บทกลอนเพื่อชีวิต


บทกลอนสอนใจ

ลุ่มหลงในภาษา โดยเฉพาะบทวรรณศิลป์ อย่างเป็นชีวิตจิตใจ เห็นประโยชน์ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสามารถเป็นที่ระบายให้คลายทุกข์ เมื่อว้าเหว่าเงียบเหงา เมื่อหมดหวังกำลังใจ หรือเมื่อไม่มีใครเข้าใจเรา จึงมีเรื่องเล่าที่ใช้บทกลอนสะท้อนความรู้สึกและความต้องการให้ผู้อื่นรับทราบ ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ โดยเฉพาะวารสารเพื่อนครูในสมัยนั้น

เริ่มจากการไปรับหน้าที่ครูใหญ่ใหม่บนดอยสูง เมื่อปี 2525 ต้องอยู่บ้านพักที่เอียงกระเทเล่ใกล้ล้ม เพราะตีนเสาขาด ของบประมาณซ่อมแซมก็ไม่ได้สักที รู้สึกน้อยใจอยากประชดหัวหน้าการฯ จึงแต่งกลอนให้ชื่อบทกลอนว่า "วิมานเอียง" เสียดายเก็บไว้ดีจนเกินไป หาไม่พบเหตุเพราะเพิ่งย้ายบ้าน จำได้เพียงบาทสุดท้ายว่า "ขอมีสุขอยู่กับบ้านวิมานเอียง" พอหนังสือเล่มนี้ออกสู่สายตาครู ไม่ถึง 2 เดือน ท่านหัวหน้าการฯก็แจ้งว่า ได้เจียดงบซ่อมให้แล้ว 4,200 บาท โดยมีครูแหวง ครูที่ขอลาออกจากราชการเป็นผู้รับเหมา จึงได้รู้จักช่างแหวงแล้วช่วยกันซ่อมแซมจนเป็นบ้านที่ดี น่าอยู่ และช่างแหวงก็ได้พบกับสาวชาวบ้านแต่งงานจนมีลูกหนึ่งคนณ หมู่บ้านแห่งนั้น ปัจจุบันช่างแหวงได้เสียชีวิตแล้วเพราะติดโรคไข้รากสาดน้อย ที่มีตัวหมัดเป็นสาเหตุ

หลังจากนั้นก็มีปัญหาภายในสปจ. มีการขัดแย้งแบ่งพรรคแบ่งพวก ในฐานะที่เป็นทัพหน้า เสียสละอยู่บนดอย ก็เกิดความน้อยเนื้อตำใจแทนที่จะใช้เวลามาดูแลพวกเรา กลับสร้างแต่ปัญหา จึงเขียนกลอนขึ้นมาอีกบทหนึ่งชื่อว่า "พลังมวลชนเพื่อคนดี"

ดวงตะวันทอแสงแรงเจิดจ้า   ณ  ขอบฟ้าขุนเขาอันกว้างใหญ่

เปรียบประดุจพลังของครูไทย   อันยิ่งใหญ่ใต้หล้าสุดฟ้าดิน

มิอาจให้ผู้ใดลากกระชากถือ   เป็นเครื่องมือต่อรองทั้งผองสิ้น

ความถูกต้องเหนือกากเดนมลทิน   ของคนสิ้นความคิดผิดแผกครู

แต่มีให้กับผองใครที่ใฝ่คิด   มอบดวงจิตเพื่องานอย่างหาญสู้

พร้อมนำทางพัฒนาวิญญาครู   สมเป็นผู้รับพลังที่หลั่งรอง

ผิดชั่วดีอย่างไรใคร่ครวญชอบ   เป็นคำตอบปรากฏชนทั้งผอง

สัจธรรมไหลลามตามครรลอง   พลังของมวลชนเพื่อคนดี

                                                              อาจารย์เก

มันรู้สึกสะใจจริงๆ เพราะพวกเราเสียสละอยู่บนเขาบนดอย ไม่รู้เห็นเป็นใจกับใครทั้งนั้น แต่..เราจะขอเลือกข้างคนดี จริงไหม

หลังจากนั้น ลงดอยมาทำหน้าที่ ศึกษานิเทศก์ ต้องระเห็จจากป่าเข้าเมือง มุมานะเรียนรู้ศิลปะทางดนตรีจากครูเพลงนามว่า บวร ไหวดี ซึ่งก็เป็นหัวหน้าของผมเองนั่นแหละ ท่านถ่ายทอดให้หมดทุกอย่างกลายเป็นศิษย์เอก จนตั้งวงดนตรีขึ้นมาคณะหนึ่งชื่อว่า "ทรีโอมิวสิค" ชีวิตจึงผกผันแปรเปลี่ยน จำต้องขลุกอยู่กับวงการคนกลางคืน (วงการศิลปิน) ที่มั่วอยู่ในดงกาม (คนอื่นนะไม่ใช่ผม) แต่ก็ถูกกระทบทางอ้อม ชีวิตครอบครัวก็ประสบปัญหา มีความไม่เข้าใจ ชีวิตจึงหมุนเวียนเลิกแล้วแต่ง แต่งแล้วเลิกอยู่อย่างนั้นไม่มั่นคง จนเบื่อตัวเอง ก็กลอนอีกนั่นแหละที่ช่วยไว้

"ชีวิตใหม่" เป็นหัวข้อที่แต่งอำนวยสุขให้กับตัวเอง เพราะพบคนใหม่ คนรู้ใจ

เข็มชีวิตที่ผิดพลั้งในครั้งก่อน   คอยตัดรอนกำลังใจให้ไหวหวั่น

ไม่อาจหวนทวนกลับไปนับวัน   ผิดครั้งนั้นยังจำจดรันทดใจ

กว่าจะรู้ลุ่มหลงผิดและคิดแก้   เกือบยำแย่เกินกว่าจะแก้ไข

มาบัดนี้วิถีนั้นผันเปลี่ยนไป   พบโลกใหม่ในฝันอันพริ้งเพรา

จะเดินทางสายใหม่ให้เรืองรุ่ง   คอยผดุงทางชีวิตผิดแผกเก่า

มุ่งสร้างสรรค์อนาคตเพื่อสองเรา   เลิกมัวเมาลุ่มหลงในดงกาม

ขอมีเขาเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ไม่มีวันเป็นรองสองหรือสาม

จะขออยู่เป็นคู่ชื่นทุกคืนยาม  ให้สมนามแก้วยอดรักผู้ภักดี

ทิ้งความหลังครั้งเก่าที่เร่าร้อน ไม่อาวรณ์หวนคืนชื่นสุขี

สร้างความหวังครั้งใหม่ให้เปรมปรีด์  กับถิ่นที่แสนฉำ ลำแม่ทา

                                                           อาจารย์เก

ครับ   เพ้อฝันอยู่กับมันได้ไม่นาน  เขาไม่ฝันกับเราด้วย คนอื่นจึงมาแย่งเอาของเราไป เราก็ยินดียกให้ ด้วยนำใจอันประเสริฐ เพราะชื่อประเสริฐนี่นะ พบรักอีกครั้ง ตั้งตัวเป็นหนที่ 4 มีลูกอายุ 11 เดือน พ่ออายุ 53 จะทันได้เห็นความสำเร็จของลูกไหมนี่ ก็นึกขำกับชะตาฃีวิตของตัวเอง เกิดมาชาติหนึ่ง เสมือนรับประสบการณ์ (ด้านนี้) 3 ชาติ เริ่มใหม่ แล้วสิ้นสุด เมื่อสิ้นสุดแล้วเริ่มใหม่ เมื่อเริ่มใหม่แล้วสิ้นสุด เมื่อสิ้นสุดก็เริ่มใหม่ เป็นอยู่อย่างนี้ จนเขาถามว่า "พอหรือยังอาจารย์เก" ก็เลยตอบไปว่า "แล้วแต่พรหมลิขิต"

หนู PaM จุดประกายให้ผมต้องแต่งกลอนอีกครั้ง ก็เลยฝากไว้เป็นประสบการณ์ "ถึงหนูที่อยู่ดอย"

ครูอยู่ พงไพร ในป่า     ท่ามกลาง  หมอกฟ้า  นาเหล่า

กินเผืก กินผำ ยำเตา     คลุกเคล้า สายฝน บนดอย

เขาว่า ในเมือง เลื่องชื่อ     มันคือ สวรรค์ น้อยน้อย

ครูแอบ อิจฉา ตาลอย     บ้านน้อย ป่าใหญ่ ไม่มี

เคยคิด ออกป่า เข้าเมือง     ลืมเรื่อง หนูไหน่ ไก่หมี

ตัดใจ ไม่ได้ สักที     เด็กดี บนดอย  คอยครู

ไม่อาจ ทิ้งเธอ หลีกลี้     หน้าที่  ครูดอย คอยอยู่

หากไป หนูคง ขาดครู     พวกหนู จะอยู่ อย่างไร

จำใจ รับงาน สานต่อ     ไม่ขอ ทิ้งเธอ ไปไหน

แม้ต้อง ว้าเหว่ เปลี่ยวใจ     ฝันฝ่า สู้ไป ในดง

ขอเพียง พวกหนู รู้คิด     ตั้งจิต คิดเพิ่ม เสริมส่ง

ไม่ทิ้ง บ้านนา ป่าดง     ลุ่มหลง ดิ่มดำ "คำเมือง"

ครูวาด หวังไว้ ในจิต     ลูกศิษย์ ฉลาด ปราดเปรื่อง

เสริมสร้าง บ้านป่า รุ่งเรือง     ไม่เฟื่อง ฟุ้งผิน บินไกล

ปณิธาน ขานบอก ตอกยำ     ไม่จำ ไม่จาก ไปไหน

ขออยู่ เคียงคู่ แดนไพร     แม้นไม่ ได้รับ คำชม

นี่คือ งานใน ป่ากว้าง     มุ่งสร้าง สิ่งดี สะสม

แม้เพียง ความวัง ลมลม     คำชม จากใจ หนูเอง

                                              อาจารย์เก

เล่าเกร็ดชีวิตให้สมาชิกที่รู้ใจ ได้ฟัง มันทำให้คลายทุกข์ใจได้บ้าง เพราะมีความรู้สึกว่า ใจเริ่มต่อต้านทุกอย่างที่ ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ไม่ใช่อย่างที่เราคิด ไม่ใช่อย่างที่เรารู้ ความรู้สึกก็พาลไม่รับเอาดื้อๆ เป็นเหตุให้ขาดกำลังใจ ฟุ้งซ่าน แม้แต่การเลือกตั้งที่ใกล้จะถึง ใจยังไม่อนุญาตว่าจะกาให้ใคร  ถ้าถามวันนี้จะกาที่ไม่ประสงค์ลงคะแนน มันเป็นสิทธิ์ใช่ไหม

ขอบคุณทุกท่านที่อ่าน เอาแค่อ่านเล่นเพลินๆก็พอนะครับ อย่าคิดมากไปกับผม

อาจารย์เก

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #บทกลอนสอนใจ
หมายเลขบันทึก: 154469เขียนเมื่อ 18 ธันวาคม 2007 15:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 17:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

. ศิษย์ขอคาระวะอาจารย์ค่ะ

. ช่วยรับเด็กน้อย ตาดำๆ เป็นคนนี้เป็นศิษย์ร่วมสำนักของอาจารย์หน่อยนะคะ

 . .............

 . เป็นบทกลอที่เพราะมากลยค่ะคุณลุง โดนใจหนูเลย โดยเฉพาะบทสุดท้าย

 . เพราะอนาคตหนูอยากเป็นครูดอยบ้างค่ะ

 . ขอบคุณมากค่ะ....

หากหนู PAM เรียนจบ ขอให้หนูมาสมัครสอบครุที่แม่ฮ่องสอน นะจ๊ะ หนูจะได้เรียนรู้ประสบการณ์และสัจธรรมชีวิตของบ้านป่าที่มีแต่ความด้อยโอกาส หากแต่มีแต่ความจริงใจใสซื่อ ที่นี่ไม่มีการสวมหน้ากากเข้าหากัน มีแต่นำใจและความดีงาม มีคนอิสานมาบรรจุทำงานที่นี่ก็มาก ลุงเกชื่นชมพี่น้องอิสาน เพราะเขาสู้งาน สู้ชีวิต สู้ต่อความยากลำบากขาดแคลนของที่นี่ แต่เขาเหล่านั้นก็ประสบความสำเร็จ ทั้งชีวิตครอบครัว หน้าที่การงาน บางคนได้ย้ายกลับบ้านพร้อมนำตาที่ไม่อยากจาก และความสงสารเด็ก แต่หน้าที่ทางครอบครัวบังคับ ลุงเกให้กำลังใจครูทุกคนเสมอ จะอยู่ไกลแสนไกล ลุงเกก็ไปนิเทศ ช่วยเหลือให้กำลังใจ เพราะเป็นคนที่นี่ ต้องขอบคุณเขาที่มาทำประโยชน์ให้ลูกหลานคนบ้านลุงเก ลุงเกจึงขอบคุณคุณครูเหล่านั้นทุกคน พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือและบริการอย่างเต็มกำลังด้วยความจริงใจ

เรียนเรียนจบแล้ว บอกลุงเกอีกครั้ง บอกพ่อและแม่ด้วย ลุงเกยินดีเป็นญาติต่างถิ่นของหนู ลูกของเพื่อนลุงที่อยู่อิสานก็พาลูกมาสอบที่นี่ และมาพักบ้านลุงเก เขาเหล่านั้นได้เป็นครูหมดแล้ว

หนูอย่าลืมนะจ๊ะ ถ้าคิดว่าลุงพอจะช่วยหนูได้ ลุงเกยินดีต้อนรับ เป็นครูดีที่สุด แม้ไม่รำรวย แต่ชาวบ้านรัก เพราะพวกเรามีแต่พระคุณ มีแต่ให้กับสังคม

อาจารย์เก

ขอบคุณคุณสุพจน์ ที่ให้กำลังใจครับ ผมเขียนเรื่องของผมบางส่วนเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจสำหรับคนรุ่นใหม่ ชีวิตไม่มีผิด ไม่มีถูกหรอกครับ มันลิขิตไปตามกรรมของใครของมัน ถ้าเราเข้าใจมันเราก็ไม่ทุกข์ เมื่อใจมันเริ่มเตลิดเราก็ต้องรีบตั้งสติใหม่ ผมสอน ปลอบใจ และแก้ไขปัญหาชีวิตให้แก่คนรอบข้าง รวมทั้งพวกครูเราก็มาก โดยใช้ประสบการณ์ของตัวเองเป็นตัวอย่าง ผมไม่เคยอายใครต่อการกระทำของผมทั้งด้านลบและด้านบวก คนเรามีทั้งชั่ว และดีปะปนเคล้ากันไป ขอเพียงเราอย่าสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ส่วนใครจะสร้างความร้อนให้กับเราก็ถือเสียว่า เป็นกรรมของเรา เท่านี้ก็สบายใจและมีความสุข ผมหมั่นทบทวนตนเองเสมอ ว่าเราเป็นปัญหาให้สังคมหรือเปล่า ถ้ารู้ตัวว่าเริ่มเฉ ต้องรีบตั้งสติใหม่ ผมเป็นอยู่อย่างนี้บ่อยๆครับ

นี่ก็เล่าเสียยืดยาวอีก เป้าหมายเดียวคือ อยากให้ผู้อื่นรู้ว่า เราคิดดีเสมอ

ขอบคุณอีกครั้งครับ

อาจารย์เก

เข้ามาอ่านของอาจารย์ เป็นแบบอย่างของการเขียนจริง ๆ ครับ ขอนุญาต นำเข้าแพลนเน็ตนะครับ

อนุญาตเป็นพิเศษสำหรับเธอ ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างเต็มที่ สำหรับหลานชายคนเก่ง

ลุงเก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท