บัณฑิตศึกษา


การหักดิบทางความคิด

หลังจากหักดิบทางความคิดของตนเองได้ ขับรถกลับบ้านด้วยความมุ่งมั่นมากขึ้น ทั้งๆที่กำลังไม่สบายแต่การขับรถกลับ กาญจนบุรี-นครปฐม ดูใกล้นิดเดียว ขับรถไปคิดไปพลางว่า มีอคติอะไรบ้าง ที่เราใช้เป็นเครื่องมือบดบังความรับผิดชอบและความอดทนที่ขาดหายไปแบบไม่รู้ตัว เป็นเวลานานและมืดมน อย่างไรก็ตามกลับพบว่า...สิ่งที่เป็นคุณสมบัติ จิตวิญญาณของครู ที่ครูต้องมีแน่ๆและต้องมีให้มากคือ"การให้อภัย ให้โอกาส ให้....ให้...และให้..." ก็เคยเป็นคุณสมบัติหนึ่งของเราที่อยากมีให้ฝังในจิตสำนึก แต่มันเลือนหายไปสิ้นเชิงเมื่อเปลี่ยนสภาพมาเป็นนักเรียน ป.เอก โดยเฉพาะบริหารการศึกษาด้วย ขอบคุณอาจารย์ รศ.ดร.ศิริชัย ชินะตังกูร อาจารย์น่ารักตั้งแต่มหิดล จนถึงศิลปากรจริงๆ เขียนBlogครั้งที่แล้วเล่าว่าเซ๊งเซ้งกับการเรียนการสอนในภาควิชานี้ (หลังจากออกฤทธิเดชมาพอสมควร)อาจารย์ก็ใจดีเหลือหลาย..มีมุมมองให้เรารู้สึกดีว่า..เราอาจยังปรับตัวไม่ได้ ซึ่งก็น่าจะจริง อาจารย์ถามว่าจำได้ไหม ผมถามว่า: "ถ้าเรียนไม่จบใน5ปีคุณจะทำอย่างไร..?...ผมยังจำได้และคิดในใจว่า"คุณเป็นคนมั่นใจตัวเองมาก...."   คุณตอบว่า"หนูไม่เคยคิดถึงคำว่าเรียนไม่จบเลยค่ะ"......โหหหยอึ้งเลย..คุยจนสบายใจ จึงตัดสินใจลงทะเบียนเรียนต่อ ทั้งๆที่หมดเวลาการลงทะเบียนแล้ว อาจารย์ยังกรุณาคุยกับอาจารย์ที่มหิดลก็ถูกด่า(บ่น)และไม่ฟังเหตุผลบอกให้กลับไปเรียนลูกเดียว....ที่เค้าไม่จบเพราะคิดแบบคุณนี่ล่ะ.....คุยกับรุ่นพี่อีกคนที่เหลือดุษฯอีก12หน่วยเท่านั้น...รับอาจารย์ไม่ได้..ทุกวันนี้เค้าเสียดายมากเช่นกัน.... ไม่เข้าใจตัวเองเลย..ที่หาเหตุผลสนับสนุนการไม่เรียน  และคิดและปลอบตัวเองว่าเราทำถูกแล้ว เมื่อเรียนแล้วไม่ใช่ก็ไม่รู้จะเรียนไปทำไม เพราะแข็งมาก ไม่ฟังใคร เพื่อนฝูงบอกก็จะรั้นมาก และตอบไปว่าเราเรียนคนละวัตถุประสงค์กัน จริงๆก็หลอกตัวเองมาตลอดว่า ใครบ้างที่เรียนเพราะอยากรู้มากขึ้นจริงๆอยากรู้มากกว่าอยากได้ปริญญาบัตรจริงหรือ.. ที่จริงเรียนเพราะอยากได้ปริญญาบัตรนั่นเอง ถ้าอยากได้ความรู้จริงอย่างที่อ้างกับใครๆ ทำไมค่าลงทะเบียนตั้งมากมายเป็นค่าเรียน Toefl ตั้งหลายรอบ ซื้อหนังสือไทย-เทศได้ตั้งเป็นกระบุง ก็ไม่ซื้อ ว่างก็ไม่อ่านหนังสือ หรือค้นคว้าหาความรู้ที่ขาดหายไป(ที่จริงไม่รู้ว่าไม่รู้อะไรต่างหาก มีอีกมากมายที่เราไม่รู้) ตั้งแต่ว่างไม่เรียน1เดือนไม่ไปอเมริกาอีก20วัน (ที่ภาคจัด)ไม่ทำอะไรเลย Shoping แหลกซื้อๆๆๆๆให้สะใจ ตอบสนองสิ่งที่ขาด หากในส่วนลึกๆ ความรู้สึกส่วนลึกส่งผลต่อพฤติกรรมจริงๆ หรือเรียกว่า ปฏิสัมพันธืเชิงสัญลักษณ์(Symbolic Interactionism/SI)อาจใช้วิชาการสนับสนับการกระทำที่อาจทำให้รู้สึกดีขึ้นว่า "เป็นการตอบสนองสิ่งเร้าภายในด้วยการแสดงชุดพฤติกรรมที่ตนคิดว่าเหมาะกับสถานการณ์นั้น" แต่ละสิ่งที่กระทำมีความสัมพันธ์กันเชิงสัญลักษณ์ แก้วน้ำก็มีลักษณะที่บ่งบอกให้คนทั่วไปรู้ว่าคืออะไร ใช้ทำอะไร ตัวเราก็แสดงออกให้รู้ว่าเป็นตัวเราที่มีความแตกต่างจากแก้วน้ำ ทั้งรูปลักษณ์ วิธีคิดและการกระทำ แก้วน้ำแตกแล้วเป็นเศษแก้วใช้อะไรไม่ได้มีแต่ความแหลมคมของเศาแก้วที่พร้อมจะทิ่มแทง ทำร้ายผู้อื่น...เราไม่ใช้แก้วแน่นอน.." น้านนนนคิดไปได้...และในที่สุดก็สบายใจ..ไม่มีอะไรลึกๆในใจที่ค้างคา จะตั้งหน้าตั้งตาเรียนอีก2ปีให้จบดีกว่า...เป้าหมาย(End)..เป็นสำคัญไม่สนใจวิธีการ(Mean) รู้ว่าอะไรควรทำ(Does) และอะไรไม่ควรทำ(Don't)นี่คือระฆังยกที่1 และเป็นบทเรียนแรกของการเปิดโลกทัศน์ที่ไร้รูปแบบ.....เมื่อวานเพื่อนไปสอบผู้บริหารเพิ่งบอกเค้าว่า สิ่งที่แตกต่างจากผู้ือ่นและต้องมีให้มาก คือ ความอดทนและการครองใจคน เฮ้อ...มีความสุขจริงๆแค่เส้นผมบังภูเขา...เล่นเอาแทบตายเชียว..การเรียนรู้บทแรกที่หลุดพ้น...แค่ยอมรับไม่เห็นเสียฟอร์มเลย..กลับไปอ่านบันทึกท่านว.วชิรเมธีดีกว่า...17/12/50

หมายเลขบันทึก: 154318เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2007 22:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มีนาคม 2012 16:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท