ปรัชญาชีวิต จาก FW mail ปีใหม่ค่ะ


ขอให้ท่านมีสุขภาพดีปีใหม่มาสวัสดีปีใหม่ พร้อมรับข้อคิดดีๆจาก FW mailค่ะ
ปรัชญากับเหยือกแก้ว"



>>ชายหนุ่มคนหนึ่งได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง  
>>ให้มาเป็นวิทยากรพิเศษสอนวิชาปรัชญาให้กับนักศึกษาปริญญาโท  
>>เขาเตรียมการสอนอยู่หลายวัน  
>>จึงตัดสินใจจะสอนนักศึกษาเหล่านั้นด้วยแบบฝึดหัดง่าย ๆ  
>>แต่แฝงไว้ด้วยข้อคิด


>>เขาเดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่างบรรจุอยู่ในกระเป๋าคู่ใจ  
>>เมื่อได้เวลาเรียน เขาหยิบเหยือกแก้วขนาดใหญ่ขึ้นมา  
>>แล้วใส่ลูกเทนนิสลงไปจนเต็ม
>>"พวกคุณคิดว่าเหยือกเต็มหรือยัง ?"
>>เขาหันไปถามนักศึกษาปริญญาโท 


>>แต่ละคนมีสีหน้าตาครุ่นคิดว่าอาจารย์หนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนก่อนจะตอบพร้อมกัน...
>>"เต็มแล้ว..."
>>เขายิ้มไม่พูดอะไรต่อ หันไปเปิดกระเป๋าเอกสารคู่ใจ  
>>แล้วหยิบกระป๋องใส่กรวดออกมา  
>>เทกรวดเม็ดเล็ก ๆ จำนวนมากลงไปในเหยือกพร้อมกับเขย่าเหยือกเบา ๆ  
>>กรวดเลื่อนไหลลงไปอยู่ระหว่างลูกเทนนิส อัดจนแน่นเหยือก


>>เขาหันไปถามนักศึกษาอีก
>>"เหยือกเต็มหรือยัง?"
>>นักศึกษามองดูอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาตอบ
>>"เต็มแล้ว..."


>>เขายังยิ้มเช่นเดิม หันไปเปิดกระเป๋าหยิบเอาถุงทรายใบย่อมขึ้นมา  
>>เททรายจำนวนไม่น้อยใส่ลงไปในเหยือก  
>>เม็ดทรายไหลลงไปตามช่องว่างระหว่างกรวดกับลูกเทนนิสได้อย่างง่ายดาย  
>>เขาเทจนทรายหมดถุง เขย่าเหยือกจนเม็ดทรายอัดแน่นจนแทบล้นเหยือก  


>>เขาหันไปถามนักศึกษาอีกครั้ง
>>"เหยือกเต็มหรือยัง?"
>>เพื่อป้องกันการหน้าแตกนักศึกษาปริญญาโทเหล่านั้นหันมามองหน้ากัน  
>>ปรึกษากันอยู่นานหลายคนเดินก้าวเข้ามาก้ม ๆ เงย ๆ  
>>มองเหยือกตรงหน้าอาจารย์หนุ่มอยู่หลายครั้ง  
>>มีการปรึกษาหารือกันเสียงดังไปทั้งห้องเรียน
>>....จวบจนเวลาผ่านไปเกือบห้านาที หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาจึงเป็นตัวแทน  
>>เดินเข้ามาตอบอย่างหนักแน่น
>>"คราวนี้เต็มแน่นอนครับอาจารย์"
>>"แน่ใจนะ"
>>"แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ"


>>คราวนี้เขาหยิบน้ำอัดลมสองกระป๋องออกมาจากใต้โต๊ะแล้วเทใส่เหยือกโดยไม่รีรอ  
>>ไม่นานน้ำอัดลมก็ซึมผ่านทรายลงไปจนหมด  
>>ทั้งชั้นเรียนหัวเราะฮือฮากันยกใหญ่
>>เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี


>>"ไหนพวกคุณบอกว่าเหยือกเต็มแน่ ๆ ไง" เขาพูดพลางยกเหยือกขึ้น
>>"ผมอยากให้พวกคุณจำบทเรียนวันนี้ไว้ เหยือกใบนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา  
>>ลูกเทสนิสเปรียบเหมือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต  
>>การเรียน สุขภาพ ลูก และเพื่อน  
>>สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณต้องสนใจจริง  
>>"สูญเสียไปไม่ได้...."


>>...เม็ดกรวดเหมือนสิ่งสำคัญรองลงมา เช่น งาน บ้าน รถยนต์  
>>ทรายก็คือเรื่องอื่น ๆ ที่เหลือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราจำเป็นต้องทำ  
>>แต่เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้....
>>เหยือกนี้เปรียบกับชีวิตของคุณ ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน  
>>คุณจะมัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆอยู่ตลอดเวลา  
>>ชีวิตเต็มแล้ว...เต็มจนไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวด  
>>ไม่มีที่เหลือให้ใส่ลูกเทนนิสแน่นอน..."


>>"...ชีวิตของคนเราทุกคน..ถ้าเราใช้เวลาและปล่อยให้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ

>>เราจะไม่มีที่ว่างในชีวิตไว้สำหรับเรื่องสำคัญกว่า..."
>>เพราะฉะนั้นในแต่ละวันของชีวิต  
>>เราต้องให้ความสนใจกับเรื่องที่ทำให้ตัวเราและครอบครัวมีความสุข  
>>ใช้ชีวิตเล่นกับลูก ๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย  
>>พาคู่ชีวิตกับลูกไปพักผ่อนในวันหยุด  
>>พากันออกกำลังกายเล่นกีฬาร่วมกันสักชั่วโมงสองชั่วโมง  
>>เพื่อสุขภาพและความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต  
>>เราต้องดูแลเรื่องที่สำคัญที่สุดจริง ๆ
>>ดูแลลูกเทนนิสของเราก่อนเรื่องอื่นทั้งหมด..."
>>"...หลังจากนั้นถ้ามีเวลาเหลือเราจึงเอามาสนใจกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา..."


>>นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
>>"แล้วน้ำที่อาจารย์เทใส่ลงไปล่ะครับ หมายถึงอะไร ?"
>>เขายิ้มพร้อมกับบอกว่า
>>"การที่ใส่น้ำลงไปเพราะอยากให้เห็นว่า  
>>ไม่ว่าชีวิตของเราจะวุ่นวายสับสนเพียงใด ในความสับสนและวุ่นวายเหล่านั้น  
>>คุณยังมีที่ว่างสำหรับการแบ่งปันน้ำใจให้กันเสมอ...."

เวปดีๆที่เข้าไปน่าเข้าไปอ่านดู

http://www.gamer-gate.net/index.php?a=bbs&b=view&id=24904

หมายเลขบันทึก: 157686เขียนเมื่อ 6 มกราคม 2008 10:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 18:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
ขอบคุณที่แบ่งปัน
ลองอ่านดูครับ เรื่องดีๆอ่านอีกรอบคงไม่เบื่อนะ เรื่องเล่าจากหญิงชรา ดีมากๆๆ วันแรกที่พวกเราเริ่มการเรียนในมหาวิทยาลัยนั้น อาจารย์ของเราได้เข้ามาแนะนำตัว และบอกให้พวกเราทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ที่เราไม่รู้จักมาก่อน ผมยืนขึ้นแล้วมองไปรอบๆ และมีมือๆ หนึ่ง เอื้อมมาจับบ่าของผม ผมหันไปพบกับหญิงชราร่างเล็ก ผิวหนังเหี่ยวย่น ที่ส่งรอยยิ้มอันเป็นประกายมาให้ผม รอยยิ้มนั้นทำให้เธอดูสดใสอย่างยิ่ง หญิงชราคนนั้นกล่าวขึ้นว่า "สวัสดี รูปหล่อ ฉันชื่อโรส อายุแปดสิบเจ็ดแล้ว มาให้ฉันกอดสักทีสิ" ผมหัวเราะกับท่าทางของเธอ และตอบอย่างร่าเริงว่า "แน่นอน ได้สิครับ " แล้วเธอก็กอดผมอย่างแรง ผมถามเธอว่า "ทำไมคุณถึงมาเรียนมหาวิทยาลัย เอาตอนที่อายุน้อยและไร้เดียงสาอย่างนี้ละ.. " เธอตอบด้วยเสียงปนหัวเราะว่า "ฉันมาหาสามีรวยๆ ที่ฉันจะได้แต่งงานด้วย แล้วมีลูกสักสองสามคน... " ผมขัดจังหวะเธอ โดยถามว่า "ไม่เอาครับ.. ถามจริงๆ " ผมสงสัยจริงๆ ว่า อะไรทำให้เธอมาเรียนที่นี่ตอนที่อายุขนาดนี้ และเธอตอบว่า "ฉันฝันมานานแล้ว ว่าฉันจะได้ปริญญา และตอนนี้ ฉันก็กำลังจะได้ปริญญาที่ฉันฝัน" หลังเลิกเรียนวิชานั้น เราเดินไปที่อาคารสโมสรนักศึกษาด้วยกัน และนั่งกินชอคโกแลตปั่นด้วยกัน เรากลายเป็นเพื่อนกันในทันที ตลอดสามเดือนหลังจากนั้น เราจะออกจากชั้นเรียนพร้อมกัน และจะไปนั่งคุยกันไม่หยุด ผมนั้นประหลาดใจเสมอเมื่อได้ฟัง "ยานเวลา" ลำนี้ แบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ของเธอให้กับผม ตลอดปีนั้น โรสได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยของเรา และเธอนั้นจะเป็นเพื่อนได้กับทุกคนในทุกที่ที่เธอไป เธอรักที่จะแต่งตัวดีๆ และดื่มด่ำอยู่กับความสนใจ ที่นักศึกษาคนอื่นๆ มีให้กับเธอ เธอได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เมื่อถึงตอนสิ้นสุดภาคการศึกษา เราได้เชิญโรสให้มาพูดที่งานเลี้ยงของทีมฟุตบอลของเรา ผมไม่เคยลืมเลยว่า เธอได้สอนอะไรให้กับเรา ... พิธีกรแนะนำตัวเธอ และเธอก็เดินขึ้นมาที่แท่น ตอนที่เธอกำลังเตรียมตัวที่จะพูดตามที่เธอตั้งใจนั้น เธอทำการ์ดที่บันทึกเรื่องที่เธอจะพูดตกพื้น เธอทั้งอาย ทั้งประหม่า แต่เธอโน้มตัวเข้าหาไมโครโฟนแล้วบอกว่า "ขอโทษด้วยนะ ที่ฉันซุ่มซ่าม ฉันเลิกกินเบียร์มาตั้งนานแล้ว แต่วิสกี้พวกนี้มันแรงจริงๆ... ฉันคงจะเอาบทของฉัน มาเรียงใหม่ไม่ทันแล้วงั้นฉันก็คงได้แค่บอกเรื่องที่ฉันรู้ให้กับพวกคุณก็แล้วกัน" พวกเราทุกคนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง ตอนที่เธอเริ่มต้นว่า "พวกเราทุกคนนั้น ไม่ได้หยุดเล่นเพราะเราแก่หรอก แต่เราแก่เพราะว่าเราหยุดเล่น ที่จริงแล้วมีเคล็ดลับสู่การที่จะยังหนุ่มสาวอยู่เสมอมีความสุข และประสบความสำเร็จอยู่ 4 ประการ 1) พวกคุณจะต้องหัวเราะ และมีเรื่องสนุกๆ ขำขันทุกวัน 2) พวกคุณจะต้องมีความฝัน เมื่อไรก็ตามที่คุณสูญเสีย ความฝันของคุณไป คุณจะตาย มีคนมากมายที่ยังเดินไป เดินมาอยู่ทั้งๆ ที่ตายไปแล้วและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายไปแล้ว.. 3) การที่คุณ "แก่ขึ้น" กับ "เติบโตขึ้น" นั้นมันต่างกันมาก ถ้าคุณอายุสิบเก้า แล้วนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ปีหนึ่ง และไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ตลอดทั้งปี คุณก็จะอายุยี่สิบ ถ้าฉันอายุแปดสิบเจ็ด แล้วนอนเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยตลอดทั้งปี ฉันก็จะอายุ แปดสิบแปด ทุกๆ คนนั้นจะแก่ขึ้น ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องอาศัยความสามารถอะไรเลย ประเด็นของการ เติบโตขึ้น นั้นอยู่ที่การแสวงหาโอกาสในการเปลี่ยนแปลง 4) อย่าทิ้งอะไรไว้ให้เสียใจภายหลัง คนสูงอายุส่วนใหญ่นั้น ไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้ว แต่มักจะเสียใจกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ คนที่กลัวความตายนั้น มีแต่คนที่ยังมีสิ่งทีต้องเสียใจค้างอยู่ " เธอจบการพูดของ เธอด้วยการร้องเพลง "The Rose" อย่างกล้าหาญ และเธอได้แนะให้พวกเราทุกคนศึกษาเนื้อร้องของเพลงนั้นและเอาความหมายเหล่านั้นมา ใช้กับชีวิตประจำวันของพวกเรา เมื่อสิ้นปีการศึกษานั้น โรสได้รับปริญญาที่เธอได้เริ่มฝันไว้เมื่อนานมาแล้ว หนึ่งสัปดาห์หลังจบการศึกษา โรสจากไปอย่างสงบ เธอนอนหลับไปและไม่ตื่นขึ้นอีกเลย นักศึกษากว่าสองพันคนไปร่วมพิธีศพของเธอ เพื่อแสดงความเคารพ ต่อหญิงชราผู้วิเศษ ผู้ได้สอนให้พวกเขาได้รู้ ด้วยการทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า ........ ไม่มีคำว่าสายเกินไป ที่จะเป็นทุกสิ่งที่คุณสามารถเป็นได้ เมื่อคุณอ่านเรื่องนี้จบลง กรุณาส่ง คำแนะนำอันดีเยี่ยมนี้ต่อให้กับเพื่อนและครอบครัวของคุณ พวกเขาคงจะชอบมัน เรื่องราวเหล่านี้ส่งต่อกันมาเพื่อระลึกถึงหญิงชราที่ชื่อ โรส จงจำไว้ว่า "การแก่ขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การเติบโตขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ เราอยู่ได้ด้วยสิ่งที่เราได้รับ แต่เราจะมีชีวิตอยู่เพราะสิ่งที่เราให้ไป"
  • ขอบคุณค่ะที่แบ่งปันข้อคิดดี ๆ นะคะ
  •  ไม่ว่าชีวิตของเราจะวุ่นวายสับสนเพียงใด ในความสับสนและวุ่นวายเหล่านั้น >>คุณยังมีที่ว่างสำหรับการแบ่งปันน้ำใจให้กันเสมอ...."
  • ใกล้ปีใหม่แล้ว มีความสุขหลาย ๆ เด้อ..อิ อิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท