วันเวลาผ่านไป ดิฉันน้ำหนักมากขึ้น (เกินพิกัดปกติ) งานที่มากขึ้น ตามตำแหน่งหน้าที่การงานที่มาพ่วงท้าย ทำให้จิตใจของดิฉันไม่ค่อยได้พักผ่อน คอยแต่จะคิดอยู่ไม่หยุด วิธีแก้ไขความไม่สมดุลย์นี้ก็คือ ดิฉันกำหนดตารางเวลาให้ตื่นเช้า ประมาณตี 4 เพื่อนั่งสมาธิสัก 1 ชั่วโมง เป็นการบริหารจิต หลังจากนั้นตี 5 ถึง 6 โมงเช้า ก็ออกไปเดินออกกำลังกายให้ได้เหงื่อเสียหน่อย แล้วก็กลับมาเขียน Blog
การจะปฎิบัติให้ได้ตามตารางที่กำหนดไว้ ต้องอาศัยความเพียรพยายามเป็นอย่างยิ่ง แม้ดิฉันจะรู้สึกตัวตื่นตามเวลาเพราะร่างกายปรับตัวเป็นนาฬิกาปลุกได้ก็ตาม แต่ก็รู้สึกเกียจคร้านไม่อยากตื่นนอนแทบทุกครั้ง ความวิริยะอุตสาหะที่พยายามปฏิบัติให้เป็นปกติ ประมาณ 2 เดือนเศษที่ผ่านมา ไม่ได้ทำให้น้ำหนักตัวลดแต่ประการใด จะดีก็เพียงไม่เพิ่มขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ แต่รู้สึกร่างกายแข็งแรง กระปรี้กระเปร่า ส่วนความมั่นคงของอารมณ์ และความคิดการตัดสินใจ ก็อยู่ในเกณฑ์ดี ยิ้มได้ ไม่เครียด ไม่ปวดศีรษะ นอนหลับสบาย
ที่ยังแย่อยู่ก็ คือ การเขียน Blog ช่วงหลังๆ ไม่ยอมเขียนเอาเสียเลย กระปริบกระปรอย ค่อยๆ หายไป ๆ วันนี้ดิฉันขอแก้ตัวใหม่ ขอตั้งใจใหม่ อาจจะต้อง ขออย่างนี้อีกหลายครั้ง แต่สัญญา (กับตัวเอง)ว่าจะพยายาม
นี่เป็นอีกครั้งที่ดิฉันรู้สึกว่า คุณธรรมข้อที่ 2 ของอิทธิบาท 4 คือ วิริยะ ช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นจริงๆ
ได้อ่านบล็อกของอาจารย์แล้ว ทำให้ผมเองมีความตั้งใจที่จะเขียนบล็อกขึ้นเพราะอาจารย์มีภาระตั้งมากมาย แต่ยังมีความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ในการเอาชนะตนเอง ซึ่งเป็นชัยชนะที่สำคัญที่สุด และอาจารย์ได้ถ่ายทอดสิ่งที่เป็น TACIT KNOWLEDGE ในความเป็นตัวของตัวเองได้เป็นอย่างดี ผมเองมีความรู้สึกว่าอาจารย์ได้ศึกษาอะไรแล้ว อาจารย์จะเข้าถึงสิ่งที่เป็นแก่นความรู้ในเรื่องนั้นได้ดี ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาขอตั้งสัจจะด้วยครับว่าจะเขียนบล็อกอย่างต่อเนื่อง ...
ผมมาเขียน blog ได้ เป็นเพราะคน 3 คน
สิ่งที่ผมยังทำไม่ได้อย่างอาจารย์คือการจัดสรรตารางเวลา และการออกกำลังกายครับ