสรรค์ ที่มีอยู่ภายในองค์กร ออกมาทำงานในโอกาสใหม่ๆ ภายใต้กระบวนทัศน์ใหม่ให้แก่สังคม
มหาวิทยาลัยที่ทำงานแบบย่ำเท้าอยู่กับสิ่งเดิมๆ วิธีการเดิมๆ กระบวนทัศน์เดิม ถือว่าไม่ได้ ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง มหาวิทยาลัยมีหน้าที่เชื่อมต่อศิลปะวิทยาที่สังคมมีอยู่เดิม กับโอกาสสร้างสรรค์ใหม่ๆ เป็นผู้สร้างรอยต่อที่เคลื่อนไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุดนิ่ง ถ้าหยุดนิ่ง หรือยึดมั่นถือมั่นอยู่กับอดีตโดยไม่แสวงหาลู่ทางและสร้างสรรค์ศิลปะวิทยาใหม่ๆ ถือว่ามหาวิทยาลัยละเลยหน้าที่ของตน
มหาวิทยาลัยที่สร้างสรรค์ศิลปะวิทยาใหม่ๆ เชื่อมโยงแต่กับสังคมภายนอก ไม่ทำหน้าที่เชื่อมโยงกับสังคมภายใน (ประเทศ/ท้องถิ่น) ถือว่าไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อสังคม/ท้องถิ่นนั้นๆ อย่างถูกต้อง
สภามหาวิทยาลัยต้องมี “ภาษา” ที่ใช้สำหรับสื่อสารแลกเปลี่ยนความเห็นในการทำหน้าที่เชิงรังสรรค์นี้ ทั้งเพื่อการสื่อสารภายใน (มหาวิทยาลัย) และเพื่อสื่อสารกับภายนอก
หน้าที่เชิงรังสรรค์ คือหน้าที่ “โยนลูกบอลล์” (ภาษาของโตโยต้า) หรือโยนหินถามทาง หรือ “วาดมโนทัศน์” หรือ สร้างความฝันร่วมกัน ที่ไม่ใช่เป็นการที่สภามหาวิทยาลัยเป็นผู้ฝัน แต่จัดกระบวนการให้สมาชิกของมหาวิทยาลัยร่วมกันฝัน ผมคิดว่าเหตุการณ์ตามบันทึก http://gotoknow.org/blog/council/156155 เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำหน้าที่ดังกล่าว โดยที่การประชุมคราวนั้นริเริ่มโดยฝ่ายบริหาร
ในการทำหน้าที่ของ บอร์ด หรือสภามหาวิทยาลัย ต้องทำงานใกล้ชิดกับฝ่ายบริหาร โดยมีความสัมพันธ์ระหว่างสภาฯ กับฝ่ายบริหาร ๔ แบบ จำแนกเป็นตาราง ๒x๒ ตามระดับของ Board (Trustees) Engagement กับระดับของ Executive Engagement ดังนี้
ซึ่งสภาพความสัมพันธ์ที่พึงประสงค์คือ ความสัมพันธ์ตามพื้นที่บนขวา (หมายเลข II) - บอร์ดและฝ่ายบริหารร่วมมือกัน สภาพที่เลวร้ายมากคือพื้นที่ล่างซ้าย (หมายแลข III) – บอร์ดและฝ่ายบริหารต่างก็ไม่ทำงานทั้งคู่ ส่วนสภาพที่ “มีเหมือนไม่มี” คือมีบอร์ดเหมือนไม่มี (ล่างขวา หมายเลข IV) และสภาพมีฝ่ายบริหารที่ไม่รังสรรค์ (บนซ้าย หมายเลข I) ต่างก็เป็นสภาพที่ไม่พึงประสงค์
ผมมีความเห็นเพิ่มเติม (และแตกต่าง) จากหนังสือที่อ้างถึงว่า พื้นที่หมายเลข II ซึ่งทั้ง บอร์ด และฝ่ายบริหารต่างก็เอาจริงเอาจังทั้งคู่ แต่ความเห็นไม่ตรงกัน ไม่ลงรอยกันหรือทะเลาะกัน เป็นสภาพที่เลวร้ายที่สุด ดังนั้นพื้นที่หมายเลข II อาจส่งผลดีที่สุดก็ได้ หรือร้ายที่สุดก็ได้ แล้วแต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างบอร์ดกับฝ่ายบริหารเป็นไปในทางสร้างสรรค์และร่วมมือกันหรือไม่
สภาพที่พึงประสงค์คือ มีการสนธิพลัง (synergy) ระหว่าง บอร์ด กับฝ่ายบริหาร ในการทำหน้าที่เชิงรังสรรค์
บอร์ดทำหน้าที่เชิงรังสรรค์ได้ด้วยปัจจัย ๓P คือ Power, Plurality และ Position
Power วิธีคิดและการดำเนินการเชิงรังสรรค์มีพลัง และบอร์ดก็มีอำนาจในการใช้วิธีคิดและการดำเนินการแนวนี้ ยิ่งใช้วิธีคิดและการดำเนินการแนวนี้มากก็ยิ่งมีอำนาจ
Plurality การทำหน้าที่เชิงรังสรรค์ยิ่งมีพลังหากสมาชิกของบอร์ดมีความแตกต่างหลากหลาย มีมุมมองจากต่างมิติต่างแง่มุม ในขณะที่ในการทำหน้าที่กำกับด้านการเงินและทรัพย์สินต้องการสมาชิกบอร์ดที่คิดสอดคล้องกัน การทำหน้าที่เชิงรังสรรค์ต้องการสมาชิกบอร์ดที่คิดแตกต่างกัน
Position ตำแหน่งหรือจุดยืนของสมาชิกบอร์ดอยู่ที่ขอบขององค์กร คือใกล้ชิดพอที่จะรับรู้และเข้าใจเป้าหมาย การดำเนินการ และวัฒนธรรมขององค์กร แต่ก็ห่างพอที่จะมีมุมมองต่อองค์กรที่กว้าง มองจากระยะห่าง และมองอย่างไม่ยึดมั่น เพราะตนไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวพันด้วยมากนัก ทำให้สามารถมองเห็นภาพใหญ่ และภาพเคลื่อนไหวได้ดีกว่าฝ่ายบริหาร
วิจารณ์ พานิช
๒ ม.ค. ๕๑