ยอมรับว่าตั้งแต่ประชุมเครือข่ายฯสัญจรในวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ยังไม่ได้ทำงานต่ออย่างเป็นชิ้นเป็นอันเลย เหตุที่เป็นเช่นนี้ผู้วิจัยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร ยอมรับว่าในการทำงานกับคนหมู่มากเราจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ได้ เราต้องฟังความเห็นของคนส่วนรวม ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ผ่านมาเครือข่ายฯทำงานกันอย่างนี้หรือเปล่า จริงอยู่แม้งานของเครือข่ายฯหรือแม้กระทั่งของกลุ่มเป็นงานส่วนรวม ไม่ได้รับค่าตอบแทน (ที่ไม่ได้รับ ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีเงิน แต่ผู้วิจัยคิดว่าเป็นเรื่องของการบริหารจัดการมากกว่า) คนที่อาสาเข้ามาทำต้องมีความเสียสละสูง สำหรับผู้วิจัยแล้วยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดกับปรากฎการณ์นี้พอสมควร ใจของเราอยากจะทำงาน แต่ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราก้าวไปไม่ได้ คงจะเหมือนกับช่วงที่ผู้วิจัยทำวิทยานิพนธ์ ช่วงนั้นรู้สึกท้อแท้มาก ไม่รู้ว่าบรรยายความรู้สึกออกมาอย่างไร บอกได้อย่างเดียวว่ารู้สึกเหมือน "กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง"
ในช่วงสัก 1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมา บังเอิญได้คุยกับอาจารย์ชาติชาย ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ศูนย์ลำปางเหมือนกัน ท่านสอนวิชากฎหมาย ผู้วิจัยรู้สึกว่าเวลาได้คุยด้วย เราจะได้ข้อคิดดีๆในการทำงานหรือข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิตเสมอ ในวันนั้นก็เหมือนกัน เราคุยกัน 2-3 เรื่องเกี่ยวกับการทำงาน คำพูดประโยคหนึ่งของอาจารย์ชาติชายที่สะกิดใจผู้วิจัยเป็นอย่างมาก และทำให้ผู้วิจัยมีกำลังใจในการทำงานต่อไป อาจารย์บอกว่า "ถ้าหากองค์กรแย่ แล้วเราทำตัวแย่ไปกับองค์กร แสดงว่าองค์กรมีผลกับตัวเรา ถ้าองค์กรแย่ แต่เรามีสติ ใช้ปัญญาและความรู้ในการตรึกตรอง เราจะไม่แย่ไปกับองค์กร ในทางตรงกันข้าม เราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้องค์กรดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว" คำพูดประโยคนี้ทำให้ผู้วิจัยได้คิดและหันมาสนุกกับการทำงานใหม่ เพราะ ผู้วิจัยจะไม่ยอมให้ตัวเราแย่ไปกับองค์กรแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ผู้วิจัยจึงเริ่มต้นการทำงานโดยยึดคำคมวลีหนึ่งที่ว่า "สางงานต่อ ก่องานใหม่"
ในส่วนของการสางงาน (เก่า) นั้น จะมีทั้งแผนระยะยาว และ แผนระยะสั้น ในส่วนของแผนระยะยาวนั้น เริ่มต้นจาก
หางานประจำให้กับตัวเอง งานประจำที่ว่านี้คือ ต้องหาความข้อมูล ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับกลุ่ม องค์กร การจัดการความรู้ ฯลฯ โดยการอ่านหนังสือทุกวัน จะอ่านวันละกี่หน้าก็ได้ อ่านสะสมอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ความรู้ก็จะเกิดขึ้นมาเองโดยที่เราอาจไม่รู้ตัวก็ได้ ตอนนี้ทำมาได้ 4 วันแล้ว (เริ่มตั้งแต่คืนวันจันทร์) เอกสารชิ้นแรกที่หยิบขึ้นมาศึกษา คือ "แผนยุทธศาสตร์การพัฒนา เทศบาลตำบลแม่พริก อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง"
สำหรับแผนระยะสั้น เริ่มต้นจาก
เก็บตกสิ่งที่ควรจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ ซึ่งมีอยู่มากมาย จะเริ่มจากการไปพูดคุยกับหน่วยงานสนับสนุนในระดับจังหวัด ตอนนี้เท่าที่ list ออกมาได้ก็มี
- สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง
- สำนักงานเกษตรจังหวัดลำปาง
- ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดลำปาง
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
เมื่อพิจารณาวันว่างในอาทิตย์หน้าซึ่งมีอยู่ 3 วัน คือ วันอังคาร , วันพฤหัสบดี , วันศุกร์ (เต็มวัน) ส่วนวันพุธนั้นว่างครึ่งวันเช้า แต่ต้องกันเอาไว้อย่างน้อย 1 วัน เพื่อไปพบนายอำเภอวังเหนือ ดังนั้นจะเหลือวันว่างเต็มวัน 2 วัน และครึ่งวันอีก 1 วัน ซึ่งถ้านัดหมายเวลาของหน่วยงานเหล่านี้ได้ลงตัวและไม่มีโปรแกรมด่วนเข้ามาทำให้ผิดแผน คิดว่าภายในวันศุกร์หน้าจะได้พูดกับทุกหน่วยงานอย่างครบถ้วน ดังนั้น ในช่วง 2 วันที่เหลือนี้ (วันเสาร์ กับ วันอาทิตย์) สิ่งที่ผู้วิจัยจะต้องทำ คือ (1) จัดตารางเวลาให้ลงตัว (2) เตรียมประเด็นการพูดคุยเพื่อให้ได้เนื้อหาสาระมากที่สุด
การก่องานใหม่ งานแรกที่จะทำ คือ
เตรียมตัวลงทำงานในระดับกลุ่มและระดับสมาชิกอย่างเต็มที่ สำหรับในช่วงอาทิตย์หน้าคงจะทำงานในส่วนนี้ช่วงเย็น เพราะ ช่วงเช้าต้องทำงานประจำ และ พูดคุยกับหน่วยงาน โดยจะเริ่มไปตามกลุ่มเป้าหมายทั้ง 5 กลุ่ม แต่อาจต้องใช้ทางลัดใน 2 วันที่เหลือนี้ (วันเสาร์ กับ วันอาทิตย์) โดยการพูดคุยทางโทรศัพท์เพื่อให้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นก่อนว่าแต่ละกลุ่มจะเอาอย่างไร (เอาอย่างไรในที่นี้ หมายความว่า จะทำงานไปพร้อมๆกัน ทำงานไปด้วยกัน หรือ จะต่างกลุ่มต่างทำงาน) ทีมวิจัยจะได้วางแผนได้ถูกต้องว่าในส่วนของทีมวิจัยจะทำอย่างไรต่อไป
ตอนนี้คิดและตั้งเป้าหมายไว้แค่นี้ค่ะ หลังจากผ่านไป 1 อาทิตย์ ผู้วิจัยจะทำการประเมินตนเองว่าทำได้อย่างที่วางแผนไว้หรือไม่ คิดว่าถ้าทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ คงทำให้งานที่เราตั้งมั่น ทุ่มเท ดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน เพราะ ขณะนี้เราทำงานเพื่อส่วนรวม การทำงานจะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม ไม่ใช่ one man show
ไม่มีความเห็น