ใช้KM เป็นเครื่องมือในการทำงานพัฒนาการเกษตร ของหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประจำจังหวัดกำแพงเพชร
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2550 เวลา10.00-12.00 น. ณ.ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร ผมมีโอกาสเข้าร่วมการประชุม เพื่อซักซ้อมความเข้าในการทำงานร่วมกัน ของหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำจังหวัดกำแพงเพชร ประกอบด้วยผู้แทนเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ผู้แทนพัฒนาที่ดินจังหวัด ผู้แทนชลประทานจังหวัด ผู้แทนศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวกำแพงเพชร ประมงจังหวัด และ เกษตรจังหวัด
ความเป็นมา
สืบเนื่องมาจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ได้มอบนโยบายให้หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัด ได้ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืชของเกษตรกร ให้ตรงกับศักยภาพความเหมาะสมของพื้นที่ และให้มีการใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้เพื่อลดความเสี่ยงของเกษตรกรด้วย หากจะพูดตามความเข้าใจก็คือ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องการให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำจังหวัด ได้ทำงานเชิงบูรณาการ หรือให้ทำงานร่วมกันนั่นเอง โดยยึดพื้นที่ ชุมชน และเกษตรกร โดยให้มองศักยภาพของพื้นที่เป็นหลัก มิใช่ต่างคนต่างทำ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเกษตรต้องคุยกัน และวางแผนการทำงานร่วมกัน หากมีการกำหนดเป้าหมายในการทำงานด้านการพัฒนาการเกษตรของจังหวัดกำแพงเพชร เฉพาะหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง เมื่อลงปฏิบัติงานตามกรอบ บทบาท ภารกิจ ของแต่ละหน่วย นั้น แยกส่วนกันทำ โดยไม่ได้คิดเป็นองค์รวม หรือการคิดเชิงระบบแล้วคงจะสำเร็จยาก เพราะฉะนั้นจึงมีการกำหนด โจทก์ขึ้นมา ซึ่งหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประจำจังหวัด ซึ่ง อาจจะเป็นในรูปของคณะทำงาน ขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ประการคือ (1) เพื่อหาแนวทางในการแนะนำ ส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดิน ให้เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ (2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการผลิตของเกษตรกร (3) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการใช้ที่ดินตามศักยภาพความเหมาะสมกับการเพาะปลูกเดิมของเกษตรกร
การเตรียมการและสร้างความเข้าใจในการทำงานร่วมกัน
1. นำผลการวิเคราะห์ของข้อมูลข้อมูลการเกษตรเชิงแผนที่ โดยใช้ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม การเพาะปลูกพืชของกรมพัฒนาที่ดิน เปรียบเทียบกับข้อมูลศักยภาพความเหมาะสมการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ (ข้าว) เพื่อหาพื้นที่ที่ทำการเกษตรไม่เหมาะสมเป็นรายอำเภอ
2. ทำการตรวจสอบข้อมูลที่ได้จากซ้อนทับแผนที่ (Overlay ) โดยวิธีเดินสำรวจด้วยเครื่องกำหนดตำแหน่งบนโลก GPS ( Global Positioning System ) เพื่อหาเกษตรกรเจ้าของที่ดิน/เกษตรกรที่ทำประโยชน์ในดินที่ทำการเกษตร ไม่เหมาะสม
3. ประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้เกษตรกรเป้าหมาย รับทราบข้อมูล สถานภาพการทำการเกษตร ของตนเอง และสุ่มตัวอย่างเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ
4. ประชุมสัมมนาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ ได้รับทราบรายละเอียดขั้นตอนดำเนินงาน และสร้างความเข้าใจในการทำงานร่วมกัน ในระดับพื้นที่ กับเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัด
5. การกำหนดแผนปฏิบัติงานร่วมกัน ระหว่างเดือนธันวาคม 2550-มิถุนายน 2551 โดยจะต้องมีการสร้างทีมงาน ผู้ปฏิบัติเพื่อดำเนินการจัดเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม และการสังเกต พร้อมทั้งจัดเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพควบคู่กันไปด้วย และสำคัญที่เน้นการมีส่วนร่วมของเกษตรกรและชุมชนในพื้นที่เป้าหมายเป็นหลัก
เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันนอกรอบครั้งที่1
จากการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2550 ณ.ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการเริ่มต้นแห่งความร่วมมือกัน ระหว่างหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำจังหวัดประกอบด้วย ผู้แทนเกษตรและสหกรณ์ ประมง ชลประทาน พัฒนาที่ดิน ศูนย์เมล็ดพันธ์ข้าว เกษตรจังหวัด จึงนับว่าเป็นการเริ่มต้นคิดกันในเชิงบวก ด้วยการแลกเปลี่ยน และหาแนวทางที่จะทำงานร่วมกัน น่าจะพอมองเห็นงานที่จะทำร่วมกัน หรืองานที่ได้รับมอบหมายให้ทำ หากจะมองด้าน KM ก็พอจะมองส่วนของหัวปลาคืออะไรและ ก็พอจะมองเห็นทีมงานที่จะทำงานร่วมกัน แต่ก็คาดหวังว่า แต่ละท่านน่าจะมาจากใจจริง หรือได้รับมอบหมายให้มาด้วยใจรักในงานที่จะทำงานร่วมกัน พอจะมองเห็นเหล่า คุณอำนวย จากหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ในครั้งนี้ และมีข้อสรุปร่วมกันก็มีการยกร่างแผนปฏิบัติงานร่วมกัน แนวทางการทำงานร่วมกัน การคัดเลือกพื้นที่ที่จะดำเนินการ ตลอดจนการกำหนดวงเงินงบประมาณ ที่จะใช้ในการดำเนินการเป็นต้น นับว่าเป็นบรรยากาศของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
ข้อสังเกตในเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครั้งนี้
ความจริง เป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้มองเห็นแวว เหล่าคุณอำนวยของแต่ละหน่วยงาน หากได้สร้างบรรยากาศที่ดีของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งหาดูได้ยากในองค์กรของรัฐ แม้จะพยามพัฒนาคน พัฒนางาน และพัฒนาองค์กร โดยใช้ KM เป็นเครื่องมือในการทำงานก็ตาม แต่ในขณะเดียวกัน หัวใจสำคัญ อีกประการหนึ่งก็คือ การพัฒนาองค์กรให้เป็นLO ต้องควบคู่กันไปกับ KM และต้องกระโดดข้ามหลุมดำที่เป็นทั้งหลุมใหญ่และหลุมเล็กให้ได้เสียก่อน ถึงจะพัฒนาไปสู่ KM ตามธรรมชาติ หรือKM สวมลงในงานปกตินั่นเอง แต่ผมเองก็คาดหวังเช่นนั้น แต่ก็ต้องเรียนรู้ไป และพัฒนาไปพร้อมๆกัน หากจะถามว่ายากไหม ก็ขอตอบว่า จะว่ายากก็ไม่ยาก จะว่าง่ายก็ไม่ง่ายเช่นกัน แต่มีกิจกรรมให้ทำงานในเชิงรุก หรือมีเวทีปฏิบัติการ(Action )ร่วมกัน ก็ดีกว่าตั้งการตั้งรับนะครับ อย่างน้อยๆนักส่งเสริมการเกษตรระดับปฏิบัติการจะได้ทำงานอย่างมีเป้าหมายและการทำงานอย่างเป็นระบบ เกิดการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการปฏิบัติงานในภาคสนาม เกิดการทำงานเป็นทีมร่วมกับหน่วยงานอื่น และการพัฒนาการเกษตรของจังหวัดกำแพงเพชรน่าจะมีความเป็นไปได้สูง หากเกิดการบูรณาการทุกระดับ แต่ลึกๆในการจัดเวทีครั้งนี้เราไม่ได้เอ่ยถึงKM เลยครับ แต่เรานำKM ไปเป็นเครื่องมือในการทำงานร่วมกันนั่นเองครับ แต่เราตั้งความคาดหวังไว้ว่าน่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่จะขยายแนวคิดของKM (สร้างเครือข่ายในการทำงาน) ไปสู่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประจำจังหวัดกำแพงเพชรได้ไม่ยากครับ (โปรดติดตามตอนที่2)
สวัสดีครับ พี่เขียว
สวัสดีค่ะพี่เขียวมรกต
ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านบล็อกของพี่ ในโอกาสหน้าคงได้แลกเปลี่ยนความรู้กับพี่ค่ะ เพราะปุยเองก็ทำงานด้านสหกรณ์ แต่ส่วนงานของพี่ทำเกี่ยวกับเกษตร และขออนุญาตนำบล็อกเข้าแพลนเน็ตค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ
เครื่องมือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆนะมีใหมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ