หลายคนคงสงสัยว่าทำไมต้องศึกษาสภาพทั่วไป รวมทั้งข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญของเทศบาลด้วย สำหรับผู้วิจัยแล้วขอยอมรับว่าในขณะนี้ก็ตอบได้ไม่ชัดเจนเหมือนกันว่าทำไมต้องศึกษา ไม่ศึกษาได้ไหม ศึกษาแล้วจะเอาไปทำอะไร ฯลฯ เบื้องต้นที่สุดผู้วิจัยคิดว่าจำเป็นต้องศึกษา เพราะ ข้อมูลเหล่านี้จะชี้ให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบกลุ่มของเราเป็นอย่างไร หน่วยงานเหล่านี้ให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรเป็นพิเศษ แล้วเราจะหาทางสอดแทรกเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานร่วมกันได้อย่างไร และที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ข้อมูลเหล่านี้จะให้ความรู้แก่เรา ซึ่งความรู้เป็นส่วนสำคัญมากของกระบวนการจัดการความรู้ เนื่องจาก การจัดการความรู้ คือ การนำความรู้มาใช้ในการปฏิบัติงาน
ความจริงแล้วโดยส่วนตัวผู้วิจัยก็ไม่ค่อยชอบการศึกษาข้อมูลเหล่านี้จากเอกสารเหมือนกัน เพราะ รู้สึกว่ามันขาดชีวิตชีวา มันเป็นแท่งๆ มองไม่เห็นความเคลื่อนไหว แต่อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาวิจัยในโครงการนี้ ผู้วิจัยตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะลงไปศึกษาข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียด โดยใช้เทคนิคการศึกษาภาคสนามร่วมด้วย แต่ในเบื้องต้นขอศึกษาจากเอกสารก่อน เพื่อที่จะได้มองเห็นภาพรวมกว้างๆ หลังจากนั้นค่อยเจาะลึกทีละประเด็น จำได้ว่าสมัยเรียนปริญญาโท ช่วงทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งในครั้งนั้นผู้วิจัยทำการศึกษาเรื่องเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบในชุมชนแห่งหนึ่ง จำเป็นต้องหาข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ด้วย แต่เชื่อไหมคะว่าผู้วิจัยไม่เคยไปขอข้อมูลเหล่านี้จากเทศบาลเลย ใช้การลงพื้นที่ พูดคุย สัมภาษณ์ล้วนๆ จนอาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่าเชื่อแล้วว่าผู้วิจัยไม่ชอบอ่านหนังสือ เพราะ แม้แต่ข้อมูลเพียงไม่กี่หน้าของเทศบาลผู้วิจัยยังไม่มีความพยายามที่จะหามาอ่านหรือมาศึกษาเลย ผู้วิจัยก็ได้แต่ยิ้มๆ ไม่พูดอะไร ความจริงก็ไม่ถึงกับขี้เกียจขนาดนั้น แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละค่ะว่ารู้สึกว่าข้อมูลจากเอกสารยังมีจุดอ่อนอีกมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดแข็งนะคะ สำหรับผู้วิจัยแล้วเห็นว่าข้อมูลจากเอกสาร โดยเฉพาะเอกสารราชการก็มีข้อดีเหมือนกัน เพราะ สามารถให้ภาพรวมอย่างกว้างๆได้ โดยเฉพาะภาพรวมที่เป็นโครงสร้าง แต่จะดีมาก ถ้าเราหาข้อมูลหลายๆทางค่ะ
เมื่อวานนี้สรุปเกี่ยวกับสภาพทั่วไปของเทศบาลตำบลแม่พริกไปแล้ว วันนี้จะขอสรุปต่อในหัวข้อต่อไป คือ ข้อมูลด้านโครงสร้างพื้นฐาน และข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ
2.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน
2.1การคมนาคม/ขนส่ง ในเขตเทศบาลใช้ถนนในการคมนาคมเป็นหลัก
2.2การไฟฟ้า ทุกครัวเรือนในเขตเทศบาลมีไฟฟ้าใช้
2.3การประปา ทุกครัวเรือนมีนำประปาใช้ โดยใช้นำประปาจากการประปาส่วนภูมิภาค ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน หมู่ที่2 บ้านท่าด่าน ตำบลแม่พริก
2.4การสื่อสารและการคมนาคม มีที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข 1 แห่ง สามารถรับสัญญาณวิทยุติดตามตัวในพื้นที่ราบได้ มีครัวเรือนที่ใช้โทรศัพท์ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์
2.5การจราจร มีปัญหาไม่มากนัก ส่วนมากมีการสัญจรไปมาในช่วงเช้าและช่วงเย็นหลังจากนักเรียนเลิกเรียนแล้ว
2.6การใช้ที่ดิน พื้นที่ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์เป็นพื้นที่เกษตรกรรม อีก 50 เปอร์เซ็นต์ใช้เป็นที่อยู่อาศัย
3.ด้านเศรษฐกิจ
3.1โครงสร้างทางเศรษฐกิจ/รายได้ประชากร
ประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพทางด้านการเกษตร และมักประสบปัญหาพืชผลราคาตกตำ ทำให้รายได้ของประชากรค่อนข้างตำ รายได้เฉลี่ยของประชากรประมาณ 40,000-50,000 บาทต่อครัวเรือน ดังนั้น ประชากรในวัยแรงงานจึงไปประกอบอาชีพในท้องที่จังหวัดอื่นๆหรือต่างประเทศอยู่พอสมควร
3.2การเกษตรกรรม
พื้นที่ทางการเกษตรร้อยละ 50 ยังขาดการพัฒนาและใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ สินค้าพืชสวน เช่น มะนาว ส้มเกลี้ยง กล้วยนำว้า ฯลฯ ราคาค่อนข้างตำ และไม่มีการดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มราคาให้สูงขึ้น รวมทั้งไม่มีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถเก็บรักษาได้ยาวนาน
3.3การอุตสาหกรรม
ยังไม่ปรากฎว่ามีการประกอบอุตสาหกรรมทั้งในระดับครัวเรือน โรงงานขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ดังนั้น แรงงานส่วนใหญ่จึงต้องไปทำงานหรือประกอบอาชีพในต่างจังหวัด
3.4การพาณิชยกรรม/การบริการ
มีการประกอบการพาณิชยกรรม/การบริการประเภท ร้านค้าขนาดเล็ก ประเภทร้านสินค้ารวมหลายอย่าง ร้านขายของชำ ร้านอาหารเครื่องดื่ม ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ร้านขายเครื่องวิทยุไฟฟ้า ด้านการบริการมีร้านตัดผม ร้านเสริมสวย ร้านซ่อมเครื่องยนต์ รถยนต์ รถจักรยานยนต์
3.5การท่องเที่ยว
ในเขตเทศบาลยังไม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจ
3.6การปศุสัตว์
เกษตรกรมีการเลี้ยงโค กระบือ ตามทุ่งหญ้า ไร่นาตลอดทั้งปี ส่วนการเลี้ยงสุกร และสัตว์ปีก (ไก่พื้นบ้าน) เป็นการเลี้ยงเพื่อบริโภคในครัวเรือน ส่วนที่เหลือจึงจะนำมาขาย
จากข้อมูลในส่วนนี้ทำให้ผู้วิจัยได้รับความรู้และเกิดความคิดเพิ่มขึ้นมาพอสมควร เช่น
1.เนื่องจากส่วนใหญ่ประชากรประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม ดังนั้น จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่าในการที่จะขยายผลไปสู่ประชากรในกลุ่มนี้จะมีวิธีการที่เหมือนหรือแตกต่างกับประชากรกลุ่มอื่นๆหรือไม่? อย่างไร?
2.หากพิจารณาข้อมูลในด้านการประกอบอาชีพจะเห็นได้ว่า ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการเลี้ยงโค กระบือ ซึ่งเลี้ยงกันทั้งปี ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ทางกลุ่มได้บอกกับผู้วิจัยว่าทางกลุ่มกำลังทำในเรื่องการเลี้ยงวัวขุนเพื่อให้เป็นวิสาหกิจของชุมชน เนื่องจาก พื้นที่มีความเหมาะสม มีอาหารให้กับโคกินทั้งปี แต่ขาดในเรื่องของเงินทุนและการสนับสนุนจากทางภาครัฐ ดังนั้น ในส่วนนี้อาจเชื่อมไปสู่การทำงานร่วมกันระหว่างทางกลุ่มกับทางเทศบาลได้ ข้อมูลตรงนี้น่าสนใจ ผู้วิจัยจะลงไปศึกษาและพูดคุยในรายละเอียดต่อไปค่ะ
ไม่มีความเห็น